ก่อการร้ายเกิดจากอะไร?

ก่อการร้ายเกิดจากอะไร?

การก่อการร้ายกำลังระบาดอยู่ทั่วโลกอย่างน่าวิตก อาจมีการใช้ระเบิดปรมาณูหรือชีวะเคมีขนาดกระเป๋าหิ้ว

ซึ่งมีอานุภาพพิฆาตมหาบรรลัยจักร 

ล่าสุด วันที่ 19 เมษายน 2559 กลุ่มก่อการร้ายตอลิบันพลีชีพ 2 คนโจมตีกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน คนแรกจุดระเบิดรถบรรทุกดินระเบิดมหาศาล ทำลายอาคารเจ้าหน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญ มีคนตายทันที 28 รายและบาดเจ็บกว่า 300 ราย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อีกราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา คนที่สองบุกเข้าไปในอาคารกราดยิงเจ้าหน้าที่แล้วถูกยิงตายไปทันที 

ในการนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ขอร้องให้ประชาชนแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่รัฐทันทีที่ได้ยินได้เห็นเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ เมื่อเร็วๆนี้ ก็ได้จัดประชุมระดับผู้นำกว่า 50 ประเทศเป็นปีที่สี่ ณ กรุงวอชิงตันดีซี เพื่อทบทวนการใช้-เก็บรักษา-ขนส่งสารปรมาณูกับรังสี การจัดการกับภัยคุกคามจากระบบเครือข่ายและสังคมเครือข่าย และบทบาทของอุตสาหกรรมสารปรมาณู 

ในปี 2557 ผู้ก่อการร้ายได้พิฆาตชีวิตมนุษย์ไป 32,685 ราย เพิ่มจากปี 2556 ถึง 80% เกิดขึ้นใน 93 ประเทศ โดยมีอิรัค อัฟกานิสถาน ไนจีเรีย ปากีสถาน และซีเรีย จัดอยู่ใน 5 อันดับสูงสุด ตามลำดับ ส่วนไทยติดอันดับ 10 จากกว่าร้อยประเทศ

สถิติดังกล่าวคือรายงานล่าสุดประจำปี 2558 จากสถาบันเพื่อเศรษฐกิจและสันติสุข ซึ่งเป็นคณะทำงานวิจัยระดับสูงและน่าเชื่อถือ ก่อตั้งโดยนักธุรกิจใหญ่ทางเทคโนโลยี่นามว่า นายสตีฟ คิลเลอลีอา ออสเตรเลีย 

ดร. อิริค ฟรอม์ม นักจิตวิเคราะห์ชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ผู้ได้วิเคราะห์จิตมนุษย์มานับไม่ถ้วน และบวชเรียนในพระพุทธศาสนามาแล้ว ชี้แจงถึงปรากฏการณ์ของการก่อการร้ายชนิดรุนแรงสุดขีดไว้ว่า มีรากเหง้ามาจาก จิต ที่เข่นฆ่าผู้อื่นได้อย่างปราศจากท่าทีวิตกทุกข์ร้อนถึงความผิดปกติที่ตัวเองได้ทำไว้ 

จิต ดังกล่าว รักภาวะตาย หลงใหลตัวเองชนิดทำลายชีวิตผู้อื่นหรือตัวเองได้ และฝักใฝ่ร่วมประเวณีกับผู้ใกล้ชิดทางพันธุกรรม นับเป็นจิตที่สามารถก่อให้เกิดความรุนแรงชั่วร้ายและอันตรายที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำได้และจัดอยู่ในกลุ่มจิตเสื่อม ที่คิด-พูด-ทำในทางทำลายเพียงเพื่อทำลายล้างให้สิ้นซาก และเกลียดชังเพียงเพื่อให้อารมณ์เกลียดชังได้สำแดงออกมาอย่างสุดขีด  

การก่อการร้าย มิได้ มีรากเหง้ามาจากคำสั่งสอนในศาสนา ข้อกำหนดในวัฒนธรรม หรืออุดมการณ์ทางการเมืองใดๆ ตามที่ผู้ก่อการร้ายได้ยกขึ้นอ้างอิง แต่มาจากอารมณ์ทำลายล้างกับอารมณ์เกลียดชังล้วนๆของผู้ก่อความรุนแรงเอง

ผู้ออกคำสั่งและผู้ลงมือขว้างปาระเบิดร้ายแรงหรือใช้อาวุธสงครามยิงกราดประชาชน คือ คนจิตเสื่อมอย่างบริสุทธิ์ขนานแท้ เพราะคนปกติจะไม่สั่งหรือลงมือก่อภาวะโหดเหี้ยมปานนั้น เนื่องจากจะสามารถมองเห็นภาพสยดสยองคละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือดของเด็กกับผู้ใหญ่ที่กระเด็นล้มตายกันคนละทิศละทาง

ที่น่าขยะแขยงยิ่ง คือ ดร.ฟรอม์มพบว่า ภาวะตายเน่าเปื่อยเสื่อมสลายคือภาวะเดียวที่ทำให้คนจิตเสื่อมมีชีวิตชีวาขึ้นมา ในขณะที่ ความตายจงเจริญ!คือคติพจน์ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคนจิตเสื่อมนี้

โดยธรรมชาติ มนุษย์มีจิตที่อยู่ใน กลุ่มจิตเจริญเติบโต ซึ่งได้แก่จิต รักภาวะมีชีวิต รักชอบผู้อื่น และมีความเป็นตัวของตัวเอง โดยมักมีอยู่ในผู้คนที่เจริญเติบโตมากับผู้ใหญ่ที่มีจิตกลุ่มนี้

กล่าวโดยทั่วไป ผู้คนส่วนน้อยมี จิตรักภาวะตาย หรือ จิตรักภาวะมีชีวิต ล้วนๆ ส่วนมากมีจิตที่ผสมผสานจิตคู่นี้ออกมาเป็นจิตที่รักภาวะหนึ่งใดมากกว่าภาวะอื่น จิตลูกผสมนี้จะ เลือก คิด-พูด-ทำในทางทำลายล้างหรือเสริมสร้างได้เมื่อมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นจิตของอภิมหาเศรษฐีหรือยาจก ไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพใด ก็ตาม

จิตรักภาวะมีชีวิต อาจอ่อนแอลง กลายเป็นจิตรักภาวะตาย ตามปัจจัยทางสังคม 3 ข้อ ดังนี้

(1) ภาวะอุดมสมบูรณ์--ภาวะคับแค้นด้านเศรษฐกิจและจิตใจ ตราบใดที่ต้องใช้พลังงานส่วนใหญ่ในการปกป้องชีวิตให้อยู่รอดจากภาวะอันตรายหรืออดอยากเลือดตากระเด็น ตราบนั้น ผู้คนจะใช้ชีวิตที่อยู่แค่เอื้อมกับ ภาวะตาย ผลก็คือ จิตรักภาวะมีชีวิต จะค่อยๆหดหายไป และ จิตรักภาวะตาย จะโดดเด่นขึ้นมาแทนที่ เราจะเริ่มคิด-พูด-ทำแบบถมึงตึงก้าวร้าวดุดันและยิ้มไม่ออก

(2) ภาวะเป็นธรรม--ภาวะไม่เป็นธรรม ในสังคม เมื่อรัฐบาลและ/หรือทุนนิยมเอารัดเอาเปรียบประชาชน เช่น รัฐบาลส่งเสริมให้คนยากจนใช้จ่ายเงินเกินรายได้ เพื่อสนับสนุนการตลาดของทุนนิยมและให้คนจนยากจนลง เจ้าหน้าที่รัฐกับทุนนิยมร่วมกันโกงกินผลประโยชน์ของราษฎร เป็นต้น ภาวะไม่เป็นธรรมก็จะเกิดขึ้น

ผู้ถูกเอาเปรียบจะเหลืออยู่แต่ชีวิตที่ปราศจากจุดมุ่งหมายของตนเอง กลายเป็นสะพานมนุษย์สำหรับผู้เอาเปรียบก้าวข้ามไปสู่การเอาเปรียบต่อไป และจำต้องใช้ชีวิตอยู่กับความคับข้องใจ  ซึมเศร้า ตลอดจนหมดอาลัยตายอยาก ในที่สุด จิตรักภาวะตาย จะกลายเป็นจิตโดดเด่นขึ้นมา

(3) ภาวะมีอิสระภาพ--ภาวะไร้อิสระภาพ  จิตรักภาวะมีชีวิต จะโดดเด่นขึ้นมาได้ก็จำต้องเป็นอิสระจากกติกาทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรม และเป็นอิสระพอที่จะสร้างสรรค์ เสริมสร้าง สุ่มเสี่ยง และสำรวจตรวจสอบชีวิตตน เพราะอิสระภาพมีเงื่อนไขอยู่ว่า ผู้คนทั้งปวงจักต้องมีส่วนร่วมทางการเมืองและโอกาสแสดงหน้าที่พลเมืองดี ตามรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยขนานแท้

ภายใต้ภาวะไร้อิสระภาพ ผู้คนจำต้องใช้ชีวิตอย่างทาสหรือเฟืองเล็กๆที่หมุนตามเครื่องจักรใหญ่ในสังคมอย่างไร้ศักดิ์ศรีมนุษย์ ก่อให้เกิดความคับข้องใจ ซึมเศร้า หมดอาลัยตายอยาก และเปิดทางให้ จิตรักภาวะตาย เป็นจิตโดดเด่นขึ้นมา

เมื่อได้รับปัจจัยทางสังคมดังกล่าว จิตรักภาวะตาย ก็โดดเด่นขึ้นมา ยังผลให้ผู้คนมี หัวใจ” ที่แข็งกระด้าง โดยสามารถคิด-พูด-ทำ ตลอดจนวางแผนพิฆาตผู้อื่นได้อย่างเลือดเย็นเยือกเข้าไปในกระดูก เพราะมีข้ออ้างตามจิตเสื่อมว่า ความรุนแรงคือวิถีทางที่มีตรรกะและเหตุผลปกป้องตัวที่ฟังขึ้น มิน่าเล่า ยิ้มสยามจึงหาชมได้ยากขึ้นทุกวัน

ในกรณีที่มองเห็นอาการจิตเสื่อมขึ้นมา ผู้คนจะสดุ้งตื่นจากภวังค์ แล้วเริ่มหันเหออกจากพฤติกรรมทำลายพิฆาต ส่งผลให้ จิตรักภาวะมีชีวิต หวนกลับมาทรงความโดดเด่นต่อไปได้อีก สาเหตุที่สดุ้งตื่น เพราะธรรมชาติได้บันทึกความรู้สำนึกในศีลธรรมไว้ที่รหัสพันธุกรรมของทุกคน มิฉะนั้น มนุษย์ก็สูญพันธุ์ไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้คนอาจหลงผิดได้ว่า ตนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในเขตแดนของ จิตรักภาวะมีชีวิต ทว่า จริงๆแล้ว กำลังอยู่กับ จิตรักภาวะตาย เนื่องจากจิตสำนึกกดเก็บความรู้สึกในภาวะตายไว้ที่จิตใต้สำนึก ผลก็คือ ผู้คนจะสวม จิตรักภาวะตาย และพลัดหลงไปจาก จิตรักภาวะมีชีวิต โดยมิรู้ตัว

ผู้ก่อการร้ายระดับชาติหรือส่วนบุคคลคือฆาตกรจิตเสื่อมเดียวกัน ซึ่งมุ่งทำลายล้างและพิฆาตชีวิตด้วยอารมณ์รุนแรงล้วนๆ โดยมิอาจคิดอ่านป้องกันแก้ไขปัญหาทางสังคมได้เลย

ในโลกที่อุดมดัวยสาระพัดวัตถุสิ่งของสำหรับปนเปรอความพอใจในผัสสะที่ไม่มีวันอิ่ม แถมก่อให้เกิดภาวะจิตเสื่อมดังกล่าว ทางออกที่ดีที่สุดได้แก่ พุทธเศรษฐศาสตร์ มิใช่เศรษฐศาสตร์ตะวันตกที่พิสูจน์มาตลอดว่า เป็นกลไกกระจายรายได้ให้กับคนรวย ทำให้คนรวยรวยยิ่งขึ้น บนความยากไร้ของคนจนผู้ไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้เลย

พุทธเศรษฐศาสตร์เน้นการใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ผู้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มิใช่อย่างทาสหรือเฟืองเล็กๆของเครื่องจักรใหญ่ ปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปด เป็นอยู่อย่างพอเพียงตามความสมดุลส่วนบุคคล ปราศจากการเอารัดเอาเปรียบผู้ด้อยโอกาส มีอิสระภาพที่จะมีส่วนร่วมทางการเมืองและเป็นพลเมืองดี ตลอดจนมีวิถีชีวิตดั่งภมรผึ้งที่ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ไปทำรังผึ้งโดยไม่เบียดเบียนดอกไม้เลย.

---------------------

ธนรัตน์ ยงวานิชจิต

[email protected]