ม่วนสุโค่ยหลาย อ่านหนังสือธรรมะคำเมือง
“ม่วน” ภาษาถิ่นล้านนา มีความหมายเทียบได้กับ “สนุก” ซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้มีความหมายว่า “เพลินใจ ให้ความเบิกบานใจ”
และให้ม่วน มีความหมายว่า “ ไพเราะ เสนาะ สนุก ”
ม่วน จึงทั้ง ไพเราะ เสนาะ และ สนุก
เป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่ได้อ่านหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆ 60 กว่าหน้า สุภาษิตคำสอน เรื่องหื้อทาน รักษาสีล ภาวนา ซึ่งชมรมพุทธศิลปศึกษาและประเพณี สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิมพ์ขึ้นอีกครั้งเมื่อ พ.ย. 2560 เพราะที่พิมพ์ไปหลายครั้ง หนังสือหมด
ความ “ม่วน” ไพเราะ เสนาะ ของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การใช้ถ้อยคำภาษาถิ่นคำเมือง หรือกำเมือง ของล้านนาอย่างเป็นภาษาวรรณกรรม การอธิบายธรรมะมีอุปมาอุปไมยสัมผัสคล้องจองไพเราะ ได้อรรถรสอย่างที่ผู้รู้คำเมืองจะซาบซึ้ง "ม่วนอกม่วนใจ๋“ อย่างยิ่ง ขอขอบคุณผู้ปริวรรต”ตั๋วเมือง“ คืออักษรล้านนา ในต้นฉบับดั้งเดิม มาเป็นภาษาไทย(กลาง) โดย”...พยายามคงพยัญชนะและสำนวนการอธิบายของพระเดชพระคุณผู้เรียบเรียงไว้ดังเดิม คือเป็นสำนวนแบบพื้นบ้านล้านนาโบราณ แต่ได้ปรับแก้บ้างในบางคำเพื่อความเข้าใจของท่านผู้อ่าน..."
"ท่านผู้อ่าน “ หมายถึงทั้งคนที่รู้ที่พูดคำเมืองและคนที่ไม่รู้และไม่ได้พูดคำเมือง คนที่พูดที่รู้คำเมืองทุกวันนี้เกือบร้อยทั้งร้อยรวมทั้งผู้เขียน ล้วนอ่านและเขียน ”ตั๋วเมือง" อักษรล้านนาไม่ได้แล้ว
เชื่อว่าผู้อ่านที่รู้เฉพาะภาษาไทย(กลาง)ย่อมอ่านหนังสือเล่มนี้ได้รู้เรื่องเอาความเอา "อรรถ" ได้มากโขอยู่ แต่คงไม่ "ม่วน" เท่ากับผู้รู้คำเมือง เป็นธรรมดาว่าก็น่าจะขาด “รส” ไปมากทีเดียว อย่างผู้เขียนที่ไม่รู้ภาษาอีสานเมื่อลองฟังทางยูทูป หลวงพ่อชาแสดงธรรมเป็นภาษาถิ่นอีสาน ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ในที่สุดก็ต้องเลิกฟังเพราะไม่ได้ทั้งอรรถและไม่ได้“รส”เลย
สำหรับหนังสือธรรมะคำเมืองเล่มนี้ ที่ปริวรรตโดยรักษาสำนวนแบบพื้นบ้านล้านนาโบราณไว้ แม้อ่านในใจไม่ออกเสียง ก็ซาบซึ้ง "ม่วนอกม่วนใจ๋“ อย่างยิ่ง รู้สึกได้เลยว่าการได้อ่านอะไรที่ไพเราะเป็นภาษาพูดภาษาแม่ของเรา ช่างเป็นการอ่านที่ ”ม่วน" เข้าอกเข้าใจเข้าเนื้อเข้าหนังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่ออ่านออกเสียง จะพบว่ายิ่ง "ม่วน" กว่าอ่านในใจ เหมือนการการเปล่งเสียงสวดมนต์ออกมาและสวดมนต์ในใจที่ให้อารมณ์ต่างกัน ใครจะลองทำเปรียบเทียบดูก็ได้
อย่างเช่น หน้า 9 ย่อหน้าที่ (17) ความว่าธรรมะคำสอนเล่มไหน คัมภีร์ใดก็ถูกทั้งนั้ นหากมีใจความว่าสอนให้ละเว้นกรรมไม่ดี สอนทำกรรมดี "...น้ำธัมม์คำสอนผูกไหนกัมพีใดก็ถูก ก็แม่น คือถ้าจักว่าด้วยใจความ ก็เท่าบอกสอนหื้อละเว้นเสียยังกัมม์อันบ่ดี แล้วสอนหื้อกะทำยังกัมม์อันดีที่จักหื้อเปนบุญเปนคุณ คือสุขในชาตินี้ชาติหน้า เหมือนกันทั้งมวล คนเราทังหลายต่างคนก็ต่างได้ยิน ได้ฟังรู้หันอยู่ทุกปีทุกเดือนบ่ขาด แต่บ่มีผู้ปฏิบัติตาม (ถูกคำสุภาษิตว่าดอกไม้บานบนบ่มีส้าวแหม้น) ถ้าเรารู้แล้วควรพิจจรณา หื้อกะทำสัทธาและสุตตะปัญญา หื้อเปนมากเปนหลาย การฟังธัมม์บ่ควรจักฟังเอาเสียงเอาม่วน ควรเราตั้งใจฟังเอาคำที่เปนแก่นเปนสาร ที่จักได้เปนกัมมัฏฐานสอนจิตสอนใจไปภายหน้า เพื่อหื้อได้หันหนทางชั้นฟ้าและนิพพานถี่แจ้งนั้นแล"
อุปมาอุปไมย “ดอกไม้บานบนบ่มีส้าวแหม้น” หมายถึงว่าดอกไม้บานอยู่บนที่สูงไม่มีคนเอาไม้ส้าวสอยปลิดลงมา
แหม้น เป็นคำกริยาหมายถึงปลิดจากขั้ว คนล้านนาเรียกไม้ยาวสำหรับสอยดอกและผลบนต้นไม้ว่าไม้ส้าว เมื่ออ่านแล้วมองเห็นภาพจึงได้อรรถรสอย่างยิ่ง
เข้าใจเลยว่าทำไมจึงมีการแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาต่างๆ มากมายในโลกไม่น้อยกว่า 51 ภาษาตามที่มีการเผยแพร่ไปถึงกลุ่มชนที่พูดภาษานั้น ก็เพื่อให้เข้าใจอย่างเข้าเนื้อเข้าหนังซาบซึ้งได้ทั้งอรรถได้ทั้งรสนี่เอง อย่างเช่นในไทยจัดพิมพ์พระคัมภีร์ฉบับภาษากะเหรี่ยงโปว์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว น่ารู้ว่าความก้าวหน้าอย่างยิ่งของการแปลพระคัมภีร์ขณะนี้คือการทำฉบับแปลเป็นภาษามือสำหรับคนหูหนวก ส่วนการแปลพระคัมภีร์เป็นไทยครั้งแรก มีขึ้นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 โดยแปลในพม่า ส่งไปพิมพ์ที่อินเดีย เพราะต้องการให้คนไทยสืบทอดเชื้อสายมาจากเชลยไทยถูกกวาดต้อนไปอยู่ในพม่าให้ได้อ่านในภาษาไทย
การแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาต่างๆ เป็นปัจจัยหนุนอย่างยิ่งที่โลกทุกวันนี้มีคริสต์ศาสนิกชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนศาสนา
เป็นธรรมดาที่อะไรก็ตามทำแล้ว"ม่วน" ย่อมเกิดฉันทะที่จะทำบ่อย ๆ
แม้ผู้เรียบเรียง คือครูบาพรหมา พรหมจกโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน จะเตือนแล้วว่า การฟังธัมม์บ่ควรจักฟังเอาเสียงอันม่วนก็จะยังขอ "เหลือกำ“ คือดื้อ ไม่ฟังคำ แบบในคำไทย(กลาง)ว่า ”เหลือขอ“ เพราะตลอดมาผู้เขียนไม่เคยเลยที่จะอ่านจะฟังธรรมะเพื่อเอา ”ม่วน" เคยชินแต่อ่านฟังธรรมะแบบเอาอรรถเอาความ อีกทั้งหนังสือธรรมะคำเมืองที่ได้พบเห็นทั่วไปมักเป็นหนังสือคำสวดมนต์ ให้ศีลให้พร คำเทศน์ของพระสงฆ์กัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ใช่หนังสือธรรมะในความหมายที่เป็นการอธิบายแจกแจงธรรมะข้อใดข้อหนึ่งอย่างในเล่มนี้ ซึ่งหาอ่านได้ไม่ง่ายนัก จะเรียกว่ายากก็ได้
ขอไว้อ่านเอา“ม่วน” สักเล่มหนึ่งเถอะ พระเดชพระคุณ.