สงครามเทคโนโลยี

สงครามเทคโนโลยี

5จีจะก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมอีกครั้ง

บทบาทของเทคโนโลยีต่อระบบเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเหมือนในอดีต แต่กลายเป็นตัวชี้ขาดความได้เปรียบทางเศรษฐกิจไปแล้วเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้กลายเป็นปัจจัยหลักที่หลายประเทศใช้สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นหลัก

การห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดของสองประเทศยักษ์ใหญ่คือสหรัฐอเมริกาและจีนก็มีต้นเหตุสำคัญมาจากเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่จีนพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดจนอเมริกาอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ จึงเปิดฉากสงครามการค้าและยังใช้แคนาดาจับตัวผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยเพื่อสร้างอำนาจต่อรองจนเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก

เทคโนโลยีสำคัญที่ทั่วโลกเชื่อว่าเป็นปัจจัยเหตุให้อเมริกาต้องเร่งสกัดจีนทุกวิถีทางไม่ให้ขยายตัวจนชิงส่วนแบ่งในตลาดโลกได้ก็คือ 5จี ซึ่งถือเป็นการสื่อสารในยุคหน้าตัวจริง เพราะที่ผ่านมาแม้แบรนด์จีนจะก้าวขึ้นมาผงาดในตลาดโลกได้ไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย ออปโป เสี่ยวมี่ ฯลฯ แม้อเมริกาจะไม่พอใจแต่ก็ยังพอยอมรับได้เพราะตลาดสมาร์ตโฟนล้วนอยู่บนรากฐานของระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจที่อเมริกาครองตลาดอยู่แล้ว

แต่เทคโนโลยี 5จี จะเปลี่ยนทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิงเพราะบทบาทของเทคโนโลยี 5จี ไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะธุรกิจด้านโทรคมนาคมแต่จะสร้างให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งนั่นหมายความรวมถึงวิถีชีวิตของคนทั่วโลกจะถูกเปลี่ยนไปและมีสินค้าบริการใหม่ๆ ที่เราคิดไม่ถึงเกิดขึ้นตามมาอีกมหาศาล

เราอาจเคยชินกับการเปลี่ยนผ่านในยุคของการสื่อสารไร้สายมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ยุคแรกสุดคือยุคที่เราใช้เพียงการติดต่อสื่อสารด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว มาสู่ยุค 2จี ที่เริ่มมีการรับส่งข้อความได้ และยุค 3จี ที่การใช้งานอินเตอร์เน็ตแพร่หลายแล้วจึงต้องการการสื่อสารที่เร็วขึ้น

จนมาถึงยุค 4จี ที่นอกจากต้องการความเร็วในการสื่อสารเพิ่มขึ้นแล้วยังต้องการรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายเพิ่มขึ้นทั้งภาพยนตร์เพลง แอพพลิเคชั่น ฯลฯ ซึ่งการเติบโตในทุกยุคล้วนอาศัยเทคโนโลยีที่ยุโรปและอเมริกาเป็นผู้วางรากฐาน โดยมีเกาหลีและญี่ปุ่นติดตามมาในยุคหลัง

จวบจนช่วงปลายของยุค 4จี ในวันนี้เราจะเห็นบทบาทของจีนผงาดขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด หัวเว่ยเองก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีงานวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยี 5จี จนมีสิทธิบัตรจำนวนมากติดอันดับต้นๆ ของโลก เพราะจีนรู้ว่า 5จี จะก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้

เทคโนโลยี 5จี ที่กำลังจะมาถึงแน่นอนว่าเร็วกว่า 4จี ถึง 20 เท่าด้วยความเร็ว 20 Gbps ด้วยการตอบสนองที่แทบจะทันทีทันใดคือราว ๆ 1 ms เร็วกว่า 4จี ราวๆ 10 เท่า โดยรองรับข้อมูลปริมาณมหาศาลได้ถึง 50 Exabytes ต่อเดือน และรองรับจำนวนอุปกรณ์ได้มากถึงหลักล้านเครื่องต่อตารางกิโลเมตร

นักวิเคราะห์มักจะไม่ได้พูดถึง 5จี ในแง่ประสิทธิภาพในการสื่อสารมากนักเพราะมันแทบจะก้าวหน้าเกินความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันไปหลายเท่า แต่บทวิเคราะห์มักจะเอ่ยถึงการปฏิวัติธุรกิจด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นรถยนต์ไร้คนขับ เครือข่ายสมาร์ตซิตี้ เทคโนโลยีเอไอ ฯลฯ ที่เป็นผลพวงมาจากเทคโนโลยี 5จี

ปี 2562 นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติโลกเทคโนโลยีอีกครั้ง หลังจากที่เราเห็นข่าวการทดลอง 5จี ในหลายๆ ประเทศมาแล้วโดยเฉพาะหัวเว่ยที่ประกาศความสำเร็จในการทดสอบเทคโนโลยี 5จี ใน 50 ประเทศทั่วโลกแม้ว่าอเมริกาจะกดดันหลายๆ ประเทศไม่ให้ใช้เทคโนโลยีของจีนก็ตาม

ตามคาดการณ์จากนักวิเคราะห์หลายๆ สำนักตรงกันว่าเทคโนโลยี 5จี จะขยายตัวอย่างจริงจังในปี 2565  ซึ่งนั่นหมายความว่าธุรกิจใหม่ๆ ที่จะขยายตัวและเติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้าก็จำเป็นจะต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่ปีนี้จึงจะไม่ตกขบวนรถไฟสายนี้

เราจึงเห็นการทดลองใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายอย่างจริงจังในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เช่นรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ก็คาดว่าจะแพร่หลายเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงเท่านี้แต่ยังมีนวัตกรรมอีกมากที่จะทำให้เป็นจริงได้ด้วยเทคโนโลยี 5จีนี้

สงครามทางการค้าและเทคโนโลยีที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้จึงเป็นเพียงการเรียกน้ำย่อย แต่ยังมีความรุนแรงที่ซ่อนตัวอยู่อีกมากรอวันปะทุในอนาคต