'เพชรเม็ดงาม' แห่งสัมพันธวงศ์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมมีโอกาสลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนในเขตสัมพันธวงศ์ ร่วมกับ บัว นพมาศ การุญ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 1 และคุณออม พิมดารา ศิริสลุง ผู้เสนอตัวลงสมัคร ส.ก. เขตสัมพันธวงศ์ ในนามของพรรคอนาคตใหม่

'บัว นพมาศ' เป็นเจ้าของพื้นที่ แม้เธอจะไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพราะได้คะแนนเป็นอันดับสอง รองจากผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา แต่บัวก็ลงมาเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่แทบทุกสัปดาห์

ขณะที่ 'ออม พิมดารา' เป็น 'คนรักสัมพันธวงศ์' ตัวจริงเสียงจริง รู้ประวัติศาสตร์ของย่านนี้อย่างลึกซึ้งและทั่วถึง รู้จักร้านค้าตั้งแต่ต้นถึงปลายถนน ชนิดที่ตัวผมเองซึ่งแม่เคยค้าขายอยู่ในย่านสำเพ็งมาตั้งแต่เด็กยังต้องยอมแพ้

เสียงตอบรับที่เราได้จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ หลักๆ คือเรื่องของ 'ความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ' ของขายไม่ค่อยจะได้ ซึ่งที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะได้ยินเช่นนี้มาต่อเนื่องหลายเดือนระหว่างการหาเสียง

อาเฮียคนหนึ่งเจ้าของร้านอะไหล่รถยนต์ที่เราแวะเข้าไปพูดคุยด้วยบ่นให้ฟังว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน ช่วงกลางวันแกไม่มีเวลามาคุยกับเราอย่างนี้แน่ๆ แต่เดี๋ยวนี้นั่งเล่นโทรศัพท์ 'ดูหุ้น' ได้ทั้งวัน เพราะไม่ค่อยจะมีลูกค้า

พอรู้ว่าผมเป็นนักลงทุน แกยังชวน 'คุยหุ้น' เป็นที่สนุกสนาน

ขณะที่พี่แม่ค้าขายเสื้อผ้าอีกคนบ่นว่า เมื่อก่อนได้กำไรวันละสี่ห้าพัน เดี๋ยวนี้พันเดียวก็เก่งแล้ว รายได้หายหดไปเยอะมาก แม้จะขายอยู่ในย่านเยาวราชซึ่งเต็มไปด้วย 'คนมีเงิน' ก็ตาม

นอกจากนี้ เรายังมีโอกาสไปนั่งประชุมกับชาวบ้านในย่านตลาดน้อย ย่านประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยรอบเต็มไปด้วยงานศิลปะ ของกินอร่อยๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟชิคๆ คูลๆ ทุกสิ่งถูกจัดวางอย่างลงตัว

ชาวบ้านในชุมชนพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเราถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องยาเสพติด อัคคีภัย ความปลอดภัยในชุมชน วัฒนธรรม และสิทธิสตรี โดยมีนักวิชาการมาร่วมหารือด้วย

สิ่งที่ประทับใจผมที่สุด คือความเข้มแข็งแน่นแฟ้นของคนในชุมชน รวมทั้งคนนอกอย่าง 'บัว' และ 'ออม' ซึ่งแม้จะเป็นตัวแทนจากฝ่ายการเมือง แต่ก็ให้ความสนใจกับชีวิตความเป็นอยู่และประเด็นปัญหาของชาวบ้านอย่างจริงใจ ไม่ใช่เพียงหวังคะแนนเสียง

'ชุมชนเข้มแข็ง' ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหลของเมืองใหญ่ รวมทั้งนักการเมืองรุ่นใหม่ที่รักและใส่ใจประชาชน น่าจะถือเป็น 'เพชรเม็ดงาม' หรือ 'คุณค่า' ที่ 'วีไอ' อย่างผมโชคดีมีโอกาสได้มาพบ

และรู้สึก 'หลงรัก' เข้าเต็มหัวใจ