ครอบครัวเป็นสุข งานสนุก เกื้อกูลสังคม

ครอบครัวเป็นสุข งานสนุก  เกื้อกูลสังคม

ฉลองเดือนแห่งความรักฉบับนี้ ผู้เขียนขอเล่าถึงความสุขของครอบครัวไทย-ญี่ปุ่นเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง

ครอบครัวที่ผู้เขียนหยิบยกมาเล่าถึงคือ “ครอบครัวคิตามูระ” อันประกอบด้วย “คุณปนัดดา”, “คุณฮิเดะโอะ” และ ลูกๆ วัยซน 4 คน (คาเอะ, อากิ, ไทจิ และคัซสึ) ขณะที่สถานที่ทำงานของทั้งสองคน คือ “สถาบันคิตามูระเฮ้าส์”   ที่ทั้งสองร่วมกันก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดการเรียนรู้ เพิ่มพูนทักษะ ให้เยาวชนในวัยต่างๆ อาทิ ด้านวิชาการ ห้องเรียนทดลองวิทย์ คอมพิวเตอร์ การเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ ภาษาไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น ศิลปะ ดนตรี  การเต้นบัลเล่ต์ เต้นแจ๊ส  การต่อสู้ มวยไทย เทควันโด้ ยิมนาสติก รวมถึงการทำอาหารเมนูต่างๆ

โดยล่าสุดฮิเดะโอะ  วิศวกรหนุ่ม  หรือ “ปะป๊า” ของเด็กๆ ในสถาบัน  ได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ รายได้สูง เมื่อปลายปีก่อน เพื่อมาทำหน้าที่เป็นคุณครูของลูกๆ และของเด็กๆ ในสถาบัน  พร้อมกับนำหลักสูตรโยโกมิเนะ ของประเทศญี่ปุ่น ที่เขาได้ไปศึกษาและพบว่า มีประโยชน์ต่อการพัฒนา เติมพลังศักยภาพให้กับเด็กๆ ด้านการเรียนรู้ ด้านร่างกาย และด้านจิตใจ ได้เป็นอย่างดี 

ซึ่งคุณฮิเดโอะ บอกว่า พ่อแม่ไม่น้อยเจอกับปัญหาคล้ายๆ กัน เช่น เด็กโตแล้ว แต่ทำทักษะจำเป็นบางอย่างไม่ได้ เอาตนเองเป็นใหญ่  ไม่สนใจทำงาน ทำการบ้าน ชอบเล่นแต่เกม พึ่งพาตนเองไม่ได้ เขาจึงกลับไปดูที่ญี่ปุ่น ก็พบหลักสูตรโยโกมิเนะ ที่พัฒนามาจากเทคนิคการบ่มเพาะเด็กๆ ของครอบครัวซามูไร ซึ่งเชื่อว่าหากเด็กๆ ตั้งแต่ 3 ขวบ ขึ้นไปได้รับการบ่มเพาะคุณลักษณะที่ดีและทักษะสำคัญ ทักษะเหล่านี้จะอยู่กับตัวเขาไปตลอดถึง 100 ปี

“เราเชื่อว่า เด็กทุกคนเป็นอัจฉริยะ และไม่มีคนไหนทำไม่ได้  แม้ระดับปัญหาของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน แต่เราก็เชื่อว่า ทุกคนทำได้ ซึ่งเราจะทำหน้าที่จุดพลัง เปิดสวิทซ์ทั้ง 4  ปุ่ม ให้พวกเขาได้ทำด้วยตนเอง”

สวิทซ์  4 ปุ่ม ซึ่งเปรียบเหมือนกุญแจไขสู่พลังศักยภาพของเด็กๆ นั้น ประกอบด้วย  Competitive  หรือการสร้างให้เด็กอยากแข่งขัน Imitate การเลียนแบบ  Challenge  การทำให้เด็กมีความท้าทาย และ Acceptance การได้รับการยอมรับในสิ่งที่เขาทำ  ซึ่งเมื่อนำอักษรย่อของสวิทซ์ทั้ง 4 มารวมกัน ก็อ่านได้ว่า “CICA” หรือ  ไคค่า ซึ่งหมายถึงดอกไม้แรกแย้ม

วันที่ผู้เขียนได้ไปเยี่ยมสถาบันของทั้งสองคน และได้เห็นบรรยากาศที่ทั้งคุณปนัดดา และคุณฮิเดโอะ พุดคุยกับผู้ปกครอง สอนเด็กๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเมตตา และน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความมุ่งมั่น  และบรรยากาศจับปูใส่กระด้งของเด็กๆ รวมทั้งลูกๆ ของทั้งสองคนที่มาร่วมเรียนรู้ด้วยแล้ว ก็รู้สึกประทับใจมากๆ จึงได้ถามถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ  และได้รับคำตอบจากคุณปนัดดา ที่ทำให้ผู้เขียนยิ้มกว้างและอดไม่ได้ที่จะขอเขียนถึงครอบครัวคิตามูระ ในฉบับนี้

“คุณฮิเดโอะ มีหลักในการบ่มเพาะลูกที่ดีมาก พวกเขาช่วยตัวเองได้ดี ใฝ่เรียนรู้ ทำอะไรยากๆ ได้ด้วยตนเอง และ เราสองคนมีสิ่งที่เหมือนกัน คือ  รักในหลวง รักประเทศไทย  อยากตอบแทนประเทศไทย  ตอบแทนสังคม เราจึงตัดสินใจ เปิดบ้านของเราให้เด็กๆ  ได้เข้ามาเรียนรู้  ดิฉันเห็นคุณฮิเดโอะแล้วก็ทึ่งในความตั้งใจของเขา จะว่าไปแล้วในชีวิตของคนเราไม่ต้องมีอะไรมากก็ได้ ขอแค่มีครอบครัวที่เป็นสุข ได้ทำงานที่สนุก และได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคม เท่านี้เราก็มีความสุขแล้ว”                 สำหรับท่านที่สนใจอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับ ครอบครัวคิตามูระ หรือนำบุตรหลานไปสัมผัสกับหลักสูตรที่เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจดีของพวกเขา ก็ลองติดต่อไปได้ที่ 087-848-7887 หรือดูข้อมูลได้ที่ www.kitamurahouse.com

เชื่อว่านอกจากผลลัพธ์จากการเรียนรู้ที่จะได้รับ ยังจะสัมผัสได้ถึง “ความสุข” จากครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้ เหมือนที่ผู้เขียนสัมผัสถึงมาแล้ว