เมื่อนกเมา ใครเล่าไม่งุนงง

เมื่อนกเมา ใครเล่าไม่งุนงง

ต้นเดือนตุลาคมนี้ ชาวเมืองกิลเบิร์ต รัฐมินนิโซต้า ต่างตระหนกตกใจ

เพราะประชากรส่วนหนึ่งของเมือง มีอาการมึนเมา ควบคุมทิศทางไม่ได้ บางรายเซไปมา บนท้องถนน จนเกือบถูกรถชน

ประชากรที่ว่านี้ไม่ใช่ “คน” นะครับ เขาและเธอคือ “นก” ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้

ชาวเมืองแจ้งตำรวจว่า เวลาขับรถไปตามที่ต่างๆ เห็นนกบินเซไปมา บางตัวบินถลาเข้าชนกระจกหน้ารถ ผู้หญิงคนหนึ่งเขียนในเฟซบุ้คว่า มีนก 3 ตัว นอนตายอยู่ที่ลานหน้าบ้าน อีกรายบอกว่าเพียงแค่อาทิตย์เดียว มีนกเมาพุ่งเข้าชนกระจกรถเธอถึง 7 ตัวแล้ว ส่วนอีกรายบอกว่าเขาต้องเหยียบเบรคจนตัวโก่ง เมื่อนกตัวหนึ่งบินถลาเข้ามาที่กระจกรถ

ตำรวจบอกว่า มันเป็นเรื่องของนกเมาจริงๆ และเป็นหน้าที่ของคน ที่จะต้องช่วยกันระแวดระวัง มิให้นกได้รับอันตรายจากอาการเมา แถมยังบอกให้ชาวเมืองรีบแจ้งตำรวจทันที “ถ้าพบนกที่ส่งเสียงหัวเราะไม่หยุด ควบคุมอาการหัวเราะไม่ได้ และมีท่าทีว่ากำลังมีความสุขอย่างมาก” แหม... ตำรวจพูดเหมือนอาการของ “คนเมา” เลยนะครับ

ตำรวจออกประกาศว่า “ถ้าพบนกตัวเล็กกระจิริด แต่กลับวางมาดใหญ่โต เผชิญหน้ากับแมวตัวใหญ่ๆอย่างอาจหาญ ราวกับว่าตนเองเป็นนกยักษ์สูง 10 ฟุต” อย่างนี้แปลว่านกตัวนั้น เมาแน่ ประชาชนต้องรีบเข้าช่วย และรีบแจ้งตำรวจทันที

คุณผู้อ่านคงสงสัยว่า แล้วนกมันเมาได้อย่างไร ที่นกเมาก็เพราะนกต้องกินอาหาร ซึ่งนอกจากแมลงแล้ว อาหารอีกอย่างที่หาได้ไม่ยากจากธรรมชาติ ก็คือจากต้นเบอรี่ที่มีปลูกอยู่ทั่วเมือง ถ้านกกินผลเบอรี่ที่สุกไม่มาก ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอผลเบอรี่สุกมากๆ มันก็เกิดการหมัก (Fermentation) และเกิดสารที่ทำให้มึนเมา

มีรายงานในนิตยสารวิชาการ “Journal of Ornithology"เมื่อปี 2012 ว่ามีนกที่เสียชีวิตบนท้องถนน เพราะบินเซเข้าชนรถยนตร์ หรืออาคารต่างๆ เพราะตกอยู่ในอาการมึนเมาเนื่องจากเอทานอล หลังจากที่นกได้กินเบอรี่่สุกมากๆเข้าไป นกเหล่านี้ แทนที่จะบินอยู่บนท้องฟ้า กลับบินต่ำลงมา แล้วมองไม่เห็นรถราหรืออาคารต่างๆ จนกระทั่งบินชนบ้าน ชนกระจกรถ

แต่นกก็มีหลายชนิด ชนิดที่กินแมลงเป็นหลัก ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เฉพาะนกที่กินเบอรี่สุกเป็นหลักเท่านั้น ที่เมา

ถ้างั้นนกเมา ก็ต้องมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆสิครับ เพราะนกก็ต้องกินผลเบอรี่สุกอยู่บ่อยๆ คำตอบก็คือใช่ แต่ปีนี้ นกเมามีจำนวนมากเป็นพิเศษ เพราะอากาศเย็นเข้ามาเยือนเร็วกว่าปกติ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ทำให้น้ำค้างแข็งเร็วขึ้น ลูกเบอรี่ก็สุกเร็วและมีการหมักเร็วขึ้น

มื่ออากาศหนาวเย็นมาเยือน นกก็ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวบินไปสู่ทิศใต้ที่อบอุ่นกว่า ในการเตรียมตัวบินอันยาวไกล นกต้องเตรียมสะสมพลังงานไว้ใช้ เลยต้องกินอาหารเยอะๆ เพื่อสะสมไขมันไว้มากๆ ผลก็คือกินเบอรี่สุกที่หมักจนเกิดเอทานอลแล้ว เข้าสู่ร่างกายมากมาย และอาการเมาก็ตามมา

ความจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นกเมา เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561ก็มีรายงานจากประเทศอังกฤษว่า นกนางนวลหลายสิบตัว ที่ชายฝั่งทะเลอังกฤษ เป็นนกเมาเหมือนกัน ยืนไม่อยู่ เซไปเซมา อาเจียน บางตัวก็หล่นลงมาจากหลังคาบ้าน เสียชีวิต เจ้าหน้าที่อังกฤษคาดว่าเกิดจากการที่นกไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากกระป๋องหรือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มนุษย์ดื่มเหลือและโยนทิ้งไว้ริมหาด

ส่วนที่ออสเตรีย เมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมา ก็มีนกเมาเพราะกินผลเบอรี่สุกที่หมักจนเกิดแอลกอฮอล์แล้วเหมือนกัน ซึ่งถ้าเมาเพราะกินผลเบอรี่สุก ก็เป็นเหตุจากธรรมชาติ แต่ถ้าเมาเพราะมนุษย์ทิ้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ริมหาด ต่อจากนี้ มนุษย์ก็ควรต้องรับผิดชอบมากกว่านั้น คือเทเครื่องดื่มที่ยังคงเหลือ ทิ้งเสียให้หมด ก่อนจะทิ้งภาชนะในที่ที่ควรทิ้ง

นกเมา ทำให้ผู้คนตกอกตกใจได้ เพราะบินสะเปะสะปะมาชนรถหรือกระจกบ้าน แต่คนเมาอาจก่ออันตรายได้มากกว่านั้น เลยมีการรณรงค์กันตลอดมา เช่น เมาไม่ขับ เป็นต้น

ความจริง มนุษย์ไม่ได้เมาจากแอลกอฮอล์แต่เพียงอย่างเดียว เรายังเมาจากสาเหตุอื่นได้อีก เช่นเมายา เมารถ เมาเรือ และที่สำคัญคือ เมาอำนาจ เพราะบางคน เมื่อก้าวเข้าสู่อำนาจ นานวันเข้า อำนาจกลายเป็นสารเสพติด ทำให้มึนเมาได้

เมารถหรือเมาเรือ ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ แม้จะทำให้ไม่สบาย แต่ก็ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนนัก แต่การเมาอำนาจ เมาจนขาดสติและสามัญสำนึก เมื่อมีอำนาจแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำ อย่างนี้คนอื่นเดือดร้อนได้ และสุดท้ายอำนาจนั้นก็จะพังทะลายลง เป็นเช่นนี้เสมอมา

การเมาจึงมีหลายชนิดจริงๆ แม้หัวใจของเราก็ยังเมาได้ สุนทรภู่บอกว่่า “ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสาย ก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” แปลว่าทั้งเหล้า ทั้งรัก ทั้งอำนาจ ฯลฯ มนุษย์เราเมาได้ทั้งนั้น

นกเมา ก็เพราะนกไม่รู้ว่าผลเบอรี่ที่สุกมากๆ ทำให้เมาได้ แต่ คน ย่อมทราบดีว่า สาเหตุต่างๆแห่งการเมาเกิดจากอะไรได้บ้าง ซึ่งทุกสาเหตุล้วนป้องกันได้ทั้งสิ้น ถ้าหากเราไม่บริโภคสิ่งนั้นอย่างลุ่มหลงและเกินความจำเป็น

วิธีป้องกันก็คือ ตนเองต้องตระหนักถึงเหตุแห่งการเมา และควรจะหา “บุคคลแวดล้อม” ที่ปรารถนาดีและกล้าที่จะช่วยเตือนสติด้วย ไม่ใช่ประเภทส่งเสริมให้เมาหนักยิ่งขึ้นจนขาดสติ ตรงนี้สำคัญมาก.....โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีเมาอำนาจ

นี่ผมพูดถึงหลักทั่วไปนะ ไม่ได้หมายถึงใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะเลย....จริงๆ!