อดีตและอนาคตของ Apple

อดีตและอนาคตของ Apple

เมื่อ 12 ปีที่แล้วในวันที่ 9 ม.ค. 2007 Steve Jobs ได้เปิดตัวและแนะนำ iPhone สู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก และจากนั้นต่อมาก็ทำให้โฉมหน้า

และการใช้งานของโทรศัพท์มือถือเปลี่ยนไป นำไปสู่การเกิดขึ้นของธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างมากมายมหาศาล อย่างไรก็ดี หลังจากเวลาผ่านพ้นไป 12 ปี ดูเหมือนว่าเริ่มมีข้อสงสัยแล้วว่าโทรศัพท์มือถือที่เป็น Smartphone นั้น ถึงทางตันหรือยัง? จริงอยู่ที่โทรศัพท์มือถือจะไม่ได้หายไปจากโลกใบนี้ แต่ดูเหมือนว่าแนวโน้มในอนาคตของโทรศัพท์มือถือจะไม่สดใสเหมือนในอดีต

เริ่มจากการขาดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคจากค่ายมือถือเจ้าต่างๆ ที่ทำให้ยอดขายมือถือทั่วโลกไม่เติบโตสดใสเหมือนในอดีต ขณะเดียวกันในปัจจุบันก็เริ่มมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถทำหน้าที่ทดแทนหน้าที่บางประการของ Smartphone ได้ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา หรือ Wearable devices ต่างๆ ที่เริ่มทำหน้าที่หลายๆ อย่างของมือถือ หรือ ลำโพงที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตเพื่อฟังเพลง หรือ โทรทัศน์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตเพื่อดูรายการโปรดผ่านทางแอพต่างๆ

ยิ่งข่าวที่ทั้ง Apple และ Samsung สองยักษ์ใหญ่ในวงการ ประกาศลดประมาณการรายได้ของปีที่แล้ว ยิ่งทำให้เริ่มเห็นแนวโน้มสำคัญบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของ Apple ที่รายได้ส่วนใหญ่มาจาก iPhone ดังนั้นการที่รายได้จาก iPhone ลดน้อยลง (ทั้งจากสาเหตุข้างต้นและตลาดในประเทศจีน) ก็ทำให้ Apple ต้องปรับกลยุทธ์ของตนเองเสียใหม่ เหมือนๆ กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายๆ แห่งในอดีต ไม่ว่าจะเป็น IBM, HP, Sony, Microsoft, Dell ที่จะต้องปรับกลยุทธ์การเติบโตของตนเองใหม่ เมื่อธุรกิจหลักเริ่มไม่สดใสเหมือนในอดีต

Tim Cook CEO ของ Apple ก็ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า Apple มีกลยุทธ์ที่จะเน้นการเติบโตจากธุรกิจบริการมากกว่าเพียงแค่เติบโตจากการขาย iPhone ซึ่งบริการที่ Apple มีอยู่ในปัจจุบันนั้น ครอบคลุมตั้งแต่การขายแอพลิเคชั่นผ่านทาง App Store หรือ การฟังเพลงผ่านทาง Apple Music หรือ การดูหนังผ่านทาง iTunes และยังไม่นับบริการทางด้านสุขภาพ

อย่างไรก็ดี การเติบโตผ่านทางการบริการของ Apple ก็มีข้อควรระวัง เนื่องจากในอดีต Apple เน้นขาย Hardware คู่กับ Software และ Service นั้นคือ จะใช้บริการของ Apple ได้ ก็จะต้องซื้อตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่ในเมื่อแนวโน้มเริ่มชัดเจนแล้วว่า iPhone จะขายได้น้อยลง ดังนั้นถ้า Apple ยังยึดมั่นอยู่กับการผูกบริการของตนเองเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนเอง ตลาดในธุรกิจบริการของ Apple ย่อมยากที่จะเติบโต

ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวออกมาแล้วว่า Samsung จะนำ iTunes ไปไว้ในโทรทัศน์ของตนเอง ทำให้ผู้ที่ซื้อโทรทัศน์ของ Samsung สามารถเข้าไปดูหนังหรือรายการทีวีต่างๆ ผ่านทาง iTunes ได้ นอกจากนี้โทรทัศน์ของ Samsung จะสนับสนุนระบบ AirPlay2 ทำให้ผู้ที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple สามารถส่งภาพ วิดีโอ หรือเนื้อหาขึ้นไปแสดงบนโทรทัศน์ของ Samsung ได้ และยังมีผู้ผลิตโทรทัศน์รายอื่นๆ ที่กำลังจะตาม Samsung มาในไม่ช้า

จะเห็นได้ถึงความพยายามของ Apple ในการทำให้บริการของตนเองแพร่หลายไปมากกว่าผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของตนเอง อีกทั้งทิศทางที่ชัดเจนว่าต้องการเพิ่มรายได้จากธุรกิจบริการมากขึ้น

บทเรียนจากกรณีของ iPhone และ Apple นี้สะท้อนให้เห็นข้อคิดหลายๆ ประการ ทั้งเรื่องของสิ่งที่เคยรุ่งเรืองก็สามารถที่จะเสื่อมหรือตกลงได้ ทำให้ธุรกิจที่เคยพึ่งพิงการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลัก (Core business) จะต้องเริ่มหันไปหาแนวทางการเติบโตใหม่ๆ จากธุรกิจอื่น (Non core business) มากขึ้น แต่ก็เป็นความท้าทายที่จะทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย และแข่งขันด้วยรูปแบบและวิธีการใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นชิน

อนาคตของ Apple ยังต้องจับตาดูต่อไปว่า จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาให้เราตื่นตาตื่นใจได้อีกหรือเปล่า หรือว่าสุดท้ายก็กลายเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง