เก่ง เฮง และมฤตยู

เก่ง เฮง และมฤตยู

ความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่เป็นสิ่งเหนือคาดหมายของเซียนการเมือง มันเกิดจากอะไร ? ความคิดแรกคือ “เก่งบวกเฮง” พอคิดให้ละเอียด

กลับรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อมองจากมุมโหราศาสตร์ เราจะไม่พิจารณาว่า “เก่ง” หรือไม่ เพราะถ้าไม่มีฝีมือที่แท้จริง ไม่มีทางมาได้ขนาดนี้อยู่แล้ว เราสนใจว่า “เฮง” จริงหรือเปล่า ?

ปัจจัยที่ควรคิดที่สุดคือรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นพรรคใหญ่ แต่ได้อย่างก็เสียอย่าง มันเปิดทางให้เกิดพรรคเล็กจำนวนมาก นี่คือช่องว่าง ผู้ร่างไม่รู้หรือ ? รู้ แต่ไม่คิดว่าจะมี ม้ามืดคว้าโอกาสได้ต่างหาก มีแต่อนาคตใหม่ที่เห็นช่องว่างนี้หรือเปล่า ? เปล่า มีพรรคใหม่เกิดขึ้นมากมายเพื่อการณ์นี้ แต่อนาคตใหม่ทำได้ดีกว่า มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคู่แข่งเยอะและพรรคเล็กก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี ว่ากันแฟร์ ๆ ถ้าไม่ยอมรับว่าเก่ง ก็ต้องถือว่าเตรียมตัวมาดีมากและทำงานหนักมาก ไม่เกี่ยวกับโชคแต่อย่างใด

คะแนนเสียงมาจาก 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือคนรุ่นใหม่ เพราะอะไร ? ไม่มีใครรู้คำตอบแน่นอน จริงอยู่ที่อนาคตใหม่สร้างภาพลักษณ์ให้สัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ สมาชิกก็เป็นคนรุ่นใหม่ แต่พรรคอื่นก็ทำเหมือนกัน เหตุผลที่มีน้ำหนักคือการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้เหตุผลเพื่อความสงบและปรองดอง (ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีจริง) ทำให้พวกเขาอึดอัดและเก็บกด อนาคตใหม่ใช้ Social Media ในการเข้าหาและแสดงตัวชัดเจนเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก จึงถูกใจวัยรุ่น First Voter มาก

โดยธรรมชาติแล้ว คนวัยนี้มองโลกและคิดเห็นแตกต่างจากผู้ใหญ่ พวกเขาไม่ได้สัมผัสลึกซึ้งกับความขัดแย้งทางการเมืองกว่าทศวรรษที่ผ่านมา จึงมองว่าเป็นปัญหาของคนรุ่นเก่า เมื่อถูกสั่งสอน (กึ่งบังคับ) ย่อมปฏิเสธและต่อต้าน พวกเขาไม่ได้นิ่งดูดาย แต่ “คิดนอกกรอบ” ในแบบตัวเอง พวกเขาไม่ต้องการรับผลพวงที่ตนไม่ได้ก่อ จึงขอเลือกเอง ถ้าผิดพลาด จะได้เรียนรู้เอง คนเราพลาดกันได้ ปัญหาวันนี้ก็เกิดจากความผิดพลาดของคนรุ่นก่อนไม่ใช่หรือ ?

แทนที่จะขัดแย้งกันระหว่างรุ่น ผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมากกว่า (และผ่านวัยนี้มาก่อน) ควรเปิดใจกว้างและมีจิตเมตตากรุณา เพื่อประคับประคอง กล่อมเกลา และแก้ปัญหาทั้งหลายไปด้วยกัน ไม่ใช่มุ่งเอาชนะหรือมองเป็นศัตรู ความอ่อนต่อโลกจะหายไปเมื่อผ่านประสบการณ์และมีวุฒิภาวะสูงขึ้นตามวัย ไม่ใช่ด้วยการดุด่า ประณาม หรือโกรธแค้นที่เด็กคิดไม่เหมือนเรา

ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศชาติบ้านเมือง ทำลายเขาเท่ากับทำลายตัวเราเอง โปรดระลึกไว้เสมอว่า โศกนาฏกรรมมักเกิดขึ้น เมื่อฝ่าย ถูกกับฝ่าย ถูกมาเจอกัน

เก่ง เฮง และมฤตยู

กลุ่มที่ 2 คือผู้ใหญ่ที่มองหาทางเลือกที่ 3 กลุ่มนี้ไม่เอาทักษิณอยู่แล้ว แต่ 5 ปีที่ผ่านไปกับระบอบประยุทธ์ก็ทำให้พวกเขาเข็ดขยาด ประชาธิปัตย์เป็นตัวเลือกแรกของกลุ่มนี้ น่าเสียดายที่ไม่แสดงจุดยืนชัดเจน อนาคตใหม่จึงกวาดคะแนนไปครอง สัดส่วนคงไม่สูงเท่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ น่าจะ ¼ - 1/3 ของ 6.2 ล้านเสียง

ประชาธิปัตย์เดินหมากพลาดเท่ากับเปิดโอกาสให้อนาคตใหม่ (และพลังประชารัฐ) แต่ถ้าปราศจากฝีมือที่แท้จริง ก็ไม่สามารถคว้าโอกาสนั้นได้อยู่ดี จะถือว่า “โชค” ก็คงไม่ตรงนัก

โชคที่แท้จริงคือคะแนนเสียงจากไทยรักษาชาติที่ถูกยุบพรรคไป คำถามคือมากน้อยแค่ไหน ? ไม่รู้ คะแนนน่าจะถูกแบ่งไปหลายพรรค เช่น อนาคตใหม่ เพื่อชาติ เสรีรวมไทย หรือแม้แต่เพื่อไทยที่เรียกร้องให้มี Strategic Vote เพื่อชนะถล่มทลายในโค้งสุดท้าย ผู้เขียนคิดว่ามากสุด ๆ ก็ไม่เกิน 5 แสนคะแนน หรือ 7 ที่นั่ง

การเมืองเป็นการสู้กันที่พลังความคิด พรรคที่มี Positioning ชัดเจนเท่านั้น จึงสามารถสร้างภาพประทับในจิตใจประชาชนได้  อนาคตใหม่และพลังประชารัฐประสบความสำเร็จด้วยเหตุผลนี้ ประชาธิปัตย์ล้มเหลวเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน แม้เผชิญหลายปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ แต่อนาคตใหม่ก็แสดงให้เห็นถึงพลังสมองในการสร้างจุดแข็งของตนจากกติกาที่เปิดช่องเพียงน้อยนิด รวมถึงฝีมือในการคว้าโอกาสแล้วพลิกสถานการณ์จนได้เปรียบ ความเฮง (ถ้ามี) ก็คือผลพลอยได้ของความสามารถที่แท้จริง

ในโหราศาสตร์ เคล็ดลับของความสำเร็จขั้นสูงสุดคือ ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา  ถูกคนหรือทำตนเป็นคนที่ถูกต้องกับงาน ถูกที่คืออยู่ในสถานที่ที่ตนได้แสดงความสามารถเต็มที่ ถูกเวลาคืออยู่ในจังหวะโอกาสและสถานการณ์ที่ถูกต้องเหมาะสม ความสำเร็จอย่างถล่มทลายของอนาคตใหม่ไม่ใช่เรื่องเก่งบวกเฮง แต่เพราะเข้าเงื่อนไขทั้ง 3 อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ต่างหาก

อนาคตใหม่ไม่ต่างจากโอบามา ถูกเวลาคือกุญแจสำคัญสุด ทั้งคู่อยู่ตรงจุดเปลี่ยนของยุคสมัยพอดี ในการเลือกตั้ง 4 พฤศจิกายน 2551 เสาร์สิงห์เล็งมฤตยูกุมภ์สนิทที่ 24:59 องศา โอบามาชนะและได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกา มฤตยูเมษที่ทับอาทิตย์ดวงเมืองและกุมลัคน์สนิทในดวงเลือกตั้งครั้งแรกของยุคที่ 9 การเมืองไทย ทำให้พรรคโนเนมอย่างอนาคตใหม่กลายเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 อย่างไม่น่าเชื่อ

มฤตยูคือการเปลี่ยนแปลง ความแปลกใหม่ ทันสมัย ไม่คาดคิด จึงสร้างความตื่นเต้นได้ง่าย คุณสมบัตินี้ทำให้ผู้คนประเมินสูงเกินไป (Overestimate) ในระยะสั้น แต่ประเมินต่ำไป (Underestimate) ในระยะยาว การเมืองไทยวันนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นสู่สิ่งใหม่ ไม่ควรกังวล แค่รับรู้เปิดใจและปรับตัว การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลา และยากจะสังเกตเห็น เหมือนภูเขาน้ำแข็งละลาย เหมือนน้ำในหม้อที่ค่อย ๆ เดือด แต่เมื่อเปลี่ยนแล้ว จะไม่ย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้อีก

เมื่อค่อย ๆ เปลี่ยน ทุกคนย่อมสามารถปรับตัวตาม ถ้าต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ก็เหมือนปิดไอน้ำทุกช่องจนหม้อระเบิด ความเสียหายจะมากมายร้ายแรงจนรับไม่ไหว

อย่าให้เมืองไทยไปถึงจุดนั้น