ผู้มาเยือน

ผู้มาเยือน

ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Visitor (2008) “ผู้มาเยือน” มีเนื้อหาสาระสะท้อนสังคม เผยวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยได้ชมกันนัก

ผสมผสานด้วยอารมณ์โรมานซ์เล็กน้อย ดูแล้ว น้ำตาคงไม่ถึงขนาดหยดออกจากเบ้าตา แต่อาจไหลลึกอยู่ในหัวใจ นับเป็นภาพยนตร์ที่หาดูได้ยากเรื่องหนึ่ง


“ผู้มาเยือน” เปิดฉายในปี 2551 มีความยาว 105 นาที (PG-13) กำกับการแสดงโดยทอม แมคคาร์ธี่ ผู้มีผลงานดีเด่นมาแล้วในเรื่อง The Station Agent “ผู้มาเยือน” ทำเงินจากโรงฉายได้ 9.2 ล้านดอลลาร์ (ราว 295 ล้านบาท)


ขอเล่าเรื่อง “ผู้มาเยือน” สู่กันฟัง พอหอมปากหอมคอ เพื่อจะได้มีฐานสำหรับทำความเข้าใจกับสาระอันน่าสนใจของภาพยนตร์


“ผู้มาเยือน” เป็นภาพยนตร์ชีวิตที่ไม่มีพระเอกหนุ่มหล่อหรือนางเอกสาวสวยอย่างภาพยนตร์ชีวิตทั่วไป พระเอกแสดงโดยริชาร์ด เจนกินส์ ดารารุ่นเก่า รับบทบาทเป็นพ่อหม้ายวัย 52 ปี สอนวิชาเศรษฐศาสตร์อยู่ที่วิทยาลัยคอนเนคติคัต อยู่ห่างจากมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยรถส่วนตัวราว 1 ชั่วโมง 45 นาที


พ่อหม้ายอาจารย์ ดร.วอลเตอร์ เวล เป็นคนค่อนข้างอนุรักษนิยม แต่ก็ปรับเปลี่ยนใจได้เสมอ ตามที่ตนเห็นควร ภายหลังภรรยายล้มป่วยแล้วจากไป อาจารย์ก็หันมาฝึกเรียนเล่นเปียโนคุณภาพสูงราคาแพงของเธอ ด้วยใจระลึกถึงเธอ ฝึกเรียนกับครูสตรีวัยเดียวกันได้สักพัก ก็ไปลงเอยในรูปแบบที่ไม่ได้ตั้งใจไว้


ชีวิตการสอนของอาจารย์ค่อนข้างจำเจ น่าเบื่อหน่าย หมุนเวียนใช้คำบรรยายเก่าเก็บซ้ำซาก ไร้ชีวิตชีวา โดยมักยืนบรรยายและใช้โสตทัศนูปกรณ์บ้าง ส่วนนิสิตก็นั่งฟังด้วยความเบื่อหน่ายเซ็งสุดๆ ทั้งอาจารย์และนิสิตต่างมีอาการซังกะตาย ต่างทำหน้าที่ใช้เวลาให้ผ่านไปกับการสอนการเรียน เอาตัวรอดไปวันๆ


วันหนึ่ง คณะเศรษฐศาสตร์ได้ขอให้อาจารย์เดินทางไปมหานครนิวยอร์ก เพื่อร่วมประชุมทางวิชาการและแสดงปาฐกถาเกี่ยวกับทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ใหม่ข้อหนึ่งของอาจารย์อีกคนหนึ่ง ซึ่งติดขัดไปไม่ได้ อาจารย์ปฏิเสธคำขอทันที แต่หัวหน้าคณะยืนยันหนักแน่นให้ไป โดยให้อ่านบทปาฐกถาที่เจ้าของทฤษฎีได้เขียนไว้แล้ว ในที่สุด อาจารย์ก็จำยอมไป


ในมหานครนิวยอร์ก อาจารย์มีอพาร์ตเมนต์ที่ซื้อไว้นานแล้ว เมื่อสมัยยังเรียนหนังสืออยู่ ปัจจุบัน นานๆ ครั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจารย์จะขับรถจากวิทยาลัยที่ตนสอนอยู่ไปนอนค้างคืนที่บ้านแห่งที่สองนี้ เพื่อชมละครบรอดเวย์หรือฟังคอนเสิร์ตยอดนิยมในวันรุ่งขึ้น ทว่า การไปเยือนบ้านตัวเองครั้งนี้ อาจารย์ไปพบจุดเปลี่ยนชีวิตตน อย่างที่มิได้คาดฝันมาก่อน


เมื่อไขกุญแจประตูบ้านแล้วก้าวเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ อาจารย์สังเกตเห็นแสงไฟสาดออกมาจากห้องน้ำอย่างผิดปกติ พอแง้มประตูห้องน้ำออก ก็เห็นหญิงสาวผิวดำคนหนึ่ง กำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พอเธอเหลือบไปเห็นชายแปลกหน้ายืนจ้องดูตนอยู่ ก็ตกใจสุดขีด ส่งเสียงร้องกรี๊ดๆ คิดว่ามีคนร้ายมาทำมิดีมิร้าย เสียงร้องกรี๊ดทำให้แฟนหนุ่มของเธอวิ่งออกจากห้องนอน แสดงท่าทุบตีอาจารย์ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ส่วนอาจารย์ก็ทำท่าปกป้องตัวเองเป็นพัลวัน


เมื่อความโกลาหลสงบลง อาจารย์เริ่มชี้แจงแสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มรู้จักกัน ดูเหมือนว่า ผู้ดูแลอาคารอพาร์ตเมนต์หยิบกุญแจผิดห้องให้กับหนุ่มสาวคู่นี้ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ไม่รู้ประสีประสา ทำให้พลัดเข้าไปอยู่ในบ้านของอาจารย์ จะโดยบังเอิญหรือไม่ ก็ตาม


ในแต่ละวัน หลังการประชุมทางวิชาการช่วงเช้า อาจารย์มักไปเดินเล่นที่สวนหย่อนใกล้ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เลยได้พบเห็นคนผิวดำกลุ่มหนึ่ง กำลังตีกลองตามศิลปวัฒนธรรมตนอย่างสนุกสนาน เสียงกลองดังกึกก้องระทึกใจยิ่ง ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา ชายหนุ่มเชื้อสายอาหรับ ผู้เป็นแฟนและอยู่ด้วยกันกับหญิงสาวผิวดำในอพาร์ตเมนต์ตน ก็ร่วมวงตีกลองอยู่ด้วย


ต่อมา อาจารย์ทดลองนั่งตีกลองของชายหนุ่มที่อพาร์ตเมนต์ดู ปรากฏว่า บังเกิดความเสน่หาในดนตรีศิลป์แห่งกลองขึ้นมา ชายหนุ่มก็สอนเทคนิคตีกลองและซื้อหากลองใบใหม่มาให้อาจารย์ฝึกฝน เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นค่าเช่าบ้าน


วันหนึ่ง ขณะที่ชายหนุ่มกับอาจารย์กำลังอุ้มกลองคนละใบ และพยายามก้าวผ่านด่านเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน หลังจากที่ได้ชำระค่าโดยสารแล้ว ในจังหวะนั้น ตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายตรูกันเข้าไปที่ชายหนุ่มทันที และขอดูบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐ แต่ชายหนุ่มไม่มีบัตร เนื่องจากได้เข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย จึงถูกจับกุมตัวไปคุมขังที่สถานีตำรวจทันที


อาจารย์รีบตามไปขอประกันตัวชายหนุ่ม แต่ตำรวจปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าเป็นกรณีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย หากให้ประกันตัวแล้วก็อาจหายตัวได้ อนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ได้เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในมหานครนี้ ตึกระฟ้าฝาแฝดโด่งดังสองหลังชื่อเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกชาวอาหรับหลายคนขับเครื่องบินพาณิชย์สองลำ ชนถล่มจนทรุดหายไป ส่งผลให้ผู้คนในตึกตายทันทีร่วมสามพันคน


แม้ว่าอาจารย์ได้ลงทุนจ้างทนายความไว้ แต่ทนายกลับไม่สามารถแบ่งปันเวลาไปต่อสู้คดีได้ทันกาล ในที่สุด ชายหนุ่มถูกย้ายไปกักขังอยู่ในเรือนจำห่างไกลอย่างรวดเร็ว เพื่อรอการเนรเทศต่อไป ส่วนแฟนสาวต้องรีบย้ายออกจากอพารต์เมนต์ เพราะไม่มีบัตรประจำตัวเช่นกัน


แม้ได้พยายามวิ่งเต้นช่วยชายหนุ่มด้วยตนเองที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหลายครั้ง ในฐานะที่มีสัญชาติอเมริกันโดยกำเนิด อาจารย์ก็พบแต่การปฏิสัมพันธ์ที่เยือกเย็นอย่างยิ่งจากเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่หลังช่องหน้าต่าง จนอาจารย์ระเบิดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวโกรธกริ้วอย่างสุดขีด ส่งเสียงตะโกนดังลั่นใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่ยอมรับรู้และไม่ยอมเข้าใจอะไรทั้งสิ้น โดยถือว่าตนมีหน้าที่ที่จักต้องทำตามระบบระเบียบกฎเกณฑ์ที่มีอยู่เท่านั้น


พฤติกรรมโกรธกริ้วสุดขีดของอาจารย์ นั้น ส่วนหนึ่งมาจากความรู้สึกที่ว่า สังคมที่อาจารย์กำลังใช้ชีวิตเผชิญหน้าอยู่ทุกวันนี้ จริงๆ แล้ว ช่างใจดำอำมหิต ไร้ความชอบธรรม ไร้มนุษยธรรม โดยสิ้นเชิงมาตลอด


อาจารย์มองว่า ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้ คือมนุษย์ปุถุชนทั่วไป แม้ว่าชายหนุ่มได้ทำผิดกฎหมายเข้าเมืองจริง แต่ก็มิใช่อาชญากรเลวร้ายอย่างคนที่ปล้นฆ่าประชาชน จึงน่าจะให้รับโทษาณุโทษตามควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวชายหนุ่มเองก็ถูกทุนสามานย์ในบ้านเกิดตน เอารัดเอาเปรียบ ยึดอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวตนไปอย่างไม่ชอบธรรม จนต้องลี้ภัยทางเศรษฐกิจไปอยู่สหรัฐ


ภาพชีวิตจริงน่าสลดใจที่ระเบิดอยู่ต่อหน้านี้ ส่งผลให้อาจารย์ต้องค้นหา “ความหมาย” ในชีวิตตนใหม่หมด โดยเฉพาะชีวิตการเป็นอาจารย์อันทรงเกียรติและสอนอยู่ในระดับอุดมศึกษามานาน


บัดนี้ อาจารย์เริ่มมองเห็น “ความกรวง” ของชีวิตตนและของสังคม ซึ่งโดยแก่นแท้แล้ว ผูกพันอยู่กับเศรษฐกิจล้วนๆ เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ใจดำอำมหิต ตัวใครตัวมัน ไร้ความชอบธรรม ไร้มนุษยธรรม และสามารถเนรเทศชายหนุ่มให้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนที่ผูกพันอยู่กับเศรษฐกิจล้วนๆ เช่นกัน


ฝีมือกำกับยอดเยี่ยมของนายแมคคาร์ธี่ ได้ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ผู้กอปรด้วยศีลธรรมจริยธรรมของอาจารย์ออกมาอย่างมีศิลป์และด้วยความละเอียดอ่อนยิ่ง เมื่อมารดาแม่หม้ายทรงเสน่ห์เชื้อสายอาหรับของชายหนุ่ม ได้ขึ้นเครื่องบินจากมลรัฐอื่นมาตามหาบุตรถึงบ้านอาจารย์ ด้วยความห่วงใยที่จู่ๆ ก็เงียบหายไปนาน


ทั้งมารดาของชายหนุ่มกับอาจารย์มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองในอพาร์ตเมนต์อยู่หลายวัน ทั้งนี้ ด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดีงามยิ่งจากเจ้าของบ้าน โดยอาจารย์มิได้ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของมารดาชายหนุ่มแต่ประการใด


ช่วงท้ายของภาพยนตร์แสดงภาพอาจารย์นั่งตีกลองอยู่ในสวนหย่อนใจ บางครั้งก็ภายในชานชาลารถไฟฟ้าใต้ดิน ทั้งนี้ แสดงว่าอาจารย์ได้ละทิ้งอาชีพงานสอนอันทรงเกียรติโดยสิ้นเชิง หันมาใช้ชีวิตอิสระ ระบายความหดหู่ใจด้วยการตีกลองอย่างชายหนุ่มที่ถูกเนรเทศ ในขณะเดียวกัน ก็ใช้มาตรการอารยะขัดขืน คือ ไม่ทำการอื่นใดที่จะเป็นการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจในสังคมอีกต่อไป


ภาพยนตร์เรื่อง “ผู้มาเยือน” นี้ ให้คติน่าคิดว่า ชีวิตอันทรงเกียรติ อุดมด้วยปัจจัยสี่ และสะดวกสบาย นั้น จะมี “ความหมาย” อันใด เมื่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกเดียวกันอย่างชายหนุ่ม ผู้มีส่วนเกื้อกูลและรับประโยชน์จากระบบเศรษฐกิจในสังคม ด้วยการทำงานสุจริตเลี้ยงชีพ อุดหนุนสินค้าบริการ ตลอดจนชำระภาษีอากร กลับถูกค่านิยมในวัตถุเงินทองอันเห็นแก่ตัว บดขยี้ทิ้งราวกับเศษขยะชิ้นหนึ่ง


โจทย์ของ "ผู้มาเยือน" คือ ความเป็นมนุษย์เยี่ยง "สัตว์ประเสริฐ" ของพระบรมศาสดาโลก ยังมีหลงเหลือจริงๆ อยู่ในสังคมปัจจุบันอีกเท่าใด?