คุณคือใคร....เมื่อไรจะออกมา?

 คุณคือใคร....เมื่อไรจะออกมา?

ใครๆก็พูดถึงบิทคอยน์ รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเสียมากกว่า เพราะมันเป็นอะไรที่เข้าใจยาก

แต่คุณรู้ไหมว่า “คนที่คิดเรื่องบิทคอยน์” นั้น หาตัวยากกว่าหาบิทคอยน์หรือเข้าใจบิทคอยน์ เสียอีก

คนคิดเรื่องบิทคอยน์ ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร จนถึงวันนี้รู้จักกันแค่ชื่อเท่านั้นเองว่า เขาชื่อ Satoshi Nakamoto แต่ที่เหลือเกือบไม่รู้อะไรและไม่มีใครเคยเห็นตัวตนเขาเลย

คุณ Satoshiเสนอความคิดเรื่องบิทคอยน์ เมื่อปี 2009 ซึ่งก็ไม่นานมานี้นี่เอง ไม่ใช่ว่าเป็นยุคโบราณ แล้วจะไม่มีใครเคยเห็นหน้าเขาได้อย่างไร แต่ก็อย่างว่าแหละครับ สมัยนี้เครื่องบิน MH 370 ยังหายไปได้ทั้งลำ แล้วทำไมคนเก่งอย่าง Satoshi จะหายไปทั้งคนไม่ได้!

Satoshiตีพิมพ์ บทความเรื่องBitcoin: A Peer to Peer Electronic Cash System ลงในเว็บ P2P เมื่อปี 2009บทความมีความยาว 9 หน้า พูดถึงบิทคอยน์ว่ามันคืออะไร และจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

นั่นคือจุดเริ่มต้น และหลังจากนั้นบิทคอยน์ ก็ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกอีกครั้งหนึ่ง และขณะนี้บิทคอยน์เป็น “คริปโตเคอเรนซี่" (Cryptocurrency) สกุลที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว

หลังจากตีพิมพ์บทความ Satoshi ก็ได้ขยายความคิดเดิม เผยแพร่ข้อคิดเห็นใหม่ๆในเว็บ P2P เป็นครั้งคราว เป็นเวลาประมาณ 2 ปี แต่หลังจากนั้นเขาก็หายไปอย่างไม่มีร่องรอย จนถึงวันนี้

บิทคอยน์ พัฒนามาได้ไกล แต่ Satoshi กลับหายไป ไม่ออกมาประกาศเครดิต ให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ผมก็สงสัยว่ามันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไมไม่ออกมารับการยกย่องสรรเสริญ วันนี้ผมเลยขอเชิญคุณ “ตามรอย Satoshi ไปกับผม ดีไหมครับ?

คิดแบบง่ายที่สุด Satoshi Nakamoto ก็ต้องเป็นญี่ปุ่น แต่มันกลับไม่่ง่ายขนาดนั้น เพราะใครอ่านบทความของเขา ก็เห็นว่าเป็นบทความระดับมืออาชีพ ภาษาสละสลวย เป็นภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์แบบ เลยมีข้อสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นนามปากกาของ “ฝรั่ง” ก็ได้

บ้างก็บอกว่าเขาน่าจะเป็นชาวอังกฤษ เพราะเขาใช้คำว่า Flat ไม่ใช่ Apartment แบบอเมริกัน จนถึงวันนี้ บุคคลที่สื่อระดับโลกคาดว่า น่าจะเป็น Satoshi Nakamotoมีจำนวนนับสิบคนแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญในวงการหลายคน กลายเป็นเป้าหมาย ถูกนำรูปมาลง เอาประวัติมาเล่า แล้วก็วิเคราะห์ว่าคนนี้แหละ คนนั้นแหละ น่าจะใช่ เช่น Newsweek เคยขึ้นปกว่า Dorian Nakamoto คือ Satoshi ตัวจริง หรือแม้แต่ Elon Muskก็เคยถูกคาดหมายมาแล้ว ว่าเป็น Satoshiแต่เขาก็ปฎิเสธ

นักเขียนของ Forbes คนหนึ่ง เก็บข้อมูล ค้นคว้าและมุ่งเป้าไปที่Finney ผู้ชายวัย 57 ปี ว่าเขาน่าจะเป็น Satoshi แต่พอไปหาถึงตัว ก็พบว่าFinney นอนป่วยด้วยโรค ALS แบบหมดสภาพ กล้ามเนื้อใช้งานไม่ได้ พูดไม่ได้ ต้องใช้การเคลื่อนไหวด้วยดวงตา ส่งภาษาอยู่นาน สรุปได้ว่าเขาก็ไม่ใช่เหมือนกัน

ผมเองก็สงสัยว่าทำไมไม่มีใครอยากได้เครดิตนี้ ทำไม Satoshi ตัวจริงไม่ออกมาเสียที เฝ้าเก็บตัวให้คนตามหาอยู่นั่นแหละ เป็นเพราะเหตุใด หรือว่าเสียชีวิตไปแล้ว ฯลฯ อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2015 หนุ่มชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง ชื่อ Craig Wright อายุ 45 ปี ก็ออกมาประกาศว่า “ผมนี่แหละ Satoshi Nakamoto.....

ดีเลยครับ พบตัวจริงเสียที! สื่อทั่วโลกต่างให้ความสนใจ บางฉบับเช่น The Economist พาบุคคลที่น่าจะคุ้นเคย หรือเคยทำงานกับ Satoshi ในช่วงที่ตีพิมพ์บทความไปสัมภาษณ์หาความจริง แต่ในที่สุดก็สรุปออกมาว่า “มีความเป็นไปได้สูง ว่าเขาอาจจะใช่ แต่ก็ไม่ 100%” แล้วนิตยสารฉบับนี้ก็กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “เราคงไม่พบใคร ที่มั่นใจได้ 100% ว่าเป็น Satoshi ตัวจริง”

แต่สื่อฉบับอื่นบางฉบับ ก็โจมตี Craig Wright ว่าเป็น “จอมลวงโลก” และหลังจากนั้นเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลียบุกเข้าจู่โจมถึงบ้าน เรื่องการเสียภาษี ต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นี้เอง เขาถูกฟ้องว่าโกงเงินบิทคอยน์จากเพื่อน มูลค่าถึง 5.0 พันล้านดอลล่าร์

บางแหล่งบอกว่า Satoshi อาจจะไม่ใช่บุคคลคนเดียว แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานร่วมกัน แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ที่แน่ๆก็คือ ส่วนใหญ่สรุปออกมาตรงกันว่า“เราคงไม่มีวันได้พบ ตัวจริงของ Satoshi

สำหรับประเทศไทย เวลามีบุคคลลึกลับอย่างนี้ เรามักจะตีความหมายไปในทางลบ และใช้คำว่า ไอ้โม่ง แต่เวลาที่มีความชัดเจนขึ้นอีกนิด เรานิยมใช้ อักษรย่อ เช่น “นาย ป.” บ้าง “นาย ท.” บ้าง พอชัดเจนเห็นเค้าลางมากขึ้น เราก็เรียกว่า ไอ้ปื้ด ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย (ตรงนี้ต้องขอบคุณ “คุณ ฉ.” ที่ทำให้ ไอ้ปื้ด โด่งดังครับ)

บุคคลระดับโลก ซึ่งมีชื่อชัดเจนอย่าง Satoshi Nakamoto มีผลงานสำคัญชัดเจน และมีผู้คนค้นหากันทั่วโลก ก็ยังหาไม่เจอ และคงไม่มีโอกาสได้เจอเสียด้วย

แล้วในประเทศไทย ที่มักจะมีบุคคลบางคนลึกลับ ก่อเหตุการณ์ไม่ค่อยดี หลักฐานที่น่าจะมี บางทีก็หายไป หรือหาไม่ได้ เพราะ CCTV ช่วงนั้นได้จังหวะ “เสีย" เกือบทุกที แบบนี้จึงตามหาลำบากยิ่งนัก

แถมชื่อบุคคลเป้าหมาย ที่รั่วไหลออกมา ก็มักกระท่อนกระแท่น ได้ระแคะระคายออกมาทีไร ก็ได้แค่อักษรย่อตัวเดียว....แล้วอย่างนี้มันจะหาเจอเรอะครับ

ดังนั้น คราวต่อไป ถ้าประเทศไทยมีบุคคลลึกลับ บุคคลนิรนาม หาตัวตนไม่เจอ แม้คนส่วนใหญ่พอจะทราบว่า เขาหรือเธอน่าจะเป็นใคร แต่ก็ยังหาไม่เจอ อย่างนี้พวกเราก็ไม่ต้องคิดมากหรือหาชื่อย่อให้ยุ่งยากใจแล้วครับ ไม่ต้องเรียกเขาว่าไอ้ปื้ดด้วย เพราะมันล้าสมัยไปเสียแล้ว

เรียกเขาว่า “ซาโตชิ” ก็แล้วกัน

ผมว่าเท่กว่าไอ้ปื้ดเยอะเลย