เป็น ส.ว. อย่างสุขใจ

เป็น ส.ว. อย่างสุขใจ

ไม่มีอะไรในชีวิตของมนุษย์ที่โหดร้ายเท่ากับเวลา เพราะมันพรากคนที่เรารัก ทำลายสิ่งแวดล้อมที่เราเคยชินทำลายความสวยงาม

ของสรรพสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต อีกทั้งทำร้ายร่างกายของเราอีกด้วย มันเดินหน้าตลอดเวลาอย่างไม่มีอะไรที่สามารถหยุดหรือทัดทานมันได้ ดังนั้นหนทางเดียวที่จะทำให้เราอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขก็คือ การปรับความนึกคิดและการกระทำตามสภาพความเป็นจริงที่มันเกิดขึ้น

ผู้เขียนได้พบข้อเขียนในอินเตอร์เน็ตที่เรียบเรียงจากบทความของคุณโจวต้าซิน จึงขอนำมาเสริมเพิ่มเติมและสื่อสารต่อ โดยขอใช้ตัวย่อ ส.ว. ว่าหมายถึง สูงวัย หรือ “สวยทุกวัน” หรือ สุขทุกวัน"

“.......ส.ว.ทุกคนควรที่จะทำความเข้าใจและเตรียมตัวพบกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นเพื่อว่า เมื่อเวลานั้นมาถึงเราจะได้ไม่ตกใจกลัวและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันเรื่องที่พึงพิจารณามีดังนี้

(1) จำนวนคนรอบข้างในชีวิตคุณมีแต่จะลดลงตลอดเวลา คนรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือปู่ย่าตายายนั้น ส่วนใหญ่หนีหายกันไปหมดแล้ว ส่วนคนที่อยู่ในวัยเดียวกันกับคุณก็จะเริ่มประสบปัญหาในการดูแลตัวเอง ในขณะที่คนรุ่นหลังรุ่นลูกหลานก็กำลังง่วนกับชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขาเอง แม้แต่คู่ชีวิตของคุณเองก็อาจจากไปก่อนคุณหรือเร็วกว่าที่คุณคาดไว้ ซึ่งอาจทำให้คุณถูกทิ้งไว้อยู่กับวันเวลาที่ว่างเปล่าคนเดียวก็เป็นได้ คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวให้ได้และยอมรับพร้อมกับการรู้จักความสันโดษในบั้นปลายของชีวิต

(2) สังคมจะเริ่มให้ความสำคัญกับคุณน้อยลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าในอดีตคุณจะเคยยิ่งใหญ่หรือมีชื่อเสียงมากขนาดไหนก็ตาม ความชราจะเปลี่ยนคุณให้กลายเป็นเพียงชายแก่หรือหญิงแก่ธรรมดา คนหนึ่งเท่านั้น

สปอตไลท์จะหยุดฉายมาที่คุณและคุณจะต้องหัดพอใจกับการยืนอยู่ในมุมห้องหรือเงามืดอย่างเงียบๆเพียงคนเดียว คุณต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับและยินดีกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคุณโดยปราศจากอาการอิจฉาริษยาหรือคับแค้นใจแต่อย่างใดทั้งสิ้น

(3) ถนนสายที่เหลืออยู่นั้นจะขรุขระและเต็มไปด้วยอันตรายต่างๆ ที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเช่นการแตกหัก เส้นเลือดตีบตัน สมองฝ่อ หัวใจเต้นผิดจังหวะไทรอยด์เป็นพิษอารมณ์แปรปรวน การหลงลืมหรือมะเร็งเป็นต้น

สิ่งเหล่านี้ต่างล้วนจะเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญของคุณได้ตลอดเวลา คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บป่วยและ/หรือความเจ็บปวดอย่างยอมรับมันมาเป็นเพื่อน

อย่าหวังว่าร่างกายคุณจะได้อยู่อย่างสุขสบายตลอดไป การมีจิตใจและความคิดเป็นบวกพร้อมทั้งการออกกำลังกายอย่างเพียงพออย่างน้อยเดินวันละ10,000ก้าวเป็นประจำจะกลายเป็นภาระหน้าที่ของคุณ นอกจากนั้นคุณยังจะต้องคอยกระตุ้นตัวเองให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอด้วย

(4)เตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตติดเตียงและการกลับสู่สภาพทารกแรกเกิด เราทุกคนต่างเคยอยู่บนเตียงเมื่อตอนที่แม่ของเรานำเรามาสู่โลกนี้ และหลังจากการเดินทางผจญภัยและการต่อสู้อันยาวนานในชีวิตแล้ว เราทุกคนก็จะกลับมาสู่จุดเริ่มต้นเดิมอีกครั้งนึง เราจะถูกดูแลโดยคนอื่นเหมือนเมื่อแรกเกิด สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ครั้งนั้นเราเคยมีแม่เป็นผู้ดูแล ด้วยความรักอย่างสุดหัวใจแต่เมื่อใกล้วันที่เราจะจากโลกนี้ไป เราอาจไม่มีญาติที่ใกล้ชิดมาดูแลเราก็เป็นได้ และหากคุณเป็นผู้โชคดีที่มีญาติคอยดูแลก็คงเทียบไม่ได้กับความอาทรและความเอาใจใส่ที่คุณเคยได้รับจากแม่ของคุณ

มีความเป็นไปได้ที่คุณอาจจะถูกดูแลโดยพยาบาลที่แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่จิตใจของเธออาจจะมีแต่ความเหนื่อยหน่ายในขณะปฏิบัติหน้าที่อันน่าเบื่อหรือแสนจะจำเจนั้น คุณจงฝึกนอนนิ่งๆ อย่าจู้จี้ขี้บ่น อย่าทำตัวให้เป็นที่ลำบากของคนอื่นจงรู้สึกพอใจกับสิ่งที่คุณได้รับ

(5)จงพร้อมที่จะพบกับสิ่งหลอกหลวงต่างๆ ที่คุณมักเจอ คนส่วนหนึ่งรู้ว่าผู้สูงอายุนั้นมักจะมีทรัพย์สินเงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตและพวกเขาก็จะพยายามทุกวิถีทางที่จะหลอกเอาเงินและทรัพย์สินต่างๆ นั้นจากคุณให้ได้ ไม่ว่าจะมาหลอกซึ่งๆ หน้า การส่งข้อความSME ส่งอีเมล์หรือโซเซียลมีเดียต่างๆ หรืออาจมีตัวอย่างสินค้ามาให้ลองโดยบอกว่าจะช่วยชะลอความแก่หรือทำให้คุณอายุยืนขึ้นหรืออาจจะเป็นโครงการออมทรัพย์ที่จะเพิ่มความร่ำรวยให้กับคุณอย่างรวดเร็ว เป็นต้น

โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการก็คือ การใช้ทุกวิถีทางที่จะฉกเงินในกระเป๋าคุณให้ได้ ดังนั้นคุณต้องระวังและรู้ให้เท่าทัน อย่าได้หลวมตัวหรือหลงเชื่อ หากหลวมตัวเมื่อใดเงินและทรัพย์สินที่คุณสะสมไว้จะแยกกับคุณทันที

ช่วงสุดท้ายของการเดินทางของคุณจะค่อยๆ สว่างน้อยลงไปเรื่อยๆ จึงเป็นธรรมดาที่คุณเริ่มจะมองเห็นทางเดินข้างหน้าไม่ชัดและรู้สึกลำบากที่จะก้าวเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้น ส.ว. ทุกคนจงมองชีวิตตามความเป็นจริงของมัน พอใจในสิ่งที่ได้รับและยินดีกับสิ่งที่มีอยู่

จงใช้ชีวิตให้สนุกในขณะที่ยังทำได้และที่สำคัญอย่าเอาเรื่องยุ่งเหยิงของสังคม เรื่องการเมืองแม้แต่เรื่องของลูกๆหรือหลานๆมาเป็นปัญหาของตนเอง

จงใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวและเรียบง่าย อย่าแสดงตัวว่าเก่งเพราะคิดว่ามีประสบการณ์สูงและผ่านอะไรๆ มามาก อย่าดูถูกผู้อื่นเพราะที่สุดแล้วมันจะทำให้คุณเจ็บเองเจ็บมากพอๆกับที่คุณทำให้ผู้อื่นเจ็บ

เมื่ออายุยิ่งมากคุณยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการอ่อนน้อมและเคารพผู้อื่น ควรรู้จักปล่อยวาง รู้ว่าชีวิตคนเรานั้นเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ควรปล่อยให้มันเดินไปตามจังหวะและทิศทางของมันจงใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ สุขุม พอเพียง และอย่างสมกับการเป็นผู้สูงวัยที่มีวุฒิภาวะและมีความสุข”

ท่านอานันท์ ปันยารชุน ในวัย 87 ปี กล่าวไว้ในเวทีเสวนาเรื่องการศึกษาเมื่อ พ.ค.2561 ว่า อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงจงมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลง