วิธีง่ายๆที่ Google ใช้สนับสนุนทีมงานมีความสุข
คนทำงานที่มีความสุขในชีวิต เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่อมทุกข์ ย่อม
- มีความเครียดน้อยกว่า
- มีสุขภาพทั้งกายทั้งใจที่ดีกว่า
- มีใจ ให้ Focus ในการทำงานสูงกว่า
- มีสมองที่ปลอดโปร่ง พร้อมมองหามุมมองใหม่ๆได้มากกว่า
Google เป็นหนึ่งในองค์กรยุคใหม่ที่ใส่ใจยิ่งเรื่องความสุขของพนักงาน โดยให้ความสำคัญกับ Work-Life Integration หรือ การผสมผสานงานกับชีวิตให้ลงตัว
ที่ผ่านมา เรามักได้ยินว่าองค์กร และคนทำงานทั่วไป มักให้ความสำคัญเรื่อง Work-Life Balance หรือ การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต เพราะ มืออาชีพจำนวนไม่น้อย ทุ่มเททำงานจนลืมให้เวลากับคนที่บ้าน หรือ ละเลยใส่ใจในการดูแลสุขภาพตนเอง ฯลฯ
แต่ส่วนใหญ่พบว่า ความสมดุลช่างหายากนัก
เพราะเราต้องยอมรับว่า งานและความสำเร็จของมืออาชีพวันนี้ มิได้มาง่ายๆ ไม่เคยได้มาอย่างสบายๆ
ทั้งต้องทุ่มเท ต้องสู้กับสารพัดปัญหาที่ท้าทาย
ทั้งต้องให้เวลา การออกจากบ้านตีห้าเพื่อไปทำงานให้ทัน เป็นสิ่งที่เราเห็นกันเป็นเรื่องธรรมดา
แนวทางใหม่ ที่เรียกว่า Work-Life Integration จึงเป็นวิธีที่แยบยลที่น่าจะได้ใจคนทำงานวัยใสมากขึ้น
นั่นคือ มองงานและชีวิต เป็นองค์รวม เป็นหนึ่งเดียวกัน
มิใช่งานและชีวิตอยู่คนละฝั่ง จึงต้องเอา 2 เรื่องมาใส่ตาชั่ง แยก 2 ฝั่งให้สมดุล
Work-Life Integration กลายเป็นหลักชัยใหม่ของคนทำงานในยุค 4.0
เราจึงได้ยินคำแนะนำมากมาย ที่ชี้ให้คนทำงานไปทิศนี้
อาทิ ต้องเลือกงานที่เรารัก ที่เรามี Passion
เพราะผลลัพธ์คือ งาน “ประจำวัน” จะกลายเป็นเหมือนงาน “อดิเรก” ที่เราทำเพราะชอบ ขึ้นมาในบัดดล!
Google เป็นหนึ่งในตัว “พ่อ” ของการสรรหานานาวิธี ที่จะทำให้คนมีความสุขที่ทำงาน
ไม่ต้องรอเลิกงาน จึงจะได้เวลาไปแสวงหาชีวิตและความสุข แนว Work-Life Balance
เพราะสำหรับคนส่วนใหญ่ ที่ทำงาน คือ บ้านหลังที่สองของแท้
คุณ Sundar Pichai CEO ของ Google แอบเล่าว่า วิธีต่างๆที่ Google พบว่าใช้ได้ดี ใช้ได้สำเร็จ ไม่ต้องซับซ้อน เป็นวิธีง่ายๆ ธรรมดาๆ พื้นๆ Simpleๆ!
วันนี้ มาดู 1 วิธี ที่โด่งดังมากใน Google กันค่ะ
วิธีนี้ มีชื่อว่า “1 Simple Goal” หรือ “เป้าหมายง่ายๆ 1 ข้อ”
แนวทาง คือ ลูกพี่และลูกน้องสามารถคุยกันเรื่อง “ความสุข” ของชีวิตอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยให้มีเป้าที่เน้นการพัฒนา “Well-Being” หรือ ความสุขในการดำรงชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม
กติกาพื้นฐานของ Google ในการใช้เครื่องมือนี้ คือ
- น้องเป็นคนเลือกเป้าหมายและกำหนดเวลาเอง
- เป้าหมายต้องไม่เกี่ยวกับเนื้องาน
- ให้หัวหน้าคอยติดตาม ถามไถ่ ให้การสนับสนุน เพื่อให้น้องทำได้ตามเป้าหมายนี้ ลักษณะเดียวกับการติดตามผลการทำงานด้านอื่นๆ
- สนับสนุนให้ลูกน้องบอกเป้าหมายนี้กับเพื่อนร่วมงาน และคนในครอบครัว เพราะมีคนรับรู้ยิ่งมาก ยิ่งดี เพื่อเสริมแรง ได้กำลังใจ และการสนับสนุนจากทุกทิศ
ตัวอย่าง “1 Simple Goal” ของทีมงาน Google มีอาทิ
- ผมจะออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที
- ฉันจะกลับบ้านเวลา 5 โมงเย็น อาทิตย์ละ 3 วันเพื่อใช้เวลากับลูกมากขึ้น
- ฉันจะทดลองไม่ใช้ Social Media ใดๆ หลัง 2 ทุ่ม เป็นเวลา 3 เดือน
- ผมจะดื่มน้ำวันละ 10 แก้วทุกวัน
เป้าหมาย เอาง่ายๆ Simpleๆ แต่..แรง!
ยิ่งไปกว่านั้น แค่รู้ว่าทั้งองค์กรและพี่หัวหน้า ให้ความสำคัญว่าฉันจะมีความสุขในชีวิตหรือไม่ จนจัดเครื่องมือนี้ให้ใช้ในองค์กร ให้ถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่พี่กับน้องต้องช่วยกันทำให้เกิด
ก็ถือว่าประเสริฐนักแล้วค่ะ
ท่านผู้อ่านที่สนใจ ไม่จำเป็นต้องรอให้องค์กรเริ่มใช้ระบบนี้
เพราะพี่อย่างเรา เอาวิธีนี้เริ่มใช้กับน้องในสังกัด จัดเต็มได้ทันทีค่ะ