ระยะของการบริหารความมั่งคั่ง

ระยะของการบริหารความมั่งคั่ง

ระยะของการบริหารความมั่งคั่ง

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแล้วนะครับอากาศค่อยข้างเปลี่ยนแปลงบ่อย เช่นเดียวกับอุณหภูมของภาวะตลาดที่เข้าสู่ช่วงแห่งความผันผวนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น หรือกลุ่มประเทศเกิดใหม่ดังนั้นช่วงนี้ความมั่งคั่งในพอร์ตของท่านผู้อ่านอาจมีการแกว่งขึ้นลงได้ ก็ขอให้ท่านผู้อ่านยึดหลักการกระจายความเสี่ยงและเป้าหมายของแผนความมั่งคั่งเอาไว้นะครับ จิตใจจะได้ไม่แกว่งขึ้นลงตามภาวะตลาดให้วุ่นวาย

วันนี้ผมอยากลดโทนลงมาเป็นเรื่องเบาๆไม่หนักสมองมากนัก ผมพูดเรื่องการบริหารความมั่งคั่งและการการวางแผนเพื่อการเกษียณมาหลายครั้งตั้งแต่เกษียณแบบมีเงินใช้แค่พอเพียง ไปจนถึงเกษียณแบบมีเงินใช้อย่างสบายๆ วันนี้เรามาดูกันว่าในช่วงชีวิตของเรานั้นสามารถจำแนกการบริหารความมั่งคั่งออกได้เป็นกี่ระยะและแต่ละระยะมีความแตกต่างด้านการลงทุนกันอย่างไร

เราอาจแบ่งระยะของการบริหารความมั่งคั่งออกได้เป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ ด้วยกันคือ

ระยะสะสมความมั่งคั่ง (wealth accumulation phase) มักจะเริ่มในช่วงที่เราเริ่มทำงานและมีรายได้ โดบปรกติก็จะเริ่มตั้งแต่อายุ 22-25 ปี ไปจนถึงช่วงที่เราเกษียณจากการทำงาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรามีรายได้จากการทำงานไม่ว่าจะเป็นงานหลักหรืองานเสริม และเราเริ่มสะสมความมั้งคั่งเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นเพื่อการเกษียณหรืออื่นๆ โดยเงินที่ได้จากการทำงานจะถูกสะสมหรือลงทุนในพอร์ตเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้เพิ่มขึ้น

การลงทุนในช่วงนี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเน้นการเพิ่มความมั่งคั่งเป็นหลัก ดังนั้นสัดส่วนการลงทุนจึงสามารถเป็นสินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้นไทยหรือหุ้นต่างประเทศที่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงในสัดส่วนที่มากกว่าสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ และหุ้นที่อยู่ในพอร์ตก็ไม่จำเป็นต้องเน้นว่าต้องเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลแต่มักจะเน้นหุ้นที่มีโอกาสในการเติบโตสูงมากกว่า สินทรัพย์ที่ต้องมีอีกอย่างคือการทำประกันเพื่อเตรียมตัวในวัยเกษียณ

และในช่วงนี้มักจะมีปัจจัยด้านการใช้จ่ายหลักๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องการซื้อบ้าน ซื้อรถ ด้านการศึกษาบุตรเข้ามาทำให้การเก็บเงินเพื่อให้เพียงพอต่อการลงทุนยุ่งยากขึ้น ซึ่งเรามักจะทำการเลื่อนค่าใช้จ่ายนี้ออกไปในรูปของการกู้และผ่อนชำระ

เราอาจเพิ่มระยะย่อยเข้าไปในช่วงท้ายของช่วงนี้อีกคือช่วงย่อยของการวางแผนความมั่งคั่งเพื่อเตรียมตัวเกษียณ ในช่วงย่อยนี้เป็นช่วงท้ายๆของอายุการทำงาน สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือการปลดภาระของหนี้สินที่มีอยู่ให้หมดสิ้นเ และการลงทุนก็อาจปรับสัดส่วนโดยลดการลงทุนในหุ้นลงและเปลี่ยนเป็นหุ้นปันผล และเพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์ทีปลอดภัยมากขึ้น

ระยะที่สอง เป็นช่วงใช้ความมั่งคั่งหรือ wealth distribution phase เป็นช่วงที่เราไม่มีรายได้จากงานประจำดังนั้นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจึงต้องพึ่งพิงพอร์ตความมั่งคั่งของเราเป็นหลัก ช่วงนี้การลงทุนจึงเน้นที่สินทรัพย์ที่ให้เงินปันผลหรือดอกเบี้ยในอัตราที่สูง เช่น หุ้นปันผลที่มีความมั่นคงสูง กองรีทส์ หรือตราสารหนี้ เป็นหลัก แต่ถ้ารายรับจากส่วนนี้ไม่พอเราจำเป็นต้องขายสินทรัพย์ในพอร์ตออก ดังนั้นความผันผวนของราคาและสภาพคล่องในการซื้อขายจึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง อีกประการค่ามใช้จ่ายด้านสุขภาพมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงระยะนี้ หากเราเตรียมตัวหรือวางแผนไม่ดีพอตั้งในในระยะที่หนึ่งก็อาจก่อให้เกิดเป็นภาระที่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะนี้ได้

สุดท้ายเป็นระยะที่เรียกว่า การผ่องถ่ายความมั่งคั่ง Wealth transfer (หรือ บางทีก็เรียก Legacy) phase เป็นช่วงที่เราส่งต่อความมั่งคั่งของเราไปยังบุคคลอื่น เช่น บุตร หลาน และบางท่านอาจเพิ่มการส่งต่อความมั่งคั่งให้กับสังคมในรูปของ มูลนิธิ กองทุนเพื่อสังคม เป็นต้น การลงทุนในช่วงนี้จึงมีความหลากหลายตามวัตถุประสงค์ เช่นเน้นรักษาเงินต้นโดยให้ใช้ได้เฉพาะผลตอบแทนเป็นต้น

ท้ายสุดนี้ผมก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านสุขภาพแข็งแรงและโชคดีในการลงทุนครับ