จับ'ธัมมชโย' ติดปัญหาเดิม

จับ'ธัมมชโย' ติดปัญหาเดิม

ตอนแรกก็ฟังดูน่าตื่นเต้น เมื่อ “บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม

 และพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขานรับพร้อมจับกุมพระธัมมชโย ทันที ที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง

แต่พออัยการสูงสุดเห็นควรสั่งฟ้องก่อนกำหนดนัดหมาย (30พ.ย.) ด้วยซ้ำ ฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหา 5 คน รวมถึงศุภชัย ศรีศุภอักษ รอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ด้วย

ปัญหาเดิม หนังม้วนเก่า ก็กลับมาหลอกหลอนอีก

โดย พล.อ.ไพบูลย์ ยอมรับว่า เป็นห่วงเรื่องกระแสมวลชน เพราะเห็นตั้งแต่การเข้าค้นในครั้งแรก ซึ่งต้องกังวลเป็นธรรมดาเพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ครั้งก่อนนายกรัฐมนตรีก็เคยสั่งการว่าอย่าให้เลยเถิดไปปัญหาอื่นๆ ซึ่งคำสั่งการดังกล่าวยังสามารถนำมาใช้ได้ต่อ และเป็นสิ่งที่ตนได้ย้ำว่าต้องไปคุยกับฝ่ายของวัด ผู้ปกครองฝ่ายสงฆ์ให้ดี

ขณะที่ขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หากพระธัมมชโยยังไม่มอบตัวสู้คดี อายุความ 15 ปีก็จะคาอยู่อย่างนี้ ซึ่งในทางปฏิบัติ เจ้าพนักงานต้องเอาตัวผู้ต้องหา ที่มีหมายจับกุมมาส่งฟ้องศาลให้ได้

“สิ่งที่เจ้าหน้าที่หวั่นที่สุดคือ เกรงว่าจะเกิดความรุนแรง เพราะตามแผนไม่ต้องการให้เกิดการกระทบกระทั่งและใช้ความรุนแรง เพราะถ้าเข้าไปจับกุมตัวแล้วอาจเกิดเหตุวุ่นวาย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องคุมพื้นที่ให้ดี ซึ่งการเข้าไปนำตัวพระธัมมชโยออกมาจากวัดพระธรรมกายครั้งนี้ คิดว่าทุกฝ่ายคงร่วมกันวางแผนให้ดีที่สุดก่อนจะเข้าดำเนินการอยู่แล้ว”

เท่านั้นไม่พอ พ.ต.อ.ไพสิฐ อธิบดี ดีเอสไอ ยอมรับว่า ปัญหาสำคัญขณะนี้คือ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถขอหมายค้นได้ เนื่องจากยังไม่รู้ที่อยู่ที่แน่ชัดของพระธัมมชโย ว่าพักอยู่ตรงจุดไหนของวัดพระธรรมกายกันแน่ แม้ว่าคณะศิษยานุศิษย์อ้างว่ายังอยู่ภายในวัด และยังมีอาการป่วยหนัก รวมทั้งการข่าวของฝ่ายตำรวจ ก็เชื่อว่ายังอยู่ในวัด

สุดท้ายการหาทางเข้าจับกุมพระธัมมชโย ถ้าไม่โชคดีว่า พระธัมมชโย กลับใจยอมมอบตัวเสียก่อน ก็ยังคงมืดแปดด้าน

ประการต่อมา เรื่องปัญหามวลชน เป็นเรื่องที่ฝ่ายผู้เสียหายพร้อมขยายผล ให้เป็นประเด็นอ่อนไหวในสายตาสังคมไทยและสังคมโลกได้ไม่ยาก และบานปลายกลายเป็นเรื่องความมั่นคงได้ง่ายเช่นเดียวกัน

นี่คือ ปัญหาใหญ่ ปัญหาเดิม ในการบุกเข้าจับกุมพระธัมมชโย ที่ทางออกคงหนีไม่พ้น ข้ออ้างยังมีเวลา เพราะมีอายุความถึง 15 ปีนั่นเอง

ต้องคอยดูว่าจริงหรือไม่