'การรอคอย' ของนักลงทุนรายย่อย

'การรอคอย' ของนักลงทุนรายย่อย

ทยอยลงทุนในหุ้น ระยะยาว ได้ประโยชน์ทางภาษี มันคือกลยุทธ์การลงทุนที่ทั้งง่าย และได้ผล เหมาะกับทุกคนที่ต้องการจะเตรียมตัวหาเงินใช้ยามเกษียณ

ขึ้นชื่อว่า 'นักลงทุนรายย่อย' ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน จากประเทศพัฒนาแล้วแค่ไหนเวลาหุ้นปรับตัวลงก็กังวลกันทั้งนั้นต่อให้เป็นประเทศทุนนิยมพัฒนาแล้วที่สุด อย่างสหรัฐอเมริกาก็เถอะ

อย่างหลายปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนีดาวโจนส์ ที่ขึ้นเป็นกระทิงคลั่ง จาก 11,000จุดในช่วงเวลากลางปี 2554มาที่ดัชนี18,000 จุดในกลางปี 2558 … นั่นคือ ผ่านช่วงตลาดขาขึ้นมาอย่างยาวนานถึง5 ปีเต็ม

แต่อนิจจา มา 6เดือนล่าสุด ปลายปี 2558 ถึงต้นปี 2559 มานี้ มันไม่ขึ้นเหมือนก่อน ออกอาการยึกๆยักๆ ขึ้นๆลงๆในกรอบแคบ อารมณ์คล้ายๆตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังปี 2556ที่เคยผ่านขาขึ้นมาอย่างยาวนานติดต่อกันหลายปี แล้วออกอาการป้อแป้ ไม่ขึ้นต่อ
ช่องข่าวการเงินระดับโลกอย่าง CNBC ถึงกับต้องเชิญอาจารย์ปู่วอเรนบัฟเฟตต์ มาสัมภาษณ์ในช่วงต้นเดือนมี.ค. 59 ที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ข้อคิดนักลงทุนกันเลยทีเดียว

สิ่งที่อาจารย์ปู่ บัฟเฟตต์ ให้สัมภาษณ์ ยังคงเรียบง่าย และทรงพลัง ... เขาว่ายังไง? ประเด็นหลักมี 3 ข้อครับ
1. บอกว่า อย่าจ้องตลาดหุ้นให้มากไป(I would tell them don't watch the market closely)
2. ซื้อแล้วถือ คือกลยุทธ์ที่ดีที่สุด (Buy-and-Hold is the best strategy)
3. คนที่เป็นต้นเหตุทำให้ผลตอบแทนคุณแย่ คือตัวคุณเอง...(The only person that caused you bad result in stocks is "Yourself" ) ข้อนี้พอบัฟเฟตต์พูดจบพิธีกรผู้หญิงหัวเราะเลย

นักลงทุนรายย่อยทุกคนบนโลก อยากเห็นราคาหุ้นที่ตัวเองถืออยู่ เพิ่มขึ้นทุกวัน เพิ่มขึ้นทันที เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เหนื่อย ไม่พัก ...คำถามคือ มันเป็นไปได้ในโลกความเป็นจริงหรือ ?แน่นอนครับ มันเป็นไปไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ อาจารย์ปู่บัฟเฟตต์ ถึงได้ แนะนำหลายครั้ง ว่าอย่าจดจ้องตลาดหุ้นให้มากเกินไป เพราะหากท่านเป็นนักลงทุนที่เช็คราคาหุ้นทุกวัน วันละหลายๆครั้ง รีเฟรชหน้าจอรัวๆ ขอบอกว่าการทำเช่นนั้นนอกจากจะไม่ช่วยให้พื้นฐานกิจการดีขึ้นแล้ว ยังทำให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลของตัวท่านเองด้วย อย่าลืมว่าการรอคอยเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน

ผมอยากชวนนักลงทุนลองนึกถึงต้นปี 2559 … เราเริ่มต้นการซื้อขายหุ้นด้วยภาพติดลบ

ตลาดหุ้นไม่ดี เศรษฐกิจไทยไม่ดี ปัญหาการเมือง ภัยแล้ง ส่งออกแย่ การลงทุนไม่เดินเครื่อง และอีกสารพัดปัญหา

ก่อนสิ้นปี เราได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจำนวนมาก ถึงกับให้หลีกเลี่ยงหุ้นไทย จงไปลงทุนหุ้นต่างประเทศนู่นเลย โดยเฉพาะประเทศใหญ่ ที่มี QE เล่นนโยบายดอกเบี้ยถูกได้แต่...กลายเป็นวิ่งไปหาขาลงเพราะข้อมูลอ้างอิงจากเปิดปี ถึงวันที่ 1 มี.ค. 2559 พบว่า NIKKEI ญี่ปุ่น -10.61% , Shanghai Compositeจีน -18.79% , DAX เยอรมัน -8.55%

ในขณะที่หุ้นไทยเรา เมื่อซึมซับข่าวร้ายอย่างเต็มที่ตอนปลายปี ตั้งแต่เปิดปี ถึงวันที่ 1 มี.ค. 2559 ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยกลายเป็นสูงติดอันดับโลกครับ SET +7.1% และหุ้นใหญ่ SET50 ยิ่งดีเยี่ยม +9.38%ทั้งๆที่ตอนปลายปีที่แล้ว ผมเคยเขียนเรื่องลงทุนในLTF RMF ยังโดนตำหนิว่า ปีหน้าหุ้นลงเละเทะแน่ นิ้วโป้งยังจะแนะนำใครไปลงทุน LTF RMF อีกหรือ?

ซึ่งแน่นอนครับ ผมมั่นใจว่าการทยอยลงทุนในหุ้น ระยะยาว และได้ประโยชน์ทางภาษี มันคือกลยุทธ์การลงทุนที่ทั้งง่าย และได้ผล เหมาะกับทุกคนที่ต้องการจะเตรียมตัวหาเงินใช้ยามเกษียณ

เพราะหุ้น ไม่ว่าจะพื้นฐานดีแค่ไหน ก็มิได้ราคาขึ้นด้วยพื้นฐาน (Fundamental) เพียงอย่างเดียว เพราะหุ้นขึ้น ต้องมี 2 ฟัน คือ Fundamental(ปัจจัยพื้นฐาน) และ Fund Flow (เงินต่างชาติไหลเข้า)เพื่อเพิ่มดีมานด์ในการซื้อหุ้น)

เคยได้ยินขงเบ้งพูด (ตอนโจโฉแตกทัพเรือ) เรื่อง 'ทุกอย่างพร้อมพรัก ขาดแต่ลมบูรพา' ไหม?อุปมาถึงการประกอบภารกิจใดภารกิจหนึ่ง องค์ประกอบต่างๆ ได้ตระเตรียมจนพร้อมหมดแล้ว ยังขาดก็แต่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด

Fundamental คือการเตรียมทัพ เราจะจัดทัพลงทุนดีที่สุด เลือกหุ้นพื้นฐานดีที่สุด… Fund Flow ก็คือ ลมบูรพาที่จะพัดพาให้ทัพลงทุนของเรารุดหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งกว่าจะพัดมา นักลงทุนก็ต้องรู้จักรอครับ

Stay Calm Stay Invest …ทำใจให้สงบและลงทุนต่อไป