เชื่อมโยง คงสิทธิประกันสังคม เพื่อคุ้มครองแรงงานทั้งอาเซียน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีระดับการเคลื่อนย้ายแรงงานที่สูงมาก
โดยในปี 2560 ข้อมูลจากสหประชาชาติชี้ว่า มีประชากรอาเซียนที่เคลื่อนย้ายไปทำงานในประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นสูงถึง 9.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 1.5% ของจำนวนประชากรทั้งภูมิภาค ในอนาคต การเคลื่อนย้ายแรงงานภายในอาเซียนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้การเดินทางและการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับตำแหน่งงานในต่างประเทศมีต้นทุนค่าใช้จ่ายถูกลงและสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาประเทศทั้งในเชิงเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศอาเซียนที่ดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและนอกภูมิภาค ซึ่งจะตามมาด้วยแรงงานและผู้เชี่ยวชาญที่เข้าไปมีส่วนในการพัฒนาประเทศดังกล่าว
ความสำคัญของแรงงานข้ามชาติต่อการพัฒนาประเทศแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการให้ความคุ้มครองทางสังคมแก่กลุ่มคนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิประกันสังคมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับช่วงวัยทำงาน ซึ่งมาตรฐานขั้นต่ำของระบบประกันสังคมตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 102 (Social Security (Minimum Standards) Convention) ประกอบด้วยสิทธิประโยชน์ 9 ด้าน ได้แก่ กรณีชราภาพ (old age benefits) กรณีทุพพลภาพ (invalidity benefits) สิทธิประโยชน์ที่ให้แก่ทายาทกรณีผู้ประกันตนเสียชีวิต (survivors benefits) การรักษาพยาบาล (medical healthcare) สิทธิประโยชน์เมื่อเจ็บป่วย (sickness benefits) กรณีคลอดบุตร (maternity benefits) กรณีว่างงาน (unemployment benefits) กรณีเจ็บป่วยจากการทำงาน (employment injury benefits) และสิทธิประโยชน์สำหรับครอบครัว (family benefits) ซึ่งการได้รับสิทธิประโยชน์ประกันสังคมที่ครบถ้วนรอบด้านย่อมทำให้แรงงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ มีความช่วยเหลือรองรับเมื่อเกิดกรณีต่างๆ และมีหลักประกันทางสังคมที่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตเมื่อถึงวัยเกษียณอายุ
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงงานข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียนอาจยังไม่ได้รับการคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุมเพียงพอ อันเนื่องมาจากอุปสรรค 3 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองทางสังคมในหลายประเทศอาเซียนยังไม่ครอบคลุมแรงงานข้ามชาติ เช่น มาเลเซียไม่ได้ให้สิทธิประโยชน์กรณีทุพลภาพและบำนาญแก่ทายาทในกรณีผู้ประกันตนที่เป็นแรงงานข้ามชาติเสียชีวิตด้วยเหตุที่ไม่ได้เกิดจากการทำงาน ดังนั้น ประเทศอาเซียนจึงควรมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงสิทธิประกันสังคมในประเทศปลายทางได้
ประการที่สอง คือ แม้แรงงานข้ามชาติจะสามารถเข้าเป็นสมาชิกระบบประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบไปแล้ว แต่อาจเข้าไม่ถึงสิทธิประโยชน์ประกันสังคมเนื่องจากการขอรับสิทธิประโยชน์ในบางประเทศยังมีช่องทางจำกัด ในหลายประเทศยังกำหนดให้ผู้ประกันตนต้องไปแสดงตนพร้อมเอกสารประกอบฉบับจริง ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดต้นทุนในการเดินทางและขาดงานเนื่องจากต้องไปทำเรื่องภายในเวลาทำการแล้ว ยังจะเป็นอุปสรรคแก่แรงงานข้ามชาติที่มักต้องรีบกลับประเทศทันทีที่สัญญาจ้างหมดลงจึงไม่มีเวลาเตรียมการ โดยในปัจจุบันมีเพียง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์เท่านั้นที่มีช่องทางการขอรับสิทธิประโยชน์ online นอกจากนี้ ช่องทางการจ่ายสิทธิประโยชน์เองก็จำกัด
แม้ในปัจจุบัน ประเทศอาเซียนส่วนมากมีการจ่ายสิทธิประโยชน์เข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งสะดวกและปลอดภัยกว่าการให้เข้าไปรับเงินสดหรือเช็คที่สำนักงาน แต่ในหลายประเทศ เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามยังไม่มีการจ่ายสิทธิประโยชน์ออกนอกประเทศ (exportability) หากแรงงานข้ามชาติไม่ได้รับการจ่ายเงินก่อนที่จะถึงกำหนดกลับประเทศก็จำเป็นต้องเดินทางเข้ามารับสิทธิประโยชน์ในประเทศด้วยตนเอง ซึ่งทางแก้อุปสรรคนี้คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทั้งช่องทางการรับเรื่องแบบ online และการใช้เทคโนโลยีการเงินรูปแบบใหม่ เช่น QR Code รับ-จ่ายเงินสิทธิประโยชน์
ประการสุดท้าย คือ สิทธิประโยชน์ประกันสังคมบางประการเป็นสิทธิประโยชน์ระยะยาวที่ต้องอาศัยการสะสมเงินสมทบหลายปีกว่าจะเกิดสิทธิ เช่น สิทธิประโยชน์กรณีชราภาพในประเทศเวียดนามต้องมีการสะสมนานถึง 20 ปีถึงจะมีสิทธิได้เงินบำนาญชราภาพ สำหรับแรงงานข้ามชาติที่มีการเคลื่อนย้ายไปทำงานในประเทศอื่นอาจทำให้ไม่สามารถสะสมเงินสมทบได้ตามเงื่อนไข แนวทางการแก้ไขอุปสรรคนี้คือ การเคลื่อนย้ายและคงสิทธิ (portability) ประกันสังคม หมายถึง ความสามารถที่จะคงไว้ รักษา และเคลื่อนย้ายถ่ายโอนสิทธิประกันสังคมที่ต้องได้รับ หรือสิทธิที่อยู่ในกระบวนการที่จะต้องได้รับ โดยไม่ขึ้นอยู่กับสัญชาติ และประเทศที่มีถิ่นพำนัก ซึ่งจะช่วยให้แรงงานสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ระยะยาวที่มีเงื่อนไขการสะสมเงินสมทบเป็นระยะเวลานานหลายปี ผ่านการนับรวมระยะเวลาส่งเงินสมทบในประเทศต่าง ๆ โดยมีเครื่องมือ คือการทำความตกลงประกันสังคม (Social Security Agreement - SSA)
ในปัจจุบันหลายประเทศได้มีการทำความตกลง SSA ทั้งในแบบพหุภาคีในระดับภูมิภาค เช่น กลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง (MERCOSUR) และระดับทวิภาคี เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ที่มีความตกลงประกันสังคมกับอีก 13 ประเทศ แต่ไม่มีกับประเทศอาเซียนด้วยกัน หากพิจารณาถึงแนวโน้มการเคลื่อนย้ายแรงงานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และการเป็นสังคมสูงวัยและสังคมอายุยืนที่จะทำให้หลักประกันทางสังคมมีความจำเป็นมากขึ้นแล้ว จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจะหันมาสนใจให้ความคุ้มครองแรงงานข้ามชาติที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และเพื่อให้แรงงานสัญชาติตนที่ไปทำงานในประเทศอื่นได้รับความคุ้มครองแบบเดียวกัน
โดย... ดร.บุญวรา สุมะโน เจนพึ่งพร