3 ข้อเตือนใจในการประชุม
หนึ่งในยาขมประจำบ้านที่เมื่อคนทำงานติดขัด ไม่ว่าจะเป็นพราะเกิดปัญหากับลูกค้า หาสาเหตุที่ระบบสื่อสารขัดข้องไม่พบ หรือต้องปรับงบประมาณใหม่
ต่างต้องใช้บริการของยานี้ที่มีชื่อว่า..
“การประชุม”
ที่ถือเป็นยาขมอมเปรี้ยวบูด เมื่อใครๆ พูดถึง น้อยคนนักที่จะรักเขา
โดยเหมาเอาว่า
การประชุมเป็นเรื่องน่ากลุ้มใจ
นอกจากจะสิ้นเปลืองเวลา
หาสาระทำยายาก
คุยกันมาก คุยกันเยอะ คุยกันยาว
คราวต่อไปก็---คุยคล้ายๆ เรื่องเดิม
ความจริง การรุมต่อว่าการประชุมก็ฟังไม่แฟร์
เพราะแม้ยาจะดีจะแท้แค่ไหน
หากใช้ไม่เป็น ใช้เสีย ใช้หาย ก็อาจกลายเป็นโทษ
ห้ามโกรธกัน
หากท่านผู้อ่านเป็นหนึ่งในคนทำงานที่ต้องบริหารการประชุม ดิฉันมีข้อแนะนำง่ายๆ ให้ทดลองทำเพื่อนำประโยชน์กลับมาสู่เครื่องมือพื้นฐานในการหารือตัวนี้
1.ก่อนการประชุม ตั้งหลักให้แม่นว่าสิ่งที่ต้องการจากการประชุมคืออะไร
แล้วโยงใยให้เป็นหัวข้อการหารือ
เช่น การระดมความคิดเพื่อแก้และป้องกันปัญหาเรื่องการบริการไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน
จากนั้น จึงสามารถลำดับประเด็นเป็นหัวข้อที่จะหารือ อาทิ
-สรุปประเด็นปัญหาที่เกิดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
-วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
-ระดมสมองเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไข
-มอบหมายผู้รับผิดชอบในแต่ละประเด็นที่ต้องมีการดำเนินการต่อ
หากเป้าหมายไม่ชัด จัดว่าจบ ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
หากจะดี ลองไตร่ตรองอีกที ว่ามี “ยา” ขนานอื่นที่ใช้ได้ดีกว่าการประชุมหรือไม่
2.ก่อนเลิกการประชุม ต้องสรุปทบทวนร่วมกันอีกครั้ง
ว่าที่ประชุมตัดสินใจอะไรบ้าง
แล้วใคร
ต้องทำอะไร
ภายในเวลาเท่าใด
และแจ้งผลการดำเนินการให้ใครเห็นชอบหรือรับรู้บ้าง
ทั้งนี้ ทักษะการสรุปอย่างกระชับ ครอบคลุมตรงประเด็นเป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญที่คนเป็นงานต้อง..”เป็น”
ใครคุยเรื่องเรื่อยเปื่อย เฉื่อยแฉะ อาจสนุกสนานหากเราไม่มีงานใดๆทำ
แต่ในที่ประชุมมีคนจับจ้อง คอยมองว่าใครเฉไฉ ออกไปนาไร่ ไม่เข้าเรื่อง ทำให้เปลืองเวลาเขา
ดังนั้นกรุณาเอาแต่เนื้อๆ
กระชับๆ จับให้ตรงประเด็น
บางท่านบอกว่าข้อนี้ไม่มีปัญหา ก็มีเลขาที่ประชุมๆทำหน้าที่สรุปอยู่แล้วนี่ครับ
เดี๋ยวเขาก็ทำเป็นลายลักษณ์อักษรส่งให้อีกที
นั่นไง...จุดสะดุดชุดแรก
เพราะ หลายครั้งลายลักษณ์อักษรเตือน มักคลานตามมาช้ากว่าจะได้ ก็ใกล้การประชุมครั้งถัดไป
หรือไม่ก็ได้กันในการประชุมถัดไปนั่นเอง
นอกจากนั้นการประชุมหลายครั้ง ทำกันอย่างไม่เป็นทางการนัก ถือเป็นการหารือ ไม่มีบันทึกผลการประชุมเป็นทางการ
เมื่อตกลงกัน ทุกฝ่ายต่างต้องมีความรับผิดชอบ ไปตอบโจทย์ที่ได้จากที่ประชุมต่อไป
คุยกันหลายเรื่องหลายหัวข้อการขอให้สรุปสำทับอีกครั้งก่อนจากกัน จึงสำคัญต่อความเข้าใจที่ไม่คลาดเคลื่อน
ผู้ทำหน้าที่สรุป เป็นไปได้หลายกรณี
คนแรก คือ พี่ประธานทำหน้าที่สรุป ข้อดี คือ กระชับ ประหยัดเวลา
แต่ข้อจำกัด คือ หน้าที่นี้ สามารถกระจาย แบ่งให้ผู้อื่นทำได้ ไม่จำเป็นต้องทำเอง
คนที่สอง คือ เลขาที่ประชุม ซึ่งการประชุมที่เป็นทางการส่วนใหญ่ จะมีผู้ทำหน้าที่เลขา ที่มีหน้าที่บันทึก และ สรุปประเด็น
คนที่สาม คือ ผู้ที่มีหน้าที่ดำเนินการตามประเด็นที่สรุป
การให้ผู้ที่รับผิดชอบแต่ละเรื่องทำหน้าที่สรุปเองถือเป็นการยืนยันความเข้าใจเพราะเขาต้องไปปฏิบัติต่อ
นอกจากนั้น หากเจ้าตัวได้สรุปออกจากปากตนด้วยวาจาในที่ประชุม ย่อมเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ผลักดันให้เขายอมรับ และปฏิบัติจริง
3.After Action Review หรือที่มีชื่อย่อว่า AAR การประเมินทบทวนผลหลังการปฏิบัติงาน
เป็นหนึ่งในวิธีการเรียนรู้และพัฒนาที่ทำง่ายใช้ได้จริง
ขอเวลา 5 - 6 นาทีช่วงสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับ
ถามทั้งทีมว่า
- กระบวนการประชุมของเราครั้งนี้เป็นอย่างไร
- อะไรที่ทำได้ดี เพราะอะไรจะทำอย่างไรให้คงสิ่งที่ดีไว้ต่อไป
- อะไรที่ยังทำได้ไม่ดีเพราะอะไรจะทำอย่างไรเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคต
ผู้ดำเนินการหารือเรื่อง AAR นี้ก็เช่นกันสามารถผลัดกันได้ ยิ่งพี่หัวหน้าอยากโค้ชให้ลูกทีมมีทักษะในการนำการประชุม
ลองให้น้องๆ เวียนกันเป็นผู้นำการดำเนินการหารือหัวข้อสุดท้าย
พี่มีได้หลายต่อ
ต่อแรกพี่ได้พักบ้าง
ต่อที่สอง ได้ฝึกน้อง ให้ลองปฏิบัติจริง
ต่อที่สามน้องจะเริ่มเข้าใจว่าการนำในที่ประชุมบางครั้งไม่ง่ายกว่าจะได้ความเห็น กว่าจะตะล่อม ให้คนที่อ้อมค้อมสรุป ฯลฯ
ครั้งหน้านอกจากยกประโยชน์ให้พี่หัวหน้า ที่บางทีนำการประชุมได้ไม่สะใจหนูแล้ว
น้องแก้วยังน่าจะทำตัวเป็นผู้เข้าร่วมประชุมชั้นดี
เพราะเคยได้นั่งเก้าอี้พี่ และรู้ดีว่า เก้าอี้นี้ แม้จะดูยิ่งใหญ่ แต่ก็มิได้นั่งนุ่ม นั่งสบาย ดังที่ใครๆ คิดแต่ประการใด