เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน

เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน

ดร.อิริค ฟรอม์ม นักจิตวิเคราะห์โด่งดังมีความเข้าใจในมนุษย์อย่างยากที่จะหาผู้เทียบเท่าในยุคนี้ และบวชเรียนใน

พระพุทธศาสนามาแล้ว ทำนายไว้ 58 ปีก่อนว่า วิถีชีวิตมนุษย์ส่วนใหญ่กำลังนำพามนุษย์สู่ความรุนแรงและเสี่ยงต่อสงครามนิวเคลียร์ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนมั่งมีกับคนยากจนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และน่าวิตกยิ่ง คือมหันตภัยมืดที่กำลังบ่อนทำลายมนุษยชาติอยู่ เพราะมนุษย์มี วิถีชีวิต อยู่สองแนว ดังนี้

1.แนว จิตครอบครอง (จค.) วิถีจค.มุ่ง ครอบครอง โดยใช้สิทธิ์ชอบ/มิชอบ ในการครอบครอง/กำจัดวัตถุสิ่งของ เงินทอง อำนาจ คู่สมรส บุตร ผู้ป่วย อวิญญูชน เอกสิทธิ์ ภาพลักษณ์ ความเก่งกล้า สุขภาพ ความงาม ศาสนา ปรัชญา อุดมการณ์การเมือง ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้ง ทำสงคราม เพื่อประโยชน์ส่วนตัว

การแต่งงานของจค.หมายถึงการ ครอบครอง ชีวิตคู่สมรส เพื่อเป็นเจ้าของ ความรักจากคู่สมรส การหย่าขาดคือการใช้สิทธิ์กำจัดความรักนั้น แต่งงานแล้วหย่าจึงทำได้เหมือนเปลี่ยนชุดแต่งกาย มนุษย์คือสิ่งที่จค.มุ่งใช้สิทธิ์โดยชอบ/มิชอบเข้าครองเป็นทาสสมัยใหม่

จค.ถือว่า รูปพรรณสัณฐานตนมิใช่ตัวเอง แต่ปัจจัยที่ตนมีอยู่ อาจมีได้ มีอำนาจบงการได้ตามใจชอบ หรือทำให้เป็นของตนได้อย่างถาวรคือตัวเอง ชีวิตที่ครอบครองและอยู่เหนือผู้อื่นวัตถุเงินทองอำนาจ คือชีวิต อยู่ดีมีสุข จริงๆ แล้ว อภิมหาเศรษฐีหลายรายสารภาพไว้ว่า ชีวิตตนหาอยู่ดีมีสุขไม่ จค.เชื่อว่า ตนมิใช่มนุษย์ที่มาจากธรรมชาติดั้งเดิม แต่ประกอบด้วยปัจจัยจากภายนอกที่ตนถือครองอยู่ ซึ่งตนถือว่าเป็น หน้าตา ของตน หายไปเมื่อใด ตนก็สิ้นสภาพเมื่อนั้น ตายทั้งเป็นทันที

2.แนว จิตเป็นอยู่ (จป.) วิถีจป.มุ่ง เป็นอยู่ กับความอยู่ดีมีสุข โดยคิดพูดทำด้วยความรัก การเสียสละ การแบ่งปัน เสรีภาพ เอกเทศ สติสัมปชัญญะ และอยู่กับปัจจุบันกาล เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับโลก

จป.ไม่แบ่ง เวลา ออกเป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างจค. มีแต่ปัจจุบันกาล ฝึกฝนรับรู้อยู่กับลมหายใจเข้า-ออก ไม่ซึมเศร้าอยู่กับอดีตหรือวิตกกังวลกับอนาคต เคลื่อนไหวคึกคักตลอดเวลา คำนึงในแต่ละวันว่า มีอะไรบ้างที่ยังต้องทำให้เรียบร้อยหากมี ก็ลงมือทำทันที

ความรัก ของจป.ประกอบด้วย ความรับผิดชอบ ความเอาใจใส่ ความรู้ และความนับถือผู้อื่น มิใช่ความใคร่ทางรูปธรรม

จป.ชุบชีวิตตนให้ใหม่อยู่เสมอ เจริญเติบโตตามธรรมชาติ เข้าหาโลก แบ่งปันความรักให้โลก ปลดปล่อยตนจากโซ่ตรวนของอัตตา ประสบการณ์ของจป.บรรยายเป็นถ้อยคำไม่ได้ แต่ประจักษ์ได้จากการลงมือทำอย่างเดียว

จป.เป็นผู้กำกับชีวิตตน ปัจจัยภายนอกไม่มีบทบาทใดๆ ต่อตน จึงมี เอกภาพ ระหว่างตน กิจกรรมตน และผลจากกิจกรรมตน ไม่อุดมด้วย ข้อขัดแย้ง ระหว่างตน การครอบครอง และผลจากการครอบครองอย่างจค.

เมื่อสองคนที่มีจค.เข้มข้นพูดคุยกัน ต่างจะสอบวัดปัจจัยที่ต่างครองอยู่ อ้างอิงหลักปรัชญาวิทยาศาสตร์ในการโต้แย้งกันอย่างเผ็ดร้อน ต่างไม่ยอมพ่ายแพ้สูญเสียความเห็นตน ซึ่งถือเป็นทรัพย์สมบัติและหน้าตาตน มิฉะนั้น ตนจะยากจนลง เสื่อมเสียหน้าตาได้

เมื่อสองคนที่มีจป.พูดคุยกัน ต่างจะแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างมีชีวิตชีวา กล้าปล่อยวางความเห็นตน โต้ตอบอย่างสร้างสรรค์ ไม่ยึดติด ไม่มีอัตตารบกวน ไม่โต้เถียง ไม่เป็นเจ้าของใคร ต่างมองเห็นความถูกต้องเป็นจริงจากการพูดคุยกันด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน

จค.ถือว่า ตนสามารถซื้อหายึดครอง ความรัก มาได้อย่างเช่น เสื้อผ้ารองเท้า ด้วย การแต่งงาน ซึ่งอำพราง ความใคร่ ที่ซ่อนเร้นอยู่ จริงๆ แล้ว จค.แต่งงานเพื่อให้ตนมี ความมั่นคงปลอดภัย จากการมีคู่สมรสเท่านั้น หากคู่สมรสล้มป่วยเป็นภาระขึ้นมา ความห่างเหินทอดทิ้งหย่าขาดจะตามมาโดยปริยาย

ส่วนจป.ถือว่า ความรัก คือ กิจกรรม ที่สะท้อนให้เห็นถึง ความเอาใจใส่ การทำความรู้จัก การตอบสนอง ความทรงตัว ความเพลิดเพลินอยู่กับผู้อื่น ต้นไม้ ภาพวาด หรือข้อคิดเห็น รักต้นไม้ก็ต้องรดน้ำพรวนดินสม่ำเสมอ คนปลูกและต้นไม้ก็จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน

ภาวะผลิตผลชาติสูงคือบ่อเพาะเลี้ยงจค.ที่นิยมเดินตามก้นกัน แต่ยอมทนแยกเขี้ยวเข่นฆ่าแย่งชิงปัจจัยต่างๆ กัน ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมเศรษฐกิจ อาชญากรรมและก่อการร้ายระดับชาติและโลก ทางออกคือปรับเปลี่ยนสังคมเศรษฐกิจการเมืองใหม่หมด โดยแต่งตั้งจป.ขึ้นเป็นสภาที่ปรึกษาแห่งชาติ เพื่อให้ไทยเป็นศาลาพักร้อนของโลก และความเจริญสุขแก่ลูกหลานไทย

-----------------------

ธนรัตน์ ยงวานิชจิต

[email protected]