เต๋าของแจ็คหม่า

เต๋าของแจ็คหม่า

ปรัชญาจีนนั้นเป็นปรัชญา 2 ขั้ว ขั้วหนึ่ง คือคำสอนของขงจื๊อ ซึ่งเน้นให้คนสร้างตน สร้างครอบครัว สร้างประเทศชาติ

 เป็นความคิดที่เน้นให้คนออกไปต่อสู้ฝ่าฟันในทางโลก 

ส่วนปรัชญาเต๋าของเล่าจื๊อนั้น อยู่อีกขั้วตรงกันข้าม คือสอนให้คนรู้จักตัด รู้จักทิ้ง รู้จักปล่อยวาง รู้จักถอย เป็นความคิดที่เน้นให้คนอยู่กับธรรมชาติ อย่าฝืนกระแสโลกและจักรวาล

คนต่างชาติจะงงว่า คนจีนนับถือปรัชญาทั้ง 2 ขั้วพร้อมกันได้อย่างไร แต่คนจีนมองว่า ปรัชญาทั้ง 2 ต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่วงกลางวันออกไปทำมาหากินใช้ปรัชญาขงจื๊อ ช่วงกลางคืนกลับบ้านพักผ่อนใช้ปรัชญาเต๋า ช่วงวัยทำงานเต็มตัวใช้ปรัชญาขงจื๊อ ช่วงหลังเกษียณอายุใช้ปรัชญาเต๋า

ภูมิปัญญาจีน คือการเรียนรู้ศิลปะทั้งการบวกและการลบ ศิลปะการบวกคือ เพิ่มพูนความรู้ ทรัพย์สิน ตำแหน่งหน้าที่ตามแนวคิดขงจื๊อ ศิลปะการลบคือรู้จักปล่อยวางและทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นตามแนวคิดเต๋า

แจ็คหม่าเองก็ชอบพูดถึงปรัชญาจีนบ่อยๆ และครั้งนี้ก็ชัดเจนว่าแจ็คหม่าวางมือตามแนวทางเต๋าได้อย่างสวยงาม หลังจากที่เขาเดินตามปรัชญาขงจื๊อในการต่อสู้ฝ่าฟันสร้างอาณาจักรอาลีบาบามาทั้งชีวิต เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทเมื่อปี ค.ศ. 1999 จนบัดนี้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเอเชีย มีพนักงานมากกว่า 87,000 คน และขยับขยายไปลงทุนทั่วโลก

แจ็คหม่า ประกาศแผนการเกษียณในวัย 54 ปี โดยเตรียมส่งทอดตำแหน่งประธานบริหารกลุ่มอาลีบาบาแก่ แดเนียล จาง CEO คนปัจจุบัน ภายในเวลา 1 ปี นับเป็นการลงที่งดงาม เพราะเป็นการวางมือในขณะที่ตัวเขาเองและอาลีบาบากำลังรุ่งเรือง

ประวัติศาสตร์จีนมีตัวอย่างคนยิ่งใหญ่มากมายที่ไม่รู้จักเต๋า บ้างก็ลงไม่ได้ บ้างก็ไม่ยอมลง สุดท้ายจึงมักจะจบไม่สวย หลายองค์กรธุรกิจในจีนยังเชื่อมั่นและยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบบ จนเมื่อตัวบุคคลเสื่อมหรือไปต่อไม่ไหว กิจการก็จะค่อยๆ ถดถอยไปเรื่อยๆ

แจ็คหม่าพูดเสมอว่า เขาต้องการสร้างให้อาลีบาบาเป็น สถาบันเพราะฉะนั้นแผนการเกษียณในครั้งนี้ไม่ควรทำให้ใครตกใจ เพราะเขาพูดมานานแล้วว่าจะเกษียณเร็ว และอาลีบาบามีการวางโครงสร้างการจัดการภายในบริษัทที่รัดกุม มีการเตรียมการส่งไม้ต่อให้แก่ผู้นำรุ่นใหม่มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว

แจ็คหม่าบอกในจดหมายถึงลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้นว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่ต้องส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่และมีความสามารถเข้ามารับช่วงต่อ ส่วนตัวเขาก็จะได้กลับไป ณ จุดเก่าที่เขาเริ่มต้น คือ การเป็นครู แจ็ค หม่าเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษก่อนที่จะเริ่มสร้างกิจการ ดังนั้น ความฝันครั้งใหม่ของเขาก็คือ การทุ่มเทให้กับงานมูลนิธิของเขาที่เน้นพัฒนาการศึกษาชนบทของจีนอย่างเต็มตัว

แจ็คหม่าบอกว่าเขาเริ่มต้นอาลีบาบา ด้วยความฝันจะสร้างแพลทฟอร์มออนไลน์ที่ขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศจีน วันนี้เขายอมส่งไม้ต่อความฝันเก่าให้คนรุ่นต่อไป และลองเริ่มต้นความฝันใหม่ที่จะมุ่งขยายโอกาสทางการการศึกษาให้กับคนชนบทจีนมหาศาล

มีนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ที่ผ่านมาแจ็คหม่าเองก็คงรู้สึกกดดันไม่น้อย เพราะนักธุรกิจจีนที่มีชื่อเสียงคับฟ้า หลายคนมักจบไม่สวย ยิ่งในภาวะที่การเมืองจีนยิ่งปิด มีการควบคุมเคร่งครัดมากขึ้น ชื่อเสียงและอิทธิพลก็อาจก่อภัยให้แก่ตัวเอาได้ง่ายๆ แจ็คหม่าจึงนับว่ามีศิลปะยิ่งนักที่พร้อมถอยเองในยามที่ตนยังรุ่งเรือง และเป็นการถอยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะประกาศล่วงหน้าถึง 1 ปี

จริงๆ แล้ว การเกษียณของแจ็คหม่าไม่ได้มีผลอะไรมากมายในทางปฏิบัติ เพราะการบริหารงานของอาลีบาบา ปัจจุบันก็เป็นหน้าที่ของแดเนียล จางอยู่แล้ว แดเนียล จาง ได้รับตำแหน่ง CEO ต่อจากแจ็คหม่ามาตั้งแต่ 5 ปีก่อน ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา บทบาทหลักของแจ็คหม่า คือการเป็นหน้าเป็นตาให้กับอาลีบาบา บินไปพูดและแสดงวิสัยทัศน์ทั่วโลกมากกว่า ซึ่งแจ็คหม่าก็ยังสามารถเล่นบทบาทนี้ได้ต่อไปในฐานะผู้ก่อตั้งอาลีบาบา เหมือนกับที่เวลาเราเห็นหน้าบิลเกตส์ เราก็ยังคงคิดถึงไมโครซอฟท์ แม้ว่าบิลเกตส์จะวางมือจากการบริหารไมโครซอฟท์ไปนานแล้ว

ยิ่งถ้าแจ็คหม่ามาเล่นบทบาทใหม่ในการเป็น ครูของชนบทจีน ส่งเสริมการขยายโอกาสและคุณภาพการศึกษาให้แก่ชนบทจีน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในจีนที่นับวันขยายตัวกว้างขึ้นทุกที เขาย่อมจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในชนบทของจีนอีกมหาศาล ดังที่เขาได้เป็นแรงบันดาลให้คนรุ่นใหม่ในเขตเมืองของจีนมาอย่างยาวนาน

เต๋าของแจ็คหม่าจึงผสมผสานอย่างกลมกลืนกับขงจื๊อในตัวเขา เขาละทิ้งสิ่งหนึ่ง เพื่อบุกเบิกฝันใหม่ ดังที่เขาเขียนในจดหมายเกษียณแปลแบบเก็บความได้ว่า โลกใบนี้กว้างใหญ่ และผมยังหนุ่มอยู่ ผมจึงยังอยากลองทำอะไรใหม่ๆ เพราะใครว่าคนเรามีฝันใหม่ไม่ได้?”