ภัยมืดจากคลองรากฟัน

ภัยมืดจากคลองรากฟัน

ทุกวันนี้คนไข้หลายรายที่รับการตรวจรักษาโรคจากอายุรแพทย์ด้วยอาการป่วยที่ลึกลับประหลาด และไม่ทราบสาเหตุ

มักได้ยินแพทย์สรุปผลวินิจฉัยโรคว่า “ทำใจให้สบายออกกำลังกายพักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่ รับประทานอาหารที่มีโภชนาการอาการก็จะหายไปเอง”

ทว่าอีกไม่นานต่อมา คนไข้ก็ย้อนกลับไปรับการตรวจอีก ด้วยอาการป่วยดังกล่าวทั้งที่ได้ดูแลสุขภาพตามคำแนะนำแล้ว วนเวียนแบบนี้เป็นประจำเพราะเหตุใด?

นายแพทย์โจเซฟเมอร์โคล่า แพทย์ทางอายุรศาสตร์โด่งดัง สหรัฐอเมริกาได้ออกมารณรงค์ให้ประชาชนได้รับความรู้ที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการทำคลองรากฟัน (root canal) ซึ่งได้ผ่านการพิสูจน์มาร่วม 100 ปีแล้วว่าเป็นบ่อเกิดของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆในร่างกายซึ่งแพทย์ทั่วไปมักไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่ามีสาเหตุใด ในการเสนอบทความนี้ผู้เขียนขอขอบคุณแหล่งข้อมูลของนพ.เมอร์โคล่าและแหล่งอื่นๆไว้ ณ ที่นี้

ทุกวันนี้ทั้งในสหรัฐฯและไทย เครื่องดื่มอาหารทั้งปวงมักอุดมด้วยรสหวานจากน้ำตาลอย่างสุดโต่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีโรคฟันผุและโรคเบาหวานได้ง่ายกว่าสมัยปู่ย่าตายายมากการทำคลองรากฟันจึงเป็นทันตกรรมที่แพร่หลายพอๆกับการอุดฟันเล็กๆน้อยๆบนผิวฟัน

ในสหรัฐฯมีผู้รับการทำคลองรากฟันถึง 60 ล้านรายต่อปีอัตราค่าทำคลองรากฟันหนึ่งซี่อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 3 ระดับ คือ ระดับต่ำ 5,920 บาท (32 บาท:$1), ระดับกลาง 26,112 บาท และระดับสูง 51,840 บาท ทั้งนี้แล้วแต่ทันตแพทย์จะกำหนดค่ารักษากับเงื่อนไขทั้งหมด (แหล่ง:http://www.checkbook.org/)

บุคคลแรกที่วิจัยพบพิษภัยจากการทำคลองรากฟันคือทันตแพทย์เวสตันไพรซ์ (2413 - 2491) ผู้ได้รับการยกย่องสดุดีว่าเป็นทันตแพทย์ฝีมือยอดเยี่ยมและนักวิจัยมือหนึ่งของโลกวันหนึ่ง ท่านได้ให้คำแนะนำแก่คนไข้หญิงคนหนึ่งผู้เป็นโรคข้ออักเสบรุนแรงและต้องนั่งรถเข็นมานานถึง 6 ปีให้ถอนฟันที่ทำคลองรากฟันไว้ แม้ว่าซี่ฟันนี้จะแลดูแข็งแรงปกติอยู่ ก็ตามเมื่อคนไข้อนุญาต ท่านก็ถอนออกมา แล้วนำไปปลูกฝังไว้ที่ใต้ผิวของกระต่ายตัวหนึ่งปรากฏว่า กระต่ายเป็นโรคข้ออักเสบเหมือนคนไข้และตายไปในเวลาอีก 10 วันด้วยชีวพิษจากฟันดังกล่าว เมื่อไม่มีซี่ฟันที่ทำคลองรากฟันไว้คนไข้ก็หายขาดจากโรคข้ออักเสบอย่างน่าอัศจรรย์สามารถเดินได้โดยไม่ต้องใช้แม้กระทั่งไม้เท้าในอีกราว 6 เดือนต่อมา

ในกรณีปลูกฝังคลองรากฟันจากคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจลงในสัตว์ทดลองปรากฏว่า สัตว์ตายด้วยหัวใจวายถึง 100% ส่วนโรคอื่นๆ เช่นโรคปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบ โรคประสาทควบคุมการเคลื่อนไหวผิดปกติ (โรคลูเกห์ริก)โรคผิวหนังลูปัส โรคเบาหวาน โรคข้อต่ออักเสบ ตลอดจนกลุ่มโรคภูมิต้านทานต่อตนเองเป็นต้น  มีผลถ่ายทอดถึง 80%

ทว่าผลวิจัยของทันตแพทย์ไพรซ์ภายใต้การอุปถัมภ์ของสถาบันวิจัยของสมาคมทันตกรรมในสมัยนั้น ถูกกลบฝังอยู่นานถึง 70 ปี จวบจนทันตแพทย์ จอร์ช เมย์นิก ได้นำออกเผยแพร่สู่ชาวโลกเป็นหนังสือในปี 2536 ชื่อว่า “Root Canal Cover Up by George E. Meinig, DDS, FACD”  ผู้สนใจติดต่อสั่งซื้อได้ที่มูลนิธิโภชนาการไพรซ์-พอทเทงเกอร์ สหรัฐฯ:  http://ppnf.org

ทันตแพทย์ไพรซ์ได้พิสูจน์ว่าแบคทีเรียสามารถเติบโตในหลอดฟันฝอยนับไม่ถ้วนภายในฟันแต่ละซี่เนื่องจากฟันที่ทำคลองรากฟันคือฟันที่ตายแล้วและไม่มีเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงได้จึงขาดเซล์ลภูมิคุ้มกันจากเลือดสำหรับทำลายแบคทีเรียที่มีตัวฟันเป็นเกราะคุ้มกันอยู่แบคทีเรียก็เริ่มผลิตสารชีวพิษอยู่ในปากโดยคนไข้ไม่รู้ตัวนานนับปีหรือสิบๆปีและก่อให้เกิดอาการทางระบบประสาท กลุ่มอาการเจ็บปวด และระบบภูมิต้านทานอ่อนแอลงจนร่างกายเป็นโรคมะเร็งในระยะยาวนานออกไป

ในบทสัมภาษณ์กับนพ.เมอร์โคล่าทันตแพทย์โรเบิรต์ คูแลคซ์ ผู้เคยมีคลินิกส่วนตัวในรัฐนิวยอร์ค สหรัฐฯเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ถอนคลองรากฟันจากคนไข้รายหนึ่งหลังจากที่ได้ศึกษางานวิจัยของทพ.ไพรซ์และเข้าประชุมทางวิชาการกับสำนักวิชาการระหว่างประเทศแห่งเวชศาสตร์ช่องปากและพิษวิทยา (International Academy of Oral Medicine and Toxicology) แล้ว ผลก็คือ ถูกสภาทันตแพทย์รัฐนิวยอร์คดำเนินคดีด้วยข้อหา “ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง” แต่ต่อสู้คดีจนได้รับการต่อรองให้ยอมรับผิดในข้อหาที่อ่อนกว่า คือ “ฝ่าฝืนระเบียบการเขียนรายงานการรักษา” โดยใบอนุญาตวิชาชีพจะไม่ถูกยกเลิกเพื่อยุติคดีความที่อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีและเงินนับแสนเหรียญในศาลต่อไปแต่หารู้ไม่ว่าเป็นการตัดสินใจที่ทำให้ตนต้องซื้อค่าประกันสำหรับทุเวชปฏิบัติในอัตราสูงขึ้น 10 เท่าตัว จึงต้องปิดคลินิกโดยปริยาย พ่ายแพ้ต่ออำนาจมืดที่ “เชือดคอไก่ให้ลิงดู” เพื่อเป็นอุทาหรณ์ห้ามต่อต้านผลประโยชน์มหาศาลของทันตแพทย์อื่นๆที่ปฏิเสธว่าคลองราฟันเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ

นับได้ว่าเป็นโชคลาภสำหรับประชาชนทั่วไปที่ ทพ.คูแลคซ์หันไปเอาดีด้วยการเผยแพร่วิชาการแทนการรักษาฟันต่อไปอย่างน้อยได้เขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง ตีพิมพ์ล่าสุดในปี 2014 ชื่อว่า “The Toxic Tooth: How a Root Canal Could Be Making You Sick by Robert Kulacz, DDS, and J.D. Levy, MD”สั่งซื้อได้ที่ http://amazon.com นพ.เมอร์โคล่าแนะนำอย่างแข็งขันให้ผู้สนใจหาซื้อไว้อ่าน

นพ.เมอร์โคล่ามีจุดยืนหนักแน่นว่าไม่แนะนำให้คนไข้ทำคลองรากฟันอย่างเด็ดขาด หากจำต้องถอนฟันซี่ใดออกให้ทบทวนมาตรการต่างๆสำหรับทดแทนฟันกับทันต แพทย์ เช่น ทำฟันปลอมบางส่วน ทำสะพานฟันปลูกฝังฟันด้วยซิโครเนี่ยม (zirconium) ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่าโลหะอื่นๆ นอกจากนี้ท่านแนะนำให้ทันตแพทย์ขจัดเอ็นปริทันต์ให้สิ้นซากหลังถอนฟันแล้วเพราะเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียอย่างดีและให้ขูดร่องที่กระดูกออกสักหนึ่งมิลลิเมตรเพื่อป้องกันการเพาะเชื้อจากเยื่อกระดูกที่ยังตกค้างอยู่

นพ.เมอร์โคล่าสรุปไว้ว่าซี่คลองรากฟันคือซี่ฟันที่ตายแล้วและปราศจากชีวิตซึ่งสามารถกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชนิดร้ายแรงได้ง่ายๆและสามารถบุกรุกเข้าไปในระบบไหลเวียนของโลหิตก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงหลากหลายชนิดได้โดยอาจใช้เวลานับสิบๆปีก่อนที่จะแผลงฤทธิ์เดชออกมาให้ปรากฏ ท่านเน้นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ ไม่ควรทำหรือเก็บซี่คลองรากฟันไว้ในปากอีกต่อไปและหมั่นเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้เข้มแข็งไว้เสมอ

อย่างไรก็ตามผู้เขียนใคร่ขอฝากไว้ว่า ก่อนตัดสินใจว่าจะทำหรือถอนคลองรากฟันของตนขอให้ศึกษาหาความรู้ที่น่าเชื่อถือได้เพิ่มเติมก่อนโดยปรึกษากับทันตแพทย์ที่น่าเชื่อถือได้อย่างน้อยสองท่านและ/หรือค้นคว้าศึกษาข้อมูลทันสมัยจากองค์กรเชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ได้รับสินจ้างหรือถูกความกดดันด้วยความกลัวใดๆ

สำนักวิจัยทางทันตกรรมสมาคมทันตกรรม รวมทั้งสมาคมส่งเสริมสุขภาพทั้งหลายในไทยซึ่งได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องและมีพันธกิจในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนอย่างแท้จริงตลอดจนหน่วยราชการที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องอาจขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคลองรากฟันเป็นภาษาอังกฤษจากมูลนิธิฯ ได้ที่ http://www.terfinfo.com/

---------------------

ธนรัตน์ ยงวานิชจิต

[email protected]