วันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์

“วันวาเลนไทน์” ได้หมุนเวียนกลับมาอีกรอบหนึ่ง ปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 14 ก.พ.2560

ชายหนุ่มทั่วโลกผู้มีโอกาสฉลองวันแห่งความรักนี้ จะสรรหาดอกกุหลาบ/ดอกคาร์เนชั่นสีชมพูไปมอบให้หญิงสาวที่ตนชื่นชอบ โดยอาจมีกล่องช็อกโกแลตติดมือไปด้วย ส่วนชายไม่โสดก็อาจร่วมฉลองวันแห่งความรักกับภรรยาได้ หากต้องการรำลึกถึงความหวานชื่นด้วยกันของวันนั้นในอดีต กรณีใดก็ตาม ชายหญิงอาจนัดหมายกันไปฉลองความรักกันที่ร้านอาหารสักแห่งตามธรรมเนียมวาเลนไทน์ เพื่อสร้างสรรค์ภาวะที่ดึงดูดให้เข้าหากันอย่างใกล้ชิดแนบแน่นยิ่งขึ้น

ในค่ำคืนวันแห่งความรักนี้ นอกจากร้านอาหารทั่วโลกจะขายดีขึ้นแล้ว โรงแรมต่างๆก็มักขายดีขึ้นด้วย เพราะชายหญิงยุคดิจิทัลนิยมความรวดเร็วทันใจ กดปุ๊บติดปั๊บ ไม่มีความอดทนที่จะแหงนคอรอคอยยิ้มแป้นจนเหงือกแห้ง เมื่ออาหารเครื่องดื่มลงตัว บางคู่จะจูงมือกันไปลงตัวชื่นชมกันต่อที่ห้องเช่าหรือห้องนอนที่บ้าน สูติแพทย์ยืนยันมาแล้วทุกปีว่า ผลพวงของวันวาเลนไทน์ทำให้มี “งานเข้า” ห้องสูติตามโรงพยาบาลต่างๆอย่างหนาแหน่นเป็นพิเศษในราวเดือนพ.ย. คือ 9 เดือนต่อมา สูติแพทย์คลินิกหลายท่านถึงกับบ่นว่า งานเข้า หนักขนาดต้องอดหลับอดนอนติดต่อกันหลายวัน ทำหน้าที่ ดูแลการคลอด” ของหญิงผู้ฝากครรภ์ไว้ ด้วยความเหนื่อยล้าสุดขีด จนแทบจะหน้ามืดล้มทั้งยืน

หลังวันวาเลนไทน์ ชายหญิงก็จะรู้ตัวว่า ทั้งสองน่าจะลงตัวหรือไม่ลงตัวกันเป็นสามีภรรยากันหรือแยกจากกันไป เนื่องจากฝ่ายหนึ่งอาจมีอะไรบางอย่างที่ไม่ลงตัวกับใคร โผล่ขึ้นมาภายหลังจากที่ดอกไม้ ช็อกโกแลต อาหาร เครื่องดื่ม และดวงจันทร์แสนโรแมนติกที่ทอแสงนวลไยสว่างไสวดื่มด่ำจับใจทั่วท้องฟ้าในราตรีกาลนั้น ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ชายหญิงสามารถป้องกันมิให้วันวาเลนไทน์กลายเป็น วันรักสนุกทุกข์ถนัด ได้ โดยใช้สติสัมปชัญญะตนคอยสังเกตดูเขา/เธอในขณะนั่งพูดคุยกันว่า มีอุปนิสัยใจคอแบบใด? มี สัญญาณเตือนภัยอะไรที่แพลมออกมาให้เห็นกับตาได้ยินกับหูบ้างไหม? โดยเฝ้าดูอย่างตั้งใจ (งดดื่มสุรา) ในคำพูดคำจา กิริยามารยาท ตลอดจนทัศนะคติของผู้ที่ตนมีแผนการจะหรือกำลังฉลองวันวาเลนไทน์อยู่ด้วย หากพบ “สัญญาณเตือนภัย” ดังต่อไปนี้ ก็รีบหา ทางหนีทีไล่” ที่นุ่มนวลแยบยล เพื่อทั้งสองจะได้เป็นเพื่อนคบหาสมาคมกันได้อีกต่อไป

เขา/เธอเป็นคนติดสุรา/บุหรี่/ยาเสพติด ชอบซุบซิบนินทาผู้อื่นในทางเลวร้ายท่าเดียว มองโลกในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก โลกนี้เป็นโลกมืดมนมากว่าสดใส แสดงอาการไม่ชอบเพื่อนที่ตนได้คบหากันมานาน ตำหนิติเตียนทรงผมการแต่งตัวรสนิยมของตน หัวเราะเยาะเย้ยใบหน้าเรือนร่างความใฝ่ฝันของตน พูดจาแบบเจ้ากี้เจ้าการ ยกตนข่มท่าน คอยบงการให้ตนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ย้ายไปอยู่กับเขา/เธอ ชักชวนแข็งขันให้ไปหลับนอนด้วยกันในคืนนั้นอย่างคนบ้ากามตัณหา หรือไม่?

ลองให้เขา/เธอเล่าถึงความรู้สึกที่ได้ไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด/ต่างแดน ชมภาพยนตร์ที่โปรดปรานมาแล้ว ฟังให้ดีว่า เขา/เธอชอบใจตื่นเต้นกับเรื่องอะไรที่สุด? มีอะไรเป็นที่ถูกอกถูกใจที่สุด? ถามหลายๆครั้งให้ได้ความจริงว่า เพราะอะไรจึงถูกใจ?

สมมติว่า เขา/เธอเล่าเรื่องไปเจอชาวยิปซีตั้งโต๊ะเล็กบนทางเท้า ท้าทายผู้คนให้วางเงินพนันเสี่ยงทายว่า ถ้วยกระดาษใบไหนจาก 5 ใบ มีลูกเต๋าซ่อนอยู่ หลังจากที่ใช้สองมือเคลื่อนย้ายถ้วยทั้งหมดสับไปสับมาอย่างว่องไว จนดูไม่ทันว่าใบที่มีลูกเต๋าซ่อนอยู่ ถูกย้ายไปไหนแล้ว...ลงท้าย ก็ยกนิ้วยกย่องยิปซีมือไวคนนี้อย่างแข็งขันว่า ช่างหลอกลวงคนได้เก่งชมัด แสดงว่ามีวิญญาณจิตที่นิยมควบคุมบงการหลอกลวงผู้อื่นออกมายกย่องชื่นชมยิปซีคนนี้ ทว่า หากเขา/เธอกลับมีความรู้สึกว่า ยิปซีคนนี้ไม่น่าจะใช้พรสวรรค์มือไวไปในการทำมาหากินกับความผิดพลาดของผู้อื่นเลย ก็แสดงว่า วิญญาณจิตที่นิยมควบคุมบงการหลอกลวงผู้อื่นไม่โชว์ตัวออกมายกย่องยิปซีคนนี้ อาจเป็นเพราะมีวิญญาณจิตที่นิยมความเป็นธรรมขวางกั้นมิให้แสดงตัว ก็ได้อีกทางเลือกหนึ่ง ลองให้เขา/เธอเล่าถึงความประทับใจว่า ผู้คนในจังหวัดสุโขทัย/เชียงราย/สงขลาที่ไปเที่ยวมา มีอุปนิสัยใจคอแบบใด? แบบที่เล่าออกมาเป็นแนวลบมากกว่าแนวบวก ใช่ไหม? นั่นคืออุปนิสัยใจคอของผู้เล่ามากกว่าของคนสุโขทัย

เขา/เธอไม่มีท่าทีที่จะพาตนไปรู้จักกับบิดามารดาหรือเพื่อนฝูง ต้องการคบหากับตนแบบลับๆล่อๆไปเรื่อยๆ แอบมีเหยื่ออย่างตนอีกหลายคน กล้าล่วงละเมิดตนด้วยการแอบใส่ยามอมเมาปลุกเซ็กส์ลงในอาหารเครื่องดื่ม เมื่อแสดงความไม่พอใจขึ้นมาภายหลัง ก็กล่าวขอโทษด้วยวาทะศิลป์/ดอกไม้/ขนมหวาน แล้วละเมิดตนในรูปแบบอื่นและขอโทษอีก ใช่ไหม?

เขา/เธอมักปล่อยให้ตนรับผิดชอบคนเดียว เอารัดเอาเปรียบตน ก่อนจะทำอะไรให้ก็ต้องคำนวณดูก่อนว่า จะเสียเงินเท่าใด หากไม่ได้ผลคุ้มค่าเงืนก็จะไม่ทำให้ ชอบโอ้อวดความมั่งมี ชื่นชอบคำยกย่องจากผู้อื่นเสมอ หลงรักตัวเอง อิจฉาริษยาตาร้อนเป็นประจำ ต้องการให้ตนเป็นทาสสนองกิเลสตัณหาของอัตตาอันยิ่งใหญ่ของเขา/เธอมากกว่าการตอบสนองต่อกันและกันด้วยความรักบริสุทธิ์ คือ เป็นคนรักตัวเองมากกว่ารักผู้อื่น ใช่ไหม?

บิดามารดาตนมีความคิดเห็นต่อเขา/เธอต่างจากตน ทั้งๆที่ตนก็คิดว่าได้เลือกเขา/เธอมาถูกต้องแล้ว ใช่ไหม? อย่าลืมว่าผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูตนมา แม้อาจอ่านคนผิดพลาดได้บ้าง แต่ก็ยังเป็นผู้ที่รักตนมากกว่าเขา/เธอ และต้องการให้ตนได้ประสบความผาสุกมากกว่าตกนรกทั้งเป็นกับใครคนนั้น อย่าลืมว่าท่านอาบน้ำร้อนมาก่อน ฉะนั้น ตนต้องให้เกียรติรับฟังท่านอย่างจริงจังเสมอ

หากพบคำตอบออกมาว่า ใช่ จริง ถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ใน 5 ข้อข้างต้นแล้วไซร้ หัวใจหรือญาณตน จะรู้สึกอย่างไรจริงๆแล้ว ไม่มีใครดีเลิศประเสริฐสุดสมบูรณ์แบบไปทุกประการ รวมทั้งตัวเองด้วย ฉะนั้น พึงไตร่ตรองดูให้ดีว่า หากจะร่วมหอลงโรงด้วยกับเขา/เธอ ทั้งคู่มีค่านิยมเดียวกันหรือไม่? จะไปด้วยกันได้ไกลแค่ไหน? หากเลือกที่จะอยู่ตามลำพังต่อไปก่อน จะดีกว่าไหม? อย่างน้อยก็จะได้มีเวลาพัฒนาความรู้ ทักษะ ทัศนะคติของตนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งของตนและผู้ให้กำเนิดต่อไป ดังพุทธพจน์ที่ว่า "อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน”

“สิ่งดีและสวยงามที่สุดในโลกคือสิ่งที่เรามิอาจรับรู้ได้ด้วยตาหรือแม้กระทั่งการสัมผัส แต่เป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้ด้วยหัวใจอย่างเดียว”-เฮเลน เคลเลอร์ หญิงผู้พิชิตชะตาชีวิตตนด้วยการเรียนสำเร็จปริญญาตรี เป็นนักเขียน นักบรรยาย และนักปฏิบัติการทางการเมืองหัวรุนแรง ในขณะเจริญเติบโตมากับอวัยวะตาและหูที่พิการมาแต่กำเนิด

ที่ใดมีความรักจริงแท้ ที่นั่นย่อมมีชีวิตจิตใจที่เจริญเติบโตได้-มหาตมะคันธี รัฐบุรุษแห่งอินเดีย

ขอให้ฉลองวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก--มิใช่วันแห่งความเกลียดชัง--ของตนต่อไปอีกนานแสนนาน

สุขสันต์วันวาเลนไทนครับ!