เรียนรู้จากผู้นำ : กระเป๋าไดโนเสาร์

เรียนรู้จากผู้นำ : กระเป๋าไดโนเสาร์

เมื่อช่วงที่ผ่านมา มีข่าวหนึ่ง ซึ่งดูเล็กๆ แต่ “ใหญ่” ในสายตาหลายคนในโลก

นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และนางลี โฮ ชิง ภริยา เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาในฐานะแขกของรัฐบาล

ในพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และภริยา ออกมายืนต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม จับมือทักทายผู้มาเยือน รายล้อมด้วยผู้ทรงเกียรติคับคั่ง..ดั่งงานระดับผู้นำโลกมาเยือนทุกครั้ง

ทุกอย่างดูเป็นปกติดี 

จนกระทั่ง...มีผู้เห็นสิ่งแปลกประหลาดในมือภริยานายกรัฐมนตรีสิงคโปร์..

ก่อนอื่นใด มาทำความรู้จักกับนางลี กันสักเล็กน้อย

นอกจากเป็นภริยานายกฯ แกก็มีความยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดาในตนเอง อาทิ จบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยดัง Stanford ทั้งยังดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ เทมาเส็กโฮลดิงส์ และได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 100 Powerful Women หรือ หญิงผู้ทรงอิทธิพลของโลก จัดอันดับโดย Forbes

ติดอันดับทุกปี ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2004!

ปี 2016 นี้ เธออยู่ในอันดับที่ 30 ของโลก..

ในงานที่ทำเนียบขาว คุณลี แต่งกายด้วยชุดเกบายา หนึ่งรูปแบบของชุดประจำชาติสิงคโปร์ เป็นลูกไม้สีทองหม่นซับด้วยผ้าสีเข้ม สวยงามแบบเรียบง่าย ตามสไตล์หญิงเก่งและแกร่งท่านนี้

แต่ที่ท้าทายสายตาคนดูยิ่งนัก คือ..

“กระเป๋าถือ” ในมือเธอ!

กระเป๋านี้ หน้าตาคล้ายกระเป๋าใส่ “เครื่องสำอางค์” ทรงสี่เหลี่ยมมีซิปรูด ทำด้วยผ้าสีน้ำเงินสดจัด แถม “น่ารักอะ” ด้วยลายไดโนเสาร์ตัวจิ๋วสารพัดสายพันธุ์ สีขาวเด่น ประพร้อยทั้งใบ

เรียกเสียงฮือฮาจากผู้สื่อข่าวได้ จนกลายเป็นประเด็นกระจายไปทั่วโลก

สืบเสาะได้ว่า กระเป๋าใบนี้ เป็นผลงานของน้องนักเรียนโรงเรียน Pathlight ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กออทิสติกแห่งแรกของสิงคโปร์ ที่ภริยานายกฯ เป็นผู้ให้การสนับสนุน

สนนราคาอยู่ที่ 14.80 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 380 บาท ขาดตัว!

มีบางกระแสวิพากษ์วิจารณ์เธอหนัก ประมาณว่า..น่าจะส่งเจ้ไปอบรมใหญ่ ใส่เรื่องรสนิยมให้บ้าง

แต่คนจำนวนไม่น้อย พร้อมใจกันปรบมือรัวๆ ยกนิ้วโป้งให้ ว่าได้ใจสุดๆ!

ในบริบทปกติธรรมดา งานระดับนี้ ผู้ไปร่วมงานย่อมพิถีพิถัน เน้นเครื่องแต่งกายที่สวยสง่า เฟ้นของดีที่แสดงรสนิยมหรู หรือ อย่างน้อย..ต้อง “ดูแพง” หลายกรณี จึงไม่หนีของมี “ยี่ห้อ”

อาจเป็นเพราะชอบ เพราะเห็นว่าดี เพราะเห็นว่าเหมาะสม หรือเป็นเพราะสังคมรอบข้างให้การยอมรับ เชิดชู ว่าดู “มีสกุล” ยิ่ง

แต่สิ่งเหล่านี้ มิได้หยุดให้คุณลีกล้าคิดและทำสิ่งที่แตกต่าง

ถือเป็นบทเรียนอันดี ให้หัวหน้าที่ต้องนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง

1.ต้อง “กล้าคิดต่าง

ผู้นำกับการเปลี่ยนแปลง แยกกันไม่ออก

การเปลี่ยนแปลง ย่อมนำมาซึ่งสิ่งที่แปลกแตกต่างจากบริบทเดิม

หลายครั้ง การนั่งเฉยๆ อยู่นิ่งๆ ให้สิ่งรอบตัวเป็นไปในวิถีที่มันเคยเป็นไป

ยอมไหลตาม ย่อมไม่ยาก ไม่ลำบาก ไม่เปลืองความคิด

สิ่งที่ยากกว่า และต้องอาศัยความกล้า คือ คิดท้าทาย “ความเชื่อ” “ความคุ้นชิน” เดิมๆ

ในกรณีนี้..ทำไมต้อง “หรู” ทำไมต้อง “ดูแพง” ทำไมต้อง “แบรนด์เนม”?

2.ต้อง “กล้าทำต่าง

ผู้นำคิดได้ พูดได้

แต่ “การกระทำของผู้นำ ส่งเสียงดังกว่าสิ่งที่เอื้อนเอ่ยนัก!

การทำตนเป็นต้นแบบ จึงเป็นหัวใจในการนำและการเปลี่ยนแปลง

คิดต่างสำคัญจริง แต่ ผู้นำยังสามารถระดมพลังสมองของใครๆ ให้ช่วยคิดได้

แต่เมื่อถึงการปฏิบัติจริง

เหลือเพียงแค่ตัวผู้นำ ว่าท่านจะทำ..หรือไม่ทำ ตามที่พูด

คุณลี ต้องการสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านความคิดและพฤติกรรมของสังคมต่อเด็กออทิสติก จึงทำให้เห็นว่า เธอชื่นชมความสามารถของเด็ก “พิเศษ” ที่ทุ่มเทบรรจงรังสรรค์สารพันไดโนเสาร์ตัวจิ๋วบนกระเป๋าใบน้อย

และสนับสนุนมิใช่แต่เพียงค่อยๆ แค่วาจา

แต่ด้วยการกระทำดังๆ ที่ไม่ธรรมดา และกล้าแตกต่าง!

3.เปลี่ยนแปลงได้ในทุกมิติ ทุกเวลา

ไม่ต้องรอ..ขอทำเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลา 3 ปี..ต้องรอมีระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ครับ..ต้องปรับโครงสร้างก่อน.. ฯลฯ

พฤติกรรมทุกวัน แม้เป็นเรื่องที่ดู “เล็ก” เช่น กระเป๋าที่เลือกใช้ หรือคำชื่นชมอย่างจริงใจ หรือรอยยิ้มที่ผู้ใหญ่ให้กับพนักงานตัวเล็กตัวน้อย ฯลฯ

สามารถนำมาซึ่งความแตกต่าง และสร้าง “กระแส” แห่งการเปลี่ยนแปลงได้

ยิ่งทำในจังหวะที่ “ใช่”! ย่อมได้ใจ ได้แรงกระเพื่อม

ดั่งเช่น เมื่อไปปรากฏกายในทำเนียบขาว เจ้าไดโนเสาร์จิ๋วบนกระเป๋าสีฟ้าสด สามารถสะกดคนทั่วโลกได้

เพราะถูกหยิบมาใช้อย่าง “พิถีพิถัน”

อย่างถูกที่ ถูกเวลา

อย่างน่าชื่นชม