มหัศจรรย์เลสเตอร์: ความบังเอิญหมายเลข 6 (2)
สำหรับเลสเตอร์แล้ว แมทช์ที่มีความหมายมากที่สุดในฤดูกาลก็คือการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่นเมื่อวันที่ 6
กุมภาพันธ์ จากการทำประตูของนักเตะหมายเลข 6 (โรเบิร์ต ฮุท) และหมายเลข 26 (ริญัด มาห์เรซ) เพราะนอกจากจะมีคะแนนนำทิ้งห่าง 6 แต้ม ยังส่งผลทำให้เลสเตอร์เป็นเต็งหนึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา กลายเป็นหนังคนละม้วนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาลก่อน เพราะคะแนนแตกต่างกันมากถึง 36 แต้ม
เลสเตอร์อาจจะโชคไม่ดีที่ต้องเจอทีมยักษ์ถึงสองนัดติดต่อกัน แต่ถือเป็นบททดสอบอย่างโหดหากเลสเตอร์คิดจะเป็นแชมป์จริงๆ ในแมทช์ที่ 26 เลสเตอร์โชคร้ายที่ต้องเสียประตูในนาทีที่ 96 จนพ่ายแพ้ต่ออาร์เซนอล แต่หลังจากนั้น เลสเตอร์กลับเล่นด้วยฟอร์มของว่าที่แชมป์อย่างชัดเจน รักษาคลีนชีทไม่เสียประตูถึง 6 นัด และรักษาฟอร์มเก่งบวกโชคช่วยตลอดรอดฝั่งโดยไม่พ่ายแพ้ให้ทีมใดเลย
ในทางคณิตศาสตร์แล้ว ถือว่าเลสเตอร์ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่แมทช์ที่ 36 หลังจากท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ทีมเต็ง 6 เมื่อต้นฤดูกาลและเป็นทีมเดียวที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ ถือเป็นของขวัญพิเศษอันล่ำค่าสำหรับคุณแม่วัย 96 ปีของเคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่เฝ้ารอแชมป์แรกของลูกชายมาทั้งชีวิต
ในแมทช์สุดท้ายที่พบกับเชลซี จึงเป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยมากกว่า และการเสียประตูให้เชลซีในนาทีที่ 66 จึงเป็นประตูสุดท้ายที่ไม่มีผลเสียหายใดๆ ปิดฉากฤดูกาลอย่างชื่นบานที่สุด
หากพูดถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเลสเตอร์ ว่ากันว่า นอกเหนือจากคาถาผ้ายันต์อันลือลั่นแล้ว คนอังกฤษจำนวนไม่น้อยเชื่อ (มากกว่า) ในอิทธิพลความขลังของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ยอร์คที่เสด็จขึ้นเมื่อวันที่ 26 เดือน 6 ย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 6 ศตวรรษที่แล้ว
เรื่องราวปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่อมีการขุดค้นพบโครงพระอัฐิของพระองค์ในปลายปี 2012 ซึ่งเลสเตอร์จบฤดูกาลนั้นในอันดับที่ 6 ต่อมา ภายหลังจากทำพิธีฝังโครงพระอัฐิอย่างสมพระเกียรติ ณ พระวิหารเลสเตอร์เมื่อวันที่ 26 มีนาคมปีที่แล้ว ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในทีมเลสเตอร์จนถึงขั้นมหัศจรรย์ก็ว่าได้ เรียกว่าผลของ “Power of King Richard III” ทำให้เลสเตอร์กลายเป็นทีมที่เก็บเกี่ยวชัยชนะด้วยสถิติสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และไม่เคยร่วงหล่นต่ำกว่าอันดับ 6 เลย พลิกจากภาวะที่ใกล้ลงหลุม (เมื่อฤดูกาลก่อน) เป็นทีมที่ได้สวมมงกุฎอย่างสง่างามในปี 2016
16 พฤษภาคม 2016 จึงเป็นวันสำคัญที่สุดที่ชาวเมืองเลสเตอร์ร่วมกันฉลองตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรก นับตั้งแต่กอร์ดอน แบงค์ ฮีโร่ของเลสเตอร์สร้างตำนานร่วมทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1966
ในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ มีนักเตะเลือดอังกฤษร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ให้ภูมิใจถึง 6 คน ที่โดดเด่นที่สุดก็คือเจมี วาร์ดี้ ดาวซัลโวสูงสุดของทีมที่ดูเหมือนดวงจะสมพงศ์กับทีมเลสเตอร์ซึ่งเป็นทีมที่ 6ในชีวิตการค้าแข้งที่พัฒนาก้าวมาจากนักเตะโนเนมอยู่นอกลีกดิวิชั่นต่ำสุดจนก้าวขึ้นติดทีมชาติเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มีนาคมปีนี้
นอกจากนี้ ริญัด มาห์เรซและเอ็นโกโล่ ก็องเต้ คือสองผู้เล่นต่างชาติที่มีบทบาทสำคัญยิ่งยวดทั้งๆ ที่มีค่าตัวรวมกันเพียง 6 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่บังเอิญระเบิดฟอร์มได้เฉิดฉายที่สุดเมื่อย่างก้าวสู่วัย 26 ปีด้วยกันทั้งคู่
ณ วันนี้ เลสเตอร์ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ยากจะมีใครเจริญรอยตามได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 6 ฤดูกาลก้าวกระโดดจากตำแหน่งแชมป์ลีกวัน (ดิวิชั่น 3 เดิม) มาเป็นแชมป์ลีกสูงสุดอย่างเหลือเชื่อ ความท้าทายครั้งใหญ่ (หากไม่ฟอร์ตก 6 คะมำเสียก่อน) ของครอบครัวศรีวัฒนประภาทั้ง 6 ที่มีเจ้าสัว WICHAI เป็นหัวเรือใหญ่ก็คือ จะสร้างมหัศจรรย์ให้กับเลสเตอร์ได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ เป็นโจทย์ใหญ่ที่ไม่สามารถอาศัยสัมผัสที่ 6 คาดการณ์ได้
แน่นอนว่าในฤดูกาลใหม่นี้ หากเลสเตอร์ประสบความสำเร็จอีกขั้น ย่อมถือเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับเจ้าสัวคนเกิดเดือน 6 คนนี้ในวันที่กำลังย่างเข้าสู่วัยแซยิดครบ 60 ปี และสำหรับเคลาดิโอ รานิเอรี เพื่อฉลองเบิร์ธเดย์ครบ 66 ปีให้กับตัวเองอย่างมีความสุขที่สุด
-------------------
ปรีชาญาณ วงศ์อรุณ
--------------------