บทพิสูจน์ผู้นำ

บทพิสูจน์ผู้นำ

ยิ่งโลกทุกวันนี้ผันผวนปรวนแปรมากเพียงใด บทบาท “ผู้นำ” ก็ดูจะโดดเด่นชัดเจนมากขึ้น

ยิ่งโลกทุกวันนี้ผันผวนปรวนแปรมากเพียงใด บทบาท “ผู้นำ” ก็ดูจะโดดเด่นชัดเจนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ผู้นำนักศึกษา ผู้นำชุมชน ผู้นำบริษัท ผู้นำสังคม ผู้นำอุตสาหกรรม ไปจนถึงผู้นำประเทศ เพราะความที่เราอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เมื่อมีสมาชิกมากกว่า 3 คน ก็ย่อมมีผู้นำเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ 

แต่ศาสตร์การเป็นผู้นำที่ดีไม่ง่าย โดยเฉพาะทุกวันนี้ ที่การแข่งขันรุนแรงทำให้ผู้นำหลายๆ คนทุ่มความสนใจให้กับเรื่องกำไรขาดทุนเป็นหลัก อาจมองข้ามการทำความรู้จักทีมงานอย่างถ่องแท้ และยกระดับให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของหน่วยงาน ซึ่งนั่นจะสร้างอนาคตให้องค์กรระยะยาวได้มากกว่า

ความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ เป็นสิ่งที่หลายองค์กรมุ่งเน้นอยู่ในปัจจุบัน เพราะรู้ดีว่าการพัฒนาคน จะเป็นกลไกหลักในการสร้างความมั่นคงให้องค์กร ไม่ใช่การมุ่งเน้นผลกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะรายได้และผลกำไรอาจลดต่ำลงได้ เมื่อคนขององค์กรขาดขวัญและกำลังใจ

ตรงกันข้าม เมื่อองค์กรใช้คนเป็นศูนย์กลางก็จะเอื้อให้คนในองค์กรกล้าคิด และกล้าทำ กล้าทุ่มเทเพื่อความก้าวหน้าทั้งตัวเองและส่วนรวม การสร้างสายสัมพันธ์กับบุคลากรจึงเป็นก้าวแรกให้เขามีความผูกพัน จนแทนตัวเองเป็นผู้บริหารเพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้องค์กรได้

เป้าหมายองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งวันนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่ “ลูกค้า​” เป็นหลักเหมือนอดีต เพราะเมื่อลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่หากพนักงานไม่มีใจให้บริการอย่างที่ควรจะเป็น ระบบ Customer Relationship Management ราคาแพงก็อาจไร้ประโยชน์ทันที

การผลักดันให้พนักงานเติบโตสู่การเป็นนักบริหาร จึงเป็นหนทางหลัก ช่วยให้เขาเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้ แต่การเป็นนักบริหารที่ดี คุณสมบัติเบื้องต้น คือ ขยัน ซื่อสัตย์ สุจริต แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วผมอย่างฝากข้อคิดไว้สัก 4 ประการคือ

ประการแรก ธุรกิจมีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักร การเป็นผู้นำช่วงขาขึ้นอาจพิสูจน์อะไรได้ไม่มากนัก เพราะช่วงเศรษฐกิจดี ตลาดขยายตัว การทำรายได้หรือกำไรในช่วงดังกล่าวได้ถือเป็นการเติบโตในภาวะที่ควรจะเป็น แต่หากตรงกันข้าม คือ เศรษฐกิจย่ำแย่ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในระดับโลก ส่งผลถึงเศรษฐกิจในประเทศ ฯลฯ ช่วงเวลานั้นจะเป็นโอกาสได้พิสูจน์ผลงานผู้บริหารอย่างแท้จริง

ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองในบ้านเราในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาก็น่าจะพอให้เห็นเป็นตัวอย่างได้ เพราะธุรกิจที่แข็งแรงก็ยังคงเติบโตขยายตัวต่อไปได้ ในขณะที่ธุรกิจที่ยังไม่มีจุดยืนที่ดีก็มักจะต้องปรับตัวลดขนาดลงอยู่ตลอดเวลา

ความคงเส้นคงวาของผู้บริหารจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในยามที่ต้องการขยายตัวก็เปิดรับบุคลากรใหม่มากมาย แต่ในยามเศรษฐกิจตกต่ำก็เลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมากทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีแผนรองรับชัดเจนและยังไม่ได้พิจารณาว่าอาจใช้พลังจากคนเหล่านี้ช่วยกันหาทางออกให้กับบริษัทได้

เช่นเดียวกับนักลงทุนที่เราจะเห็นได้ว่าตลาดหลักทรัพย์ที่มีภาวะทั้งขาขึ้นและขาลงแต่ก็มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่สามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะ ซึ่งเขาทำได้เพราะมีความสม่ำเสมอโดยไม่หลงไปกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ ของตลาดที่อาจทำให้ไขว้เขวได้

การทำแผนระยะยาวที่มีความยืดหยุ่น และปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงได้เสมอเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้บริหารทุกวันนี้ต้องใส่ใจ และอย่าผลีผลามตัดสินใจไปตามกระแสหรือความตื่นตระหนกรอบ ๆ ตัวเพราะในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ยังมีโอกาสที่ดีซ่อนตัวอยู่เสมอ