ค้าปลีกอินเดียฝั่งตะวันตก แนวรบยังคึกคัก

ค้าปลีกอินเดียฝั่งตะวันตก แนวรบยังคึกคัก

ค้าปลีกอินเดียเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เนื่องจากอินเดียเป็นตลาดใหญ่ มีประชากรเกือบ 1,300 ล้านคน

แถมคนชั้นกลางขึ้นไปที่มีกำลังซื้อก็มีมากถึง 350-400 ล้านคน และถึงแม้จะมีคนพูดถึงอินเดียว่ามีคนจนจำนวนมาก แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าคนจนก็ต้องกินต้องใช้สินค้าต่างๆ เหมือนกันนะครับ เพียงแต่ว่าการตลาดสำหรับคนรวย กับการตลาดสำหรับคนจน มีความแตกต่างกันเท่านั้น ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเราจะขายสินค้าให้กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างไร เรื่องค้าปลีกในอินเดียจึงเป็นเรื่องที่เราไม่ควรพลาดเพราะอินเดียกำลังมีการพัฒนาในทุกๆ ด้านอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะมีการขยายตัวของเมืองอย่างก้าวกระโดด

ค้าปลีกอินเดียมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากรัฐบาลอินเดียยังคงกำกับดูแลค้าปลีกอย่างใกล้ชิด ด้วยเกรงว่าค้าปลีกจากต่างชาติจะเข้าไปบุกยึดหมด เดี๋ยวคนอินเดียจะไม่มีหนทางทำมาหากิน ทำให้ปัจจุบันนี้ ค้าปลีกต่างชาติยังเข้าไปสยายปีกในอินเดียไม่ได้ แม้ว่ารัฐบาลอินเดียจะประกาศเปิดเสรีค้าปลีกมาตั้งหลายปีแล้วก็ตาม เพราะเป็นการเปิดแบบปิดๆ คือ ประกาศเปิดเสรีแต่ยังมีข้อกำหนดและข้อบังคับมากมายที่ยังปฏิบัติไม่ได้ ส่งผลให้ค้าปลีกสมัยใหม่ในอินเดียยังคงมีอยู่น้อยมากเพียง 8% แถมยังเป็นค้าปลีกสมัยใหม่สไตล์อินเดียอีกต่างหาก ในขณะที่ค้าปลีกแบบดั้งเดิมหรือโชห่วยแบบบ้านๆ ที่เรียกว่า Kirana มีอยู่ถึง 92% จนแทบจะกล่าวได้ว่าไปที่ไหนในอินเดียก็จะเจอแต่ค้าปลีกแบบบ้านๆ แบบนี้เต็มไปหมด โดยมีตั้งแต่เพิงขายของข้างถนน หรือคูหาเล็กๆ (Kiosk) ไปจนถึงตึกแถว

อย่างไรก็ตาม ค้าปลีกสมัยใหม่หรือ Modern Trade ก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอินเดียทางฝั่งตะวันตกที่มีเมืองมุมไบ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐมหาราษฏระเป็นศูนย์กลางของความเจริญ เนื่องจากอินเดียฝั่งตะวันตกถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของอินเดียที่บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ทุกรายถวิลหา เพราะคนอินเดียแถบนี้ถือว่าเป็นผู้มีกำลังซื้อสูง มีรสนิยมที่ทันสมัย และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ มากกว่าพื้นที่อื่น จึงถือได้ว่าอินเดียฝั่งตะวันตกซึ่งประกอบไปด้วยรัฐหลักๆ คือ คุชราต มหาราษฏระ กัว เกรละ และมัธยประเทศ เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพมากที่สุดสำหรับค้าปลีกสมัยใหม่ โดยเฉพาะเมืองมุมไบ และเมืองปูเน่ ในรัฐมหาราษฏระ นอกจากนั้นก็ยังมีเมืองอื่นๆ ทางฝั่งตะวันตกที่มีศักยภาพอีก ได้แก่ เมืองอาห์เมดาบัด เมืองอินดอร์ เมืองสุราต เมืองวาโดดารา เมืองโบพาล และเมืองนากปุระ เป็นต้น ก็อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังว่าค้าปลีกสมัยใหม่ในแต่ละเมืองคึกคักอย่างไร

เมืองมุมไบ หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของอินเดีย เนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นทั้งศูนย์กลางทางการค้าและการเงินของอินเดีย โดยทั้งตลาดหลักทรัพย์และธนาคารกลางของอินเดียก็ตั้งอยู่ที่เมืองนี้ ในแง่ค้าปลีกสมัยใหม่ต้องยกให้มุมไบว่า เป็นเมืองที่มีศูนย์การค้าที่ทันสมัยได้มาตรฐานมากกว่าเมืองในพื้นที่อื่นๆ ของอินเดีย และเป็นเมืองที่มีสินค้าแบรนด์เนมท้องถิ่น และแบรนด์เนมระดับโลก วางขายมากที่สุดในอินเดีย เพราะคนร่ำรวยอยู่อาศัยแถบนี้มากที่สุด นอกจากนั้น ยังเป็นเมืองที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นเมืองที่แบรนด์เนมระดับโลกจ้องที่จะเจาะเข้าตลาดมากที่สุดในอินเดีย ส่งผลให้ศูนย์การค้าสมัยใหม่เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเมืองอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ราคาที่ดินที่สูงติดอันดับโลกของมุมไบก็เป็นอุปสรรคสำคัญ สำหรับการขยายตัวของศูนย์การค้าสมัยใหม่ด้วยเช่นกัน เพราะศูนย์การค้าสมัยใหม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะ ซึ่งถือเป็นข้อด้อยของมุมไบ ทำให้มีศูนย์การค้าสมัยใหม่มีจำนวนไม่มากเท่ากรุงเดลี คือ ครองอันดับสองในแง่จำนวนศูนย์การค้าสมัยใหม่รองจากกรุงเดลี

ซึ่งข้อจำกัดเรื่องพื้นที่นี้ ทำให้ค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในศูนย์การค้าสมัยใหม่ของมุมไบมีราคาแพงที่สุดในอินเดีย เช่น ค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในศูนย์การค้า Palladium มีอัตราค่าเช่าสูงถึง 530-650 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 265-325 บาท) รองลงมาคือ High Street Phoenix อัตรา 370-440 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 132-220 บาท) แต่ถ้าอยู่ชานเมืองมุมไบอัตราค่าเช่าก็จะย่อมเยาลง เช่น Oberoi Mall อยู่ที่ 270-300 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 135-150 บาท) แต่ไม่ว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกจะสูงกว่าเมืองอื่นๆอย่างไร ศูนย์การค้าสมัยใหม่ในมุมไบก็ยังคงคึกคักเพราะมีแต่คนอยากจะเจาะตลาดคนมีเงินแถบนี้ทั้งนั้น

เมืองปูเน่ เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 9 ของอินเดีย อยู่ห่างจากมุมไบไม่มาก ถ้าขับรถก็ประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง มีศูนย์การค้าสมัยใหม่เกิดขึ้น มากมาย เช่น ศูนย์การค้า Amanora Town Centre ศูนย์การค้า Phoenix Marketcity ศูนย์การค้า Seasons Mall ศูนย์การค้า Nitesh Hub ปัจจุบันศูนย์การค้าสมัยใหม่จะกระจุกตัวอยู่ในแถบตะวันออกของเมือง ในขณะที่ฝั่งตะวันตกยังมีความต้องการศูนย์การค้าสมัยใหม่อีกมาก อัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในศูนย์การค้าในเมืองปูเน่จะมีราคาย่อมเยากว่าเมืองมุมไบอยู่มาก โดยอัตราค่าเช่าที่สูงที่สุดคือ ศูนย์การค้า Phoenix Marketcity อยู่ที่ 150-200 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 75-100 บาท) และศูนย์การค้า My Mall อยู่ที่ 160-175 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 80-87 บาท) แต่ปูเน่ก็เป็นเมืองที่ค้าปลีกคึกคักเช่นกัน เนื่องจาก ปูเน่เป็นเมืองการศึกษา (มีชื่อเล่นว่า อ็อกซ์ฟอร์ดแห่งอินเดีย) มีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทำให้บริษัทค้าปลีกสมัยใหม่ให้ความสำคัญเพราะมีผู้บริโภคในวัยศึกษาเล่าเรียนจำนวนมาก

เมืองอาห์เมดาบัด เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคุชราต มีศูนย์การค้าใหญ่คือ ศูนย์การค้า Alpha One ศูนย์การค้า Himalaya Mall และ Iscon Mega ซึ่งศูนย์การค้าส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ไม่มีศูนย์การค้าเกิดใหม่ในเมืองอาห์เมดาบัดเลย สำหรับศูนย์การค้าที่มีอัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกที่สูงที่สุดคือ ศูนย์การค้า Alpha One อยู่ที่ 130-140 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 65-70 บาท)

เมืองวาโดดารา เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของรัฐคุชราต มีศูนย์การค้าสมัยใหม่เพียงพอกับจำนวนประชากรที่มีอยู่ เป็นเมืองที่ไม่หวือหวามาก อัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกก็ไม่สูงนัก เช่น ที่ศูนย์การค้า Inorbit Mall อยู่ที่ 80-100 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 40-50 บาท) และที่ศูนย์การค้า Centre Square Mall อัตรา 70-80 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 35-40 บาท) เท่านั้น

เมืองนากปุระ เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 10 ของอินเดีย และเป็นเมืองที่กำลังขยายตัวและพัฒนาอย่างรวดเร็ว เป็นเป้าหมายของนักลงทุนที่จะเข้าไปสร้างศูนย์การค้าสมัยใหม่เพิ่มขึ้น จึงเป็นอีกเมืองหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของอินเดียที่ต้องจับตามองเรื่องการค้าปลีก โดยปัจจุบันอัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกที่ศูนย์การค้า Empress Mall ยังอยู่ในอัตราไม่สูงมาก คือ 100-110 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 50-55 บาท) เท่านั้น

เมืองสุราต เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 8 ของประเทศอินเดีย เป็นศูนย์กลางการเจียระไนเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสิ่งทอของอินเดีย เป็นเมืองที่เศรษฐกิจดีมาก ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง แต่ศูนย์การค้าสมัยใหม่ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานยังมีไม่มาก โดย 80% ของศูนย์การค้าจะตั้งอยู่บนถนนสายหลักของเมือง อัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกก็ยังอยู่ในระดับไม่สูงมาก โดยที่ศูนย์การค้า VR Surat อยู่ที่ 110-120 รูปีต่อตารางฟุตต่อเดือน (ประมาณ 55-60 บาท) เท่านั้น

แม้ว่าค้าปลีกต่างชาติยังไม่สามารถเข้าไปในตลาดอินเดียได้อย่างเสรี แต่แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของค้าปลีกสมัยใหม่ในอินเดียก็ปรับตัวดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น ก็ขอฝากไว้ว่าอินเดียยังเป็นตลาดที่เราต้องจับตามองและให้ความสำคัญอยู่นะครับ เพราะโอกาสที่คาดไม่ถึงอยู่ใกล้ๆ เราแค่นี้เอง