Mars Effect

ถ้าอยากไปทิศตะวันออก คุณควรเริ่มต้นที่ทิศตะวันตก! นี่คือคำพังเพยของชาวจีน

 มันคล้ายๆ ปรัชญาเต๋าที่ว่า “สรรพสิ่งเคลื่อนที่สู่ด้านตรงข้าม”

คุณคิดว่าโหราศาสตร์เหลวไหลหรือเปล่า? ถ้าคิด คุณมีเพื่อนเยอะทีเดียว แต่คุณกล้าพิสูจน์หรือไม่?  ถ้ากล้า คุณคือคนจำนวนน้อยนิดในโลกแห่งการตามกระแส - โลกที่รู้สึกปลอดภัยเมื่อคุณเดินตามคนจำนวนมาก – โลกที่คุณอยู่รอดได้เมื่อไม่คิด และยอมละทิ้งความเป็นตัวเอง

มิเชล กอว์คิวลิน (Michel Gauquelin : 13 พฤศจิกา 1928-20 พฤษภา1991) คือบุรุษที่กล้าพิสูจน์  กอว์คิวลินเป็นนักจิตวิทยาและนักสถิติชาวฝรั่งเศส เขาสนใจโหราศาสตร์ตั้งแต่เด็ก อายุ 7 ขวบ เขารู้จักราศีที่อาทิตย์สถิต (Sun Sign) อายุ 10 ขวบ พ่อสอนวิธีผูกดวงชะตา อายุ 15 โดดเรียนมาอ่านหนังสือโหราศาสตร์เป็นประจำ อายุ 17 อ่านไปแล้วกว่า 100 เล่ม และเขียนหนังสือของตัวเอง ทั้งยังทายได้แม่นยำด้วย

แต่กอว์คิวลินไม่ปลื้มสักเท่าไร เขากลับตั้งข้อสงสัยในโหราศาสตร์ เขาว่าโหราศาสตร์มีจุดอ่อน 2 จุด คือ (1) ไม่มีการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก (2) ที่แย่กว่าคือ ขาดวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์ความถูกต้องของมัน

อายุ 18 เมื่อเข้าเรียนจิตวิทยาและสถิติที่ ม.ปารีส ด้วยความร่วมมือจากเพื่อนนักเรียน Marie-Francoise Schneider ที่กลายมาเป็นภรรยาคู่ชีวิต กอว์คิวลินเริ่มโครงการวิจัยเพื่อทดสอบโหราศาสตร์ เขารวบรวมข้อมูลกำเนิดและผูกดวงชะตาจำนวนมาก (ด้วยมือ) แล้วตรวจสอบทุกปัจจัย เช่น ราศี ดวงดาว มุมดาว(Aspect) เรือนชะตา (House) ฯลฯ

โครงการเริ่ม 1946 เสร็จสมบูรณ์สิงหา 1954  มันกลายเป็นหนังสือ L’Influence des Astres (The Influence of the Stars) ในปลายปี 1955 กอว์คิวลินวิเคราะห์ตรวจสอบดวงนายแพทย์ นักกีฬา นายทหาร นักการเมือง นักแสดง นักวิทยาศาสตร์ นักบวช จิตรกร  รวมถึง 5,726 ดวง ที่มีทั้งเวลาและสถานที่เกิด นี่เป็นครั้งแรกที่ตีพิมพ์ฐานข้อมูลมากมายขนาดนี้

กอว์คิวลินทำวิจัยเพื่อพิสูจน์ว่า โหราศาสตร์เหลวไหล แต่เขากลับพบ “บางสิ่ง” ที่ทำให้เชื่อมั่นโหราศาสตร์ยิ่งขึ้น กอว์คิวลินพบว่า “ดวงดาว (คือ) จันทร์ ศุกร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ มีผลต่อบุคลิกภาพและอาชีพของบุคคลที่มีชื่อเสียง”  เช่น จันทร์เด่นในดวงนักการเมืองและนักเขียน เสาร์เด่นในดวงแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ

แต่ที่โดดเด่นสุดคือ อิทธิพลอังคารในดวงนักกีฬา กอว์คิวลินวิเคราะห์ตำแหน่งอังคารในดวงนักกีฬาฝรั่งเศสระดับแชมป์ 570 คน เขาพบว่า 355 คน (62%) มีอังคารเด่นในดวง คือใกล้ (และอยู่ข้างหลัง) ลัคน์และทศมลัคน์ ข้อสรุปนี้เรียกกันว่า Mars Effect

Mars Effect สั่นสะเทือนวงการวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากไม่ยอมรับ บ้างว่าฐานข้อมูลจำกัดเฉพาะชาวฝรั่งเศส แต่หลายคน เช่น Professor Dauvillier ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์อวกาศแย้งว่า มันเป็นผลจากขนาดกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เพียงพอ

เพื่อตอบข้อโต้แย้ง กอว์คิวลินทดสอบซ้ำโดยเพิ่มฐานข้อมูลเป็น 20,396 ดวง โดยรวมชาวเยอรมัน อิตาลี เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์เข้าไปด้วย ผลที่ได้เหมือนเดิม เขาตีพิมพ์งานวิจัยนี้เป็นหนังสือ Les Hommes et Les Astres (Men and the Stars) ในปี 1960

งานวิจัยของกอว์คิวลินถูกทดสอบซ้ำอีกหลายครั้ง ปี 1967 คณะกรรมการสอบสวนปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติของเบลเยียม ได้สุ่มตัวอย่างนักกีฬา 535 คน เพื่อทดสอบซ้ำ ผลยืนยัน Mars Effect เหมือนเดิมแต่คณะกรรมการอ้างว่าเป็น Demographic Error และไม่ยอมเผยแพร่ผลทดสอบ จนสมาชิกท่านหนึ่งต้องลาออกเพื่อประท้วง

5 ปีต่อมา กอว์คิวลินเสนอคณะกรรมการฯว่า ให้ทดสอบซ้ำพร้อมกัน และด้วยวิธีการที่เห็นชอบร่วมกัน ผลทั้ง 2 ฝ่ายยังยืนยัน Mars Effect อีก แต่คณะกรรมการก็ไม่ยอมเผยแพร่ผลทดสอบอีกเช่นกัน

ปี 1975 การโต้แย้งลามถึงอเมริกา Marvin Zelen ศาสตราจารย์ด้านสถิติของฮาร์วาร์ด และสมาชิกคณะกรรมการสอบสวนทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ (CSICOP) ทดสอบ Mars Effect ซ้ำอีกครั้ง โดยใช้ Control Group ของเด็กที่เกิดวันเดียวกัน แต่ต่างสถานที่ กับแชมป์นักกีฬา เพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่ใช่ผลของดาว แต่เป็นกับเด็กทุกคนที่เกิดวันนั้น

ผลทดสอบที่ได้ไม่เพียงยืนยันความถูกต้องของกอว์คิวลิน ทั้งยังขจัดประเด็น Demographic Error อีกด้วย แต่ CSICOP ไม่ต้องการเผยแพร่ผลที่สนับสนุนโหราศาสตร์ จึงเปลี่ยนกฎและทดสอบซ้ำต่อ ขณะที่ Dennis Rawlins นักดาราศาสตร์หนึ่งเดียวยืนยันว่า งานวิจัยของกอว์คิวลินเชื่อถือได้ แต่การทดสอบของ Zelen เบี่ยงประเด็นและลดทอน Mars Effect ในหมู่นักกีฬา

เมื่อ CSICOP ไม่ยอมรับกอว์คิวลิน แต่ก็ไม่ชี้จุดผิดพลาด Suitbert Ertel ศาตราจารย์จิตวิทยาแห่ง ม. Gottingen จึงทดสอบซ้ำ ผลคือยิ่งนักกีฬาโดดเด่น Mars Effect ยิ่งชัดเจน เขายังขจัดข้อสงสัยเรื่อง Selection bias ของกอว์คิวลิน และยืนยันความถูกต้องของ Mars Effect

งานของกอว์คิวลินยังถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด โดยนักจิตวิทยาและนักสถิติผู้โด่งดังชาวอังกฤษ Hans Eysenck แม้เริ่มต้นด้วยการจับผิด แต่เขาก็ไม่สามารถค้นพบความผิดพลาดที่ร้ายแรงใดๆ ในวิธีการ สถิติ หรือผลสรุปความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวกับอาชีพ

มิเชล กอว์คิวลิน ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อโหราศาสตร์ ความสงสัยของเขานำไปสู่งานวิจัย 45 ปี ผลลัพธ์คือหนังสือโหราศาสตร์ชั้นดี 12 เล่ม ฐานข้อมูลกำเนิด 30 เล่ม และบทความวิทยาศาสตร์เกือบ 150 ชิ้น เขาคือผู้สร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อวงการโหราศาสตร์

(อ่านฐานข้อมูลกำเนิด 145,228 คนได้ที่ http://cura.free.fr/gauq/17archg.html)

ข้อสรุปที่ว่า “ดวงดาวมีอิทธิพลต่อบุคคลผู้โดดเด่นในแต่ละอาชีพ” ถูกทดสอบและยืนยันผลถึง 34 จาก 35 ครั้ง ซึ่ง 8 ครั้ง ทดสอบโดยนักวิจัยอิสระ แต่วงการวิทยาศาสตร์ก็ไม่อาจยอมรับมัน ยังมีการโต้แย้ง-กล่าวหา-สรุปว่าผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อกอว์คิวลินเสียชีวิตไปแล้ว

แต่ที่แปลกและน่าเสียใจคือ วงการโหราศาสตร์ (ฝรั่ง) ก็ไม่ยอมรับผลงานของกอว์คิวลิน พวกเขาเห็นด้วยว่า ดวงดาวมีผลต่ออาชีพ แต่ตำแหน่งดาวที่กอว์คิวลินค้นพบ กลับขัดแย้งกับทฤษฎีโหราศาสตร์สากล ถ้ายอมรับกอว์คิวลิน ก็แสดงว่าโหราศาสตร์ที่ผ่านมาผิดพลาดนั่นเอง

ตามทฤษฎี ดาวมีอิทธิพลมากเมื่ออยู่ภพ 1 และ 10 แต่กอว์คิวลินพบว่า ดาวนั้นกลับอยู่ในภพ 12 และ 9 ไม่มีใครผิด นี่เป็นผลจากการใช้จักรราศีเคลื่อนที่ (Tropical Zodiac) และการแบ่งเรือนชะตา (House Division) แบบใหม่ของชาวกรีก ที่เปลี่ยนไปจากจักรราศีคงที่ (Sidereal Zodiac) และเรือนชะตาแบบเดิมของชาวบาบิโลเนียและเปอร์เซีย เมื่อราว 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ถ้าเราใช้โหราศาสตร์อินเดีย (และไทย) ที่ยังคงรูปแบบเดิม ตำแหน่งดาวจะอยู่ภพ 1 และ 10 ตรงตามทฤษฎีพอดี  นี่คือ “ปัญจะมหาบุรุษโยค” อันเป็นโยคสำคัญที่ชี้ถึงความสำเร็จสูงส่งในหน้าที่การงานของเจ้าชะตา

ตัวอย่างดวงชะตาที่มี Mars Effect คือ โดนัล ทรัมป์ ลัคน์สิงห์ทำให้ทรัมป์มีความเป็นตัวเองสูงมาก อังคารคือวิศวกรรม อังคารที่กุมลัคน์สนิท ทำให้เขากลายเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ

กรกฎา 58 พฤหัสยกเข้าสิงห์-ทับลัคน์ ทรัมป์มีคะแนนนำ เมื่อถึงพฤศจิกา 59 พฤหัสอยู่กันย์-พ้นลัคน์และเป็นประ-อ่อนแอ อีกทั้งอาทิตย์-จันทร์-ราหูเดิมก็ถูกเสาร์จรกุมเล็ง และถูกคราสเล่นงานหลายครั้ง

มีโอกาสน้อยเหลือเกินที่ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป