โอกาสของ SME ไทย ที่ “นครเซี่ยงไฮ้”

โอกาสของ SME ไทย ที่ “นครเซี่ยงไฮ้”

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางไป นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อชมงาน Shanghai Motor Show ซึ่งเป็นงาน Motor Show ที่ยิ่งใหญ่ของจีน

ไปครั้งนี้ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แตกต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วมาก โดยเฉพาะในเขตเมืองใหม่ฝู่ตง ที่มีประชากรอาศัยเกือบ 5 ล้านคน นครเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองสำคัญ 1 ใน 4 ของประเทศจีน มีพื้นที่กว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 20 ล้านคน รายได้สุทธิต่อหัวของประชากรในเมืองเกือบ 30,000 หยวน ในเขตชนบท เกือบ 15,000 หยวน ที่น่าสนใจ คือ รายจ่ายด้านการบริโภคสุทธิต่อหัวของประชากรในเมืองสูงถึง 20,000 หยวน ในเขตชนบทประมาณ 10,000 หยวน

ปัจจุบันมีธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนหลากหลายสาขา โดยเฉพาะกลุ่ม CP ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่เข้าไปบุกเบิกในประเทศจีน โดยได้รับใบอนุญาตประกอบการค้าเลขที่ 0001 โดยโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านเกษตรกรรม และมีธนาคารพาณิชย์เปิดสาขาให้บริการ 2 แห่ง คือธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ในขณะที่เศรษฐกิจบ้านเรายังมีแนวโน้มที่จะชลอตัวออกไปอีกนาน การทำมาหากินลำบาก นครเซี่ยงไฮ้ จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับ SME ไทย ใช้เวลาเดินทางแค่ 4 ชั่วโมง

ปัจจุบันการค้าระหว่างไทยกับนครเซี่ยงไฮ้ มีมูลค่าไม่มาก เฉลี่ยประมาณ 2% ของมูลค่าการค้าทั้งหมด โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยที่มีศักยภาพ

ได้แก่ อาหาร ของตกแต่งบ้าน อัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าและประดับยนต์ ข้าวหอมมะลิของเราเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภครายได้ปานกลางถึงรายได้สูง

ร้านอาหารไทยก็ได้รับความนิยม มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 5 ผลไม้ที่ได้รับความนิยมมาก คือ ทุเรียน มะม่วง มังคุด ลำใย ส้มโอ ส้มเขียวหวาน เงาะ ชมพู่ มะพร้าว มะละกอ เนื่องจากรสชาดดีกว่าผลไม้พื้นเมืองของประเทศจีน

ปัญหาด้านการค้าที่ยังมีอยู่ คือ การแข่งขันด้านราคากับสินค้าของจีน คุณภาพสินค้าไทยที่ยังขาดความสม่ำเสมอ และการขาดความรู้ ความเข้าใจ ด้านภาษา และกฎระเบียบการค้าของประเทศจีน

ธุรกิจของ SME ไทยที่มีโอกาสทางการตลาดสูง

ที่ผมอยากแนะนำในขณะนี้ ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ ปัจจุบันชาวจีนมีฐานะดีขึ้น ให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น นิยมใช้บริการนวดฝ่าเท้า นวดตัว อบตัวและจับเส้น เรามีชื่อเสียงด้านนี้อยู่แล้ว และมีสมุนไพรดอกไม้นานาชนิด ทำให้เรื่องเครื่องหอมของไทยไม่เป็นรองใคร

ผมทดลองเข้าไปใช้บริการนวดแผนโบราณของชาวจีนแล้ว ราคาชั่วโมงละ 300 หยวน คุณภาพยังด้อยกว่าเรามาก ถ้าเราเปิดร้านนวดสุขภาพแบบ Health Land ที่มีมาตราฐานเหมือนบ้านเรา เชื่อว่าจะมีชาวจีนมาเข้าแถวใช้บริการยาวเหยียดแน่นอน

ธุรกิจร้านอาหาร แต่ละปีประชากรชาวจีนใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินในสัดส่วนที่สูงกว่าการใช้จ่ายด้านอื่น ทั้งคนจีนยังนิยมอาหารปรุงรสจากสมุนไพร หรืออาหารบำรุงกำลังต่างๆ สังเกตจากเมนูวิจิตรพิสดารที่ชาวจีนแสวงหา รสนิยมของชาวจีนจึงเข้าทางคนไทย เพราะอาหารไทยแต่ละชนิดล้วนจัดจ้านไปด้วยเครื่องเทศ และสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย

ผมแวะเข้าไปในศูนย์อาหารหลายแห่ง ได้เห็นชาวจีนยืนเข้าแถวเพื่อซื้ออาหารแล้วยิ่งมองเห็นโอกาส ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง
โอกาสทำการตลาดในนครเซี่ยงไฮ้จึงสูงมาก