ลำปาง ไม่แพ้ใคร

ลำปาง ไม่แพ้ใคร

มื่อพูดถึงการไปท่องเที่ยวที่ลำปาง ส่วนใหญ่จะคิดถึงรถม้า ลำปางได้รับการโปรโมทว่าเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวห้ามพลาด

ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปแล้ว และนับแต่นี้ต่อไปคงต้องอาศัยการท่องเที่ยวมาเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

แต่เดิมลำปางเคยเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญลำดับที่ 2 ของภาคเหนือรองจากเชียงใหม่ โดยถือเป็นเมืองศูนย์กลางโลจิสติกส์ภาคเหนือตอนบน 

แต่พอมาในปี 2547 เชียงรายก็แซงหน้าลำปางขึ้นไปในด้านขนาดของเศรษฐกิจ ส่วนลำพูนก็ได้นิคมอุตสาหกรรมทำให้ลำพูนกลายเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในภาคเหนือตอนบน แต่ลำปางยังเป็นอันดับ 3 ในด้านรายได้ต่อหัว รองจากลำพูนและเชียงใหม่ เพราะเชียงรายมีประชากรมากกว่าลำปางมาก ถึงขนาดเศรษฐกิจของเชียงรายจะใหญ่กว่าลำปาง แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่ามากทำให้รายได้ต่อหัวของลำปางยังสูงกว่าเชียงราย

ภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการผลิตหลักของลำปางก็คือเซรามิก ซึ่งลำปางมีโรงงานประมาณ 300 โรง หลายปีก่อนหน้านี้เคยมีมากกว่านั้นมากมีถึง 600 โรง แต่ต้องล้มเลิกกันไป เพราะการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและราคาพลังงาน ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่ก็เป็นขนาดเล็ก และขนาดกลาง

ผู้ประกอบการเซรามิกมีความฝันมานานแล้วว่าอยากจะแปลงโฉมเมืองลำปางให้กลายเป็นเมืองเซรามิก โดยให้ลำปางมีรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวที่มีหัตถกรรมด้านเซรามิกรองรับ

ลำปางเป็นจังหวัดที่มีกำลังรองรับในด้านที่พัก มีโลจิสติกส์ทางบกที่สะดวกสบาย เพราะเป็นจังหวัดที่เป็นชุมทางมาก่อน แม้โครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะไม่ดีนัก เช่น ยังขาดห้องพักระดับหรูซึ่งในเมืองยังไม่มี น่าจะมีบูติคโฮเต็ลระดับ 4-5 ดาว แต่ก็มีศูนย์การค้าใหญ่มารองรับ ความสะดวกด้านอาหาร 

จุดอ่อนที่สุดของลำปางคือ อากาศร้อนและฝุ่นละอองจากไฟป่าสูงมาก ซึ่งก็น่าจะแก้ไขได้ เช่น จ.เชียงราย ซึ่งแต่เดิมเคยมีปัญหาวิกฤติในระดับใกล้เคียงกับลำปาง ก็ยังสามารถลดจุด Hot spot หรือจุดที่มีค่าความร้อนสูงกว่าปกติจาก 921 จุด ในปี 2559 ลดลงเหลือ 19 จุด (ลดลง 98%) ในปี 2560 ซึ่งได้ขยายฤดูกาลท่องเที่ยวได้ดีขึ้น 

ลำปางจะต้องพัฒนาภูมิทัศน์เมือง เพิ่มความร่มรื่นของต้นไม้ จัดการปัญหาไฟป่าให้ได้ผล นอกจากคุณภาพอากาศแล้วลำปางยังจะต้องปรับปรุงปัญหาคุณภาพน้ำทิ้ง ซึ่งลำปางมีสัดส่วนน้ำเสียที่ได้รับการบำบัดต่ำที่สุดในภาคเหนือตอนบน

สำหรับเรื่องเมืองน่าเที่ยวลำปางก็ไม่แพ้ใคร สิ่งดึงดูดใจในเมืองส่วนใหญ่เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่มีอัตลักษณ์ มีบ้านเรือนไม้ในย่านเก่าที่ยังคงความสมบูรณ์และความสง่างาม โดยเฉพาะเส้นทางรถม้าที่ผ่านเมืองเก่าที่ยังมีบรรยากาศสวยงาม มีวัดที่มีสถาปัตยกรรมพม่าที่งดงาม แปลกตา เช่น วัดปงสนุกเหนือ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม วัดพระเจดีย์ซาวหลัง และวัดศรีชุม 

รถม้านับเป็นวิธีการชมเมืองเก่าลำปางได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะช่วงแดดร่มลมตก เส้นทางวิ่งของรถม้าเราสามารถเลือกได้จะเป็นรอบเล็ก รอบใหญ่ หรือเป็นชั่วโมง อยากไปเส้นไหนก็เลือกได้ตามอัธยาศัย โดยนั่งชิลๆ ชมเมือง ซึมซับบรรยากาศย้อนยุค ดูตึกรามบ้านช่องยุคเก่า

ผู้เขียนเลือกเส้นทางรถม้าที่ไปจบตอนพลบค่ำที่ผ่านวัดเชียงราย (ชื่อวัดนะคะ) ซึ่งเป็นวัดที่มีสีขาวเหมือนวัดร่องขุ่นของเชียงราย หากได้ไปถึงวัดเวลาค่ำถ้าได้ตามไฟไว้คงจะสวยงามน่าชมอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ดี จำนวนผู้มาเยือนลำปางยังน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมาก เมื่อพิจาณาถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยว 

ขณะนี้ลำปางมีรายรับจากการท่องเที่ยวแค่ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี รายรับนี้คิดเป็นเพียง 0.14% ของรายได้ของทุกจังหวัดรวมกัน ซึ่งนับว่าน้อยนิดเทียบกับเชียงรายที่สูงเกือบ 24,000 บ้านบาท คิดเป็น 1.11% ของรายได้รวมทั้งประเทศ แค่คงเทียบไม่ได้กับเชียงใหม่ที่สูงเกือบ 100,000 ล้านบาทไปแล้วคิดเป็น 4% ของทั้งประเทศ

ถ้าเช่นนั้นเราจะทำอย่างไรให้ลำปางสามารถควบรวมอุตสาหกรรมดั้งเดิม คือ เซรามิก เข้ากับการท่องเที่ยว นั่นก็คือ ต้องทำความฝัน หรือจินตนาการ  ให้เมืองท่องเที่ยววัฒนธรรมลำปางเซรามิก ซิตี้้ เป็นจริง 

เริ่มต้นก็คือ ต้องทำแผนยุทธศาสตร์ให้เป็นแผนที่นำทางหรือ Road Map ไว้ก่อน ซึ่งทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จะให้ทุนสนับสนุนสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ (PPSI) จัดประชุมการระดมความคิดเห็นครั้งที่ 1 ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าเซรามิกและหัตถอุตสาหกรรมฯ ที่เกาะคาในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เวลา 13.00 -16.30 น. ก็ขอเชิญชาวลำปางมาร่วมระดมความเห็นกัน 

งานนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ที่นั่งจำกัดนะคะผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ http://cim.dip.go.th หรือ www.ppsi.or.th

ระหว่างนี้งานด้านเมืองท่องเที่ยววัฒนธรรมได้เดินหน้าไปแล้ว ในเดือนนี้มีการเปิดชุมชนท่องเที่ยวใหม่ในจ.ลำปางคือ ชุมชนท่ามะโอ และถนนป่าไม้ ที่มีต้นไม้สักขนาดใหญ่อายุร่วมร้อยปี 

กลุ่มชุมชนท่ามะโอและเครือข่ายลำปางรักษ์เมืองเก่าจะร่วมกันจัดงาน “ท่ามะโอ เรโทร แฟร์” มีกิจกรรมศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนยุค จัดทุกวันเสาร์สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ณ บ้านหลุยส์ ทีเลียวโนเวนส์ ลูกชายแหม่มแอนนาครูสอนภาษาอังกฤษในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 บ้านหลังนี้อายุกว่า 100 ปีแล้ว เชิญไปชมกันนะคะ

ถ้าผู้อ่านมีโอกาสไป อย่าลืมแวะกินข้าวต้มบาทเดียวที่กาดกองต้า อิ่มแล้วค่อยเดินย่อยอาหารที่กาดกองต้าซึ่งเป็นถนนคนเดินที่มีความหลากหลาย และคงวิถีชุมชนได้มากกว่าถนนคนเดินอื่นๆ ที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ที่กาดกองต้าจะพบเห็นคนขายพระเก่าหรือแม้แต่ผักสดมาวางขายด้วย

หากคิดจะเดินทางมาเที่ยวจากกรุงเทพฯ ก็สะดวกสบายมากค่ะ เพราะอาคารสนามบินก็สร้างเสร็จแล้ว รีบมาเที่ยวลำปางตอนนี้นะคะ อากาศกำลังสบายมากค่ะ