เดิมพันคนไทย สร้างปรองดอง

เดิมพันคนไทย สร้างปรองดอง

คงถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่เรื่องปรองดอง จะต้องเป็นเดิมพันของคนไทย ที่จะหลุดพ้นจากวังวน “น้ำเน่า” นี้ไปให้ได้

ถ้าเป็นเดิมพันของคนไทย ต้องพูดเรื่องที่ใหญ่กว่า ความขัดแย้งทางการเมือง และระวังจะติดกับดักการเมือง อย่างที่วัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ “ครูหยุย” สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวเอาไว้

“ครูหยุย” เห็นว่า เมื่อพูดเรื่องปรองดองโฟกัสของเรื่องจะพุ่งไปที่การแบ่งขั้วสี ระหว่างเหลืองกับแดงระหว่างพรรคการเมือง ซึ่งก็ไม่ผิด

แต่คิดว่า ปัญหานี้หยั่งรากลึกลงจนถึงระดับรากหญ้า ที่ต้องใช้เวลาอีกยาวนานในการแก้ไข ซึ่งก็ผูกพันไปถึงเรื่องการต้องโทษจำคุก ที่บางฝ่ายระบุว่ามาจากการกลั่นแกล้ง และใช้กฎหมายสองมาตรฐาน กรณีนี้ควรจำแนกคดีออกให้ชัดเจนเพื่อการเยียวยาบรรเทา

หากเป็นคดีเข้าร่วมการชุมนุมและถูกจับกุม น่าจะผ่อนคลายปลดปล่อยได้ แต่ถ้าเป็นคดีรุนแรงถึงขั้นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือคดีเผาสถานที่ราชการหรือคดีทำร้ายร่างกายรุนแรง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางศาล

“ความปรองดองอีกมิติที่สังคมพูดถึงกันน้อยมากคือ การที่ราษฎรถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าที่รัฐที่มีอำนาจตั้งแต่ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาการใช้อำนาจเข้าข่มเหงปัญหาการใช้อำนาจเอื้อนายทุนเข้าจัดสรรทรัพยากรชาติ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นปัญหาที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจ กลไกความปรองดองที่ตั้งขึ้นต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ จึงหวังว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมากมาย จะไม่เดินไปสู่กับดักทางการเมือง ที่พูดวกวนแต่เรื่องประโยชน์ที่พรรคการเมืองต่างๆ จะได้รับ โดยลืมเรื่องราวของราษฎรที่ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ”

ประเด็นก็คือ ทำอย่างไร การสร้างความปรองดองจะมองในทุกมิติที่เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย

มองมุมนี้ที่ต้องไปให้สุด หาใช่การ “อภัยโทษ” หรือ “นิรโทษกรรม” ใคร หากแต่อยู่ที่กลไกอำนาจรัฐต้องปฏิบัติกับราษฎรอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เท่าเทียมกับนายทุน หรือคนกลุ่มอื่นได้หรือไม่ต่างหาก

หาไม่ ก็ปรองดองแต่เฉพาะโครงสร้างส่วนบนเท่านั้น