เมื่อสองสิงห์เจอกัน

เดินทางไปประชุมกับนายพอล ไรอัน ที่ห้องทำงานของนายไรนซ์ พรีเบอส ที่รัฐสภาแห่งชาติ สหรัฐ

นับเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างสองสิงห์แห่งพรรครีพับลิคกัน (พรรคฯ) นายทรัมพ์คือผู้ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนและพรรคฯ ให้เป็นผู้เข้าชิงเก้าอีประธานาธิบดีกับคู่แข่งจากพรรคเดโมแคร็ต นายไรอันคือประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ทรงอำนาจทางการเมืองยิ่งกว่าประธานาธิบดีเสียอีก ส่วนนายพรีเบอสคือประธานพรรคฯ ทำหน้าที่เป็นคนกลางในที่ประชุม

ทั้งสองประชุมร่วมกันอยู่ราว 45 นาที เพื่อหาข้อยุติว่า นายไรอันจะลงชื่อสลักหลังนายทรัมพ์รับรองให้เป็นตัวแทนพรรคฯเข้าชิงเก้าอี้ดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากพฤติกรรมการหาเสียงของนายทรัมพ์ได้สำแดงหลายอย่างออกมาเป็นที่บาดหูบาดตานายไรอันและผู้ใหญ่ในพรรคฯหลายคน โดยเฉพาะอดีตประธานาธิบดีพ่อลูกสองท่านแห่งตระกูลบุ๊ช นายมิท รอมนี่  ซึ่งได้ออกมากล่าวโจมตีนายทรัพม์แบบไม่ต้องมองหน้ากันอีกต่อไป ตลอดจนผู้อาวุโสในพรรคฯอีกมากมาย แต่ก็มีสมาชิกพรรคฯหลายคนที่ออกมาปกป้องนายทรัมพ์ ส่งผลให้พรรคฯแตกแยกออกเป็นสองส่วน

นายไรอันเปิดเผยเพียงว่า ตนยังไม่พร้อมที่จะสนับสนุนนายทรัมพ์ เพราะพรรคฯกำลังแตกแยกกันจากพฤติการณ์หาเสียงของเขา พลังสนับสนุนพรรคฯจะไม่เต็มร้อย คือ มีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น และไม่เข้มแข็งพอที่จะเอาชนะคู่แข่งอย่างเช่นนางฮิลลารี่ คลินตัน ได้

นายไรอันยืนหยัดยึดจุดยืน อุดมคติ ค่านิยมที่เป็นแก่นแท้ของชนชาติอเมริกันมาแต่ดั้งเดิมตราบเท่าทุกวันนี้ ซึ่งได้แก่เสรีภาพ การปกครองตัวเอง ความเสมอภาค ปัจเจกนิยม ความหลากหลาย และเอกภาพแต่นายทรัมพ์ได้แสดงนโยบายออกมาในทางที่ขัดแย้งกับจุดยืนดังกล่าวมาตลอด เช่น ห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ สร้างกำแพงที่ชายแดนติดประเทศเม็กซิโกเพื่อสกัดกั้นมิให้ชาวอเมริกันใต้ลักลอบเข้าประเทศ ใช้วาจาสามหาวแบบวัยรุ่นโจมตีคู่แข่งในพรรคฯและผู้สื่อข่าว สนับสนุนให้แฟนคลับตนใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นที่คัดค้านตน โดยสัญญาจ่ายค่าทนายต่อสู้คดีให้ฟรี ไม่ยอมปฏิเสธอย่างแจ่มชัดต่อแรงสนับสนุนจากกลุ่มคนถือผิว เป็นต้น ซึ่งล้วนส่อให้เห็นว่า ขัดต่อจุดยืนดังกล่าว ในขณะที่ประจานตัวเองว่ามีอารมณ์ร้อนแรงแบบเด็กวัยรุ่นไม่สมควรเป็นประธานาธิบดีอย่างยิ่ง

ระยะหลังนี้ นายทรัมพ์เริ่มลดหย่อนความรุนแรงลง เช่น ชี้แจงว่าที่ห้ามมุสลิมเข้าประเทศนั้น เป็นเพียงข้อเสนอแนะที่ขึ้นอยู่กับการประเมินข้อเท็จจริงต่อไป เป็นต้น แต่ก็ได้เป็นข้อคิดที่ถูกอกถูกใจยิ่งสำหรับประชาชนผู้เกลียดชังชาวมุสลิมในกรณีถล่มอาคารแฝดเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ นิวยอร์ค มีผู้ตายร่วมสามพันราย หรือพิฆาตหมู่ 14 รายที่เมืองแซนเบอร์นาดีโน่ คาลิฟอร์เนีย จึงพากันไปลงคะแนนให้นายทรัมพ์อย่างถล่มทลายมาตลอด เมื่อนายทรัมพ์กลับคำว่าไม่ได้ตั้งใจจะกีดกันชาวมุสลิม ก็เท่ากับได้ทำให้ผู้ลงคะแนนให้ตนด้วยความหลงผิดในคารมตน

นายไรอันแสดงท่าทีแบบงอได้แต่หักไม่ได้  โดยให้โอกาสนายทรัมพ์นำข้อเสนอของเขาไปพิจารณาปรับตน เพื่อให้เกิดเอกภาพในพรรคฯก่อน ตนจึงจะยอมรับรองเขาเป็นตัวแทนของพรรคฯ ซึ่งนายทรัมพ์ต้องผิดหวังคับข้องใจอย่างแน่นอนที่ต่อรองไม่สำเร็จอย่างที่เคยชมตัวเองว่าเป็นนักต่อรองตัวยง โดยเฉพาะหากมีจิตที่หลงใหลในตัวเองจริง อนึ่ง เขาเคยประกาศข่มขู่ไว้ว่า นายไรอัน จะต้องชดใช้กรรมหนักหากเข้ากับเขาไม่ได้ หลังประชุมกับบรรดานักการเมืองพรรคฯทั้งหลายแล้ว นายทรัมพ์วิ่งไปปรึกษากับกองทัพทนายความของตนทันที

นายทรัมพ์กำลังอยู่ในฐานะมีสิทธิพิเศษใช้เงินของพรรคฯในการหาเสียงเอาชนะคู่แข่งจากพรรคอื่น คาดว่าต้องใช้เงินถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องมาจากการบริจาคอุดหนุนโดยอภิมหาเศรษฐี นักลงทุน นักอุตสาหกรรรม ฯลฯ ทั้งที่ตนเคยคุยโวว่า ตนเป็นคนบริสุทธิ์ ใช้เงินส่วนตัว ไม่รับเงินจากผู้ใด

นายทรัมพ์เดินทางมาถึงจุดที่อยู่แค่เอื้อมจากเก้าอี้ผู้นำสหรัฐ จากจุดเริ่มต้นที่มีแต่ผู้คนมองว่า พ่อค้าทรัมพ์คงไปไม่รอด เพราะคิดแบบพ่อค้านำมาใช้ไม่ได้ผลดีกับชาติบ้านเมือง ซึ่งก็จริง แต่เขารอดมาได้ด้วยยุทธศาสตร์ที่แข็งกร้าว ไม่กลัวใคร นายมาร์โก้ รูบิโอ อดีตคู่แข่งคนหนึ่งเปิดเผยว่า ก่อนโต้วาทีทางทีวีครั้งหนึ่ง นายทรัมพ์ร้องขอกระจกเงาแผ่นใหญ่ที่มองเห็นได้เต็มตัว แล้วไปยืนจ้องมองตัวเอง พลางวางท่าต่างๆให้แลดูน่าเกรงขาม ราวกับสกดจิตตัวเอง

หากถูกใครโจมตีหรือพูดไม่เข้าหู นายทรัมพ์จะโจมตีกลับทันที ดังกรณีนักข่าวหญิงคนหนึ่งไล่จี้ถามถึงถ้อยคำที่เขาเคยใช้แบบไม่ได้ให้เกียรติต่อสตรีเพศเลย ซึ่งทิ่มแทงใจเขามาก อีกสองวันต่อมา เขาโจมตีกลับว่า เธอมีเจตนาหาเรื่องกับเขาในขณะที่เธอมีเลือดซึมออกมาจากที่ไหนก็ได้ ซึ่งได้รับการตีความกันว่าจากรอบเดือนสตรี นอกจากนี้ นายทรัมพ์ชอบตั้งฉายาเชิงเหยียดหยามคู่แข่ง เช่น เท็ดขี้โกหก หนูน้อยรูบิโอ ฮิลลารี่คดในข้องอในกระดูก เป็นต้น

ที่เด่นชัดคือการพูดกลับไปกลับมาแบบไม่มีจุดยืนที่แน่นอน ไม่ยอมให้ใครรู้ทางเดินของตน มีแต่ข้อแก้ตัวเพื่อให้ถูกใจผู้ฟัง ซึ่งแห่กันไปฟังนายทรัมพ์ปราศรัยนับหมื่นๆคน โดยพูดวนเวียนเร่งเร้าอารมณ์ในตัวบุคคล พูดในหลักการน้อยมากๆ แล้วปลอบใจชาวอเมริกันจำนวนมากผู้มีความขุ่นเคืองใจต่อเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นคืนชีพดีนัก รัฐสภาที่ผู้แทนสองพรรคโต้แย้งกันไม่สิ้นสุด จนรัฐบาลเกือบต้องปิดทำการบ่อยครั้งเพราะงบประมาณเฉพาะกิจหวุดหวิดไม่ผ่าน รวมทั้งชาวมุสลิมก่อการร้ายในประเทศ โดยกล่าวโทษพรรคเดโมแคร็ตว่าเป็นตัวการก่อปัญหา และสัญญาว่าตนจะไปจัดการสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้ชาติเข้มแข็งขึ้นมาอีก

สองสิงห์เจอกันได้ แต่อยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ นอกจากตัวหนึ่งจะเป็นตัวเมีย ดังนั้น นายไรอันและนายทรัมพ์ต่างจะต้องยอมลดความเป็นสิงห์ลงบ้าง เพื่อเอกภาพของพรรคฯต่อไป

หากการหาเสียงในไทยมีส่วนใกล้เคียงกับในสหรัฐ ผู้หาเสียงคงมีการวางหมัดมวยกัน มีการแจกไข้โป้งกับน้อยหน่าเหล็กกัน ตลอดจนมีการปะทะกันรุนแรงระหว่างประชาชนที่ถือหางคู่แข่ง

เมื่อประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ย่ำแย่ที่สุด ตามที่รัฐบุรุษอังกฤษท่านเซอร์ วินสตัน เชิร์ชิล ได้ชี้ชัดไว้ ทำไมจึงยังเป็นระบอบที่นิยมกันนักหนา?

------------------------

ธนรัตน์ ยงวานิชจิต

[email protected]