ฝึกไป..“ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น!?”

ฝึกไป..“ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น!?”

ผู้บริหารจำนวนมาก มักจะบ่นคล้ายๆ กันว่า พนักงานไม่เก่ง พนักงานมีปัญหา พนักงาน..ฯลฯ

แล้วจัดฝึกกอบรมในองค์กร 1-2 วัน (In-House Training) หรือส่งไปเข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆ ภายนอก หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น!

บังเอิญเรื่องที่บ่นๆ กันนั้น เป็นเรื่องจริงซะด้วยสิ!

แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน? ทางแก้ควรจะเป็นอย่างไร? ลองมาหาคำตอบกันครับ

ปัญหา.. ไม่ได้อยู่ที่การฝึกอบรม... ถ้าการฝึกอบรมนั้น ได้วิเคราะห์แล้วว่า เนื้อหาการฝึกอบรม “ตรงและตอบโจทย์” กับปัญหานั้นๆ รวมไปถึงรูปแบบการฝึกอบรมที่เหมาะสม วิทยากรที่เตรียมตัวมาดี ทำการบ้าน และมีวิธีถ่ายทอดที่เหมาะกับจริตของผู้เข้ารับการอบรม

พูดง่ายๆ.. การจัดฝึกอบรมในองค์กรจะ1หรือ2วัน เป็นเรื่องที่ดี แต่... “ยังดีไม่สุด!” เพราะการฝึกอบรมเพียง 1-2 วัน ต่อให้การฝึกอบรมนั้นจะดีเพียงใดก็ตาม... คำถามคือ...

“มีกี่คนจากผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรม...... จำเนื้อหาหรือประเด็นหลักได้หมด!?”

“มีกี่คนจากผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรม...... ได้เริ่มนำสิ่งที่เรียนรู้ ไปใช้!?”

“มีกี่คนจากผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรม...... นำไปใช้อย่างต่อเนื่องและเกิดการเปลี่ยนแปลง!?”

“มีกี่คนจากผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรม...... ชีวิตการทำงานพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ!?”

คำตอบคือ... มีน้อยมาก หรือแทบไม่มีการนำไปใช้ หรือใช้สักพักก็กลับไปเหมือนเดิม! นี่คือสาเหตุที่แทบทุกบริษัท จัดฝึกอบรมในแต่ละเรื่อง 1-2วันแล้วไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรม แล้วยังมีการจัดอบรมหลายเรื่องหลายครั้งในแต่เดือนแต่ละปี เสียทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย....!

คำถามคือ จะ“ฝึกอย่างไร ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงและเห็นผลชัดเจน!”

คำตอบที่ “ผิดและหลายที่ยังทำอยู่”ในทุกวันนี้คือ... Pre-Test & Post Test!

เป็นเรื่องที่ตลกและเสียเวลามาก กับการทดสอบตอนเช้าในวันอบรมและทดสอบตอนเย็นหลังอบรมเสร็จ! ทำเพื่อ!? เพราะหลังจากอบรมแล้ว ไม่กี่วันทุกอย่างก็เหมือนเดิม!

อย่าลืมว่าเป้าหมายของการฝึกอบรมคือ “ นำสิ่งที่เรียนรู้ ไปปฏิบัติให้เกิดผล!”

เพราะฉะนั้น วิธีการที่จะทำให้การฝึกอบรมบรรลุเป้าหมายคือ “การติดตามผล!”

หลายองค์กรที่ใช้วิธีนี้ ต่างก็เห็นผลที่ชัดเจน หลังจากการฝึกอบรมและมีการติดตามผล แนวทางง่ายๆที่ท่านสามารถนำไปปรับใช้มีดังนี้ครับ

1.ติดตามผลหลังการฝึกอบรมตั้งแต่สัปดาห์แรก!

ในส่วนของการติดตามผล จะใช้วิทยากรที่เป็นผู้อบรมเข้ามาติดตามผลหรือจะใช้คนในองค์กร/ หัวหน้าทีมหรือผู้จัดการในหน่วยงานที่ฝึกอบรมเป็นผู้ติดตามผล ก็แล้วแต่ความสะดวก ให้บอกกับผู้เข้ารับการอบรมให้รับรู้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า จะมีการติดตามผลรายบุคคล เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมตื่นตัวและตั้งใจในการเรียนรู้มากที่สุด

กำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน สังเกตทั้งทัศนคติมุมมอง และทักษะของผู้เข้ารับการอบรม มีความ กระตือรือร้น มุ่งมั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่? ได้นำทักษะที่เรียนรู้จากการฝึกอบรมมาปรับใช้อย่างไรบ้าง?

2.ติดตามผล จนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหรือเห็นผลที่ชัดเจน!

ผู้ที่ติดตามผล อย่าทำแบบไฟไหม้ฟาง ทำแค่ครั้งสองครั้งแล้วเลิกทำ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า ขอให้ติดตามผลอย่างจริงจัง ต่อเนื่องและอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ใช่ติดตามผลแบบจับผิด แต่ให้คำแนะนำ ให้ Feedback เพื่อพัฒนารายบุคคล

ถ้าทำแบบนี้ ภายในสัปดาห์ที่สองหรืออย่างช้าในสัปดาห์ที่สาม จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของผู้เข้ารับการอบรม อาจจะไม่หมดทุกคน แต่คนที่ตั้งใจในการเรียนรู้ ตั้งใจในการนำมาปรับใช้จะเห็นความต่างก่อนและหลังการฝึกอบรมที่ชัดมากแบบคาดไม่ถึงเลยครับ!

3.ติดตามผล และต่อยอดโดยการ Coaching

ไหนๆ ก็ติดตามผลแล้ว ถ้าต้องการเห็นผลที่เร็ว ก็ให้ผู้ที่ติดตามผลและหัวหน้างาน Coaching ผู้เข้ารับการอบรมเป็นรายบุคคล (ในกรณีที่หัวหน้าไม่ได้เป็นผู้ที่ติดตามผล) หรือจะ Coaching ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่สองและสามของการติดตามผลก็แล้วแต่ความชอบได้เลยครับ

ทั้งสามแนวทางหลักนี้ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือซับซ้อนอะไรเลย อย่าบอก อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะการฝึกอบรม ถ้าไม่มีการติดตามผล ผลที่เกิดก็คือ ฝึกไป..“ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น!?”

แนวทางนี้หลายองค์กรทำแล้วได้ผลดีมากๆครับๆ แต่ถ้าท่านยังใช้วิธีเดิมๆคือฝึกอบรมเสร็จแล้ว

หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น.... แสดงว่าท่านมี เวลาและเงินที่เหลือเฟือเพื่อทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์!