ศึกเนเธอร์แลนด์ - สเปน : ศึก Total Football - Tiki-taka

ศึกเนเธอร์แลนด์ - สเปน : ศึก Total Football - Tiki-taka

หากพูดถึงพรสวรรค์และความสามารถเฉพาะตัวแล้ว ว่ากันว่า นักเตะดัทช์แห่งดินแดนเนเธอร์แลนด์อาจจะเป็นสองรองเพียงแค่พระเจ้าเท่านั้น

เพราะความครบเครื่องสารพัดประโยชน์สารพัดตำแหน่ง ทำให้นักเตะดัชท์เก่งๆ มักเป็นที่ต้องการของสโมสรยักษ์ใหญ่อยู่เสมอๆ บางครั้งพัฒนากลายเป็นความผูกพันลึกซึ้งเป็นดัทช์คอนเนคชั่นที่มีความหมายมากกว่าเพียงแค่เกมฟุตบอลจนบางครั้งกลายเป็นตำนานเป็นประวัติศาสตร์ให้เล่าขาน

กล่าวในแง่ประวัติศาสตร์แล้ว ไม่มีสโมสรไหนที่จะมีความผูกพันกับดัทช์คอนเนคชั่นลึกซึ้งที่สุดเกินกว่าบาร์เซโลน่ายอดแชมป์แห่งสเปน โดยเฉพาะนับตั้งแต่โยฮัน ครัยฟ์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "นักเตะเทวดา" ของวงการลูกหนังในยุคทองแห่งทศวรรษที่ 70 ประกาศก้องว่า ไม่มีวันที่จะไปอยู่ใต้ร่มเงาของนายพลฟรังโกผู้นำเผด็จการแห่งสเปน ผู้มีอิทธิพลเหนือสโมสรรีล แมดริดอย่างเบ็ดเสร็จในช่วงเวลานั้น

ด้วยเหตุนี้เองการที่ครัยฟ์ตัดสินใจเลือกที่จะไปร่วมทีมบาร์เซโลน่าในปี 1973 ก็คือการประกาศจุดยืนและเลือกข้างที่มีนัยทางการเมือง (ภายในประเทศสเปน) ไม่น้อย เพราะการปฏิเสธรีล แมดริดก็คือการปฏิเสธ "ระบบฟรังโก" ที่ทรงอำนาจเหนือสเปน ณ เวลานั้นนั่นเอง และเลือกที่จะสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ทางการเมืองของแคว้นคาตาลัน ซึ่งมีบาร์เซโลน่าเป็นทั้งศูนย์กลางและสัญลักษณ์อันทรงพลัง

เพราะได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนั้นในระดับระนาบเดียวกับเปเล่ การประกาศเลือกข้างของครัยฟ์จึงมีความหมายมีน้ำหนักทางการเมืองไม่น้อย สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้แก่แฟนๆ ของบาร์ซ่า จนครัยฟ์กลายเป็นฮีโร่เพียงชั่วข้ามคืน

ครัยฟ์ย้ายเข้ามาร่วมทีมบาร์เซโลน่าในปี 1973 โดยมีไรนัส มิเชลส์ บิดาแห่งปรัชญา Total Football เป็นผู้จัดการทีม เป็นดัทช์คอนเนคชั่นรุ่นแรกที่มารอท่าตั้งแต่ปี 1971 การผสมที่ลงตัวระหว่างมิเชลส์และครัยฟ์ มีส่วนสำคัญมากๆ ที่ช่วยทำให้บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลิก้าเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี

ความสำเร็จที่นำมาสู่บาร์เซโลน่าในทันทีทันใดในฤดูกาลแรกนั้น ทำให้ครัยฟ์กลายเป็นเหมือนพระเจ้าในดวงใจของแฟนๆ บาร์ซ่าไปโดยปริยาย แต่ที่ถือเป็นมรดกอันยิ่งใหญ่ก็คือความสำเร็จในการปลูกสร้างและปลูกฝังแนวคิดการเล่นแบบ Total Football จนกลายเป็นปรัชญาและสไตล์ของทีมมาจนถึงปัจจุบันนี้

ส่วนหนึ่งของปรัชญา Total Football ถูกพัฒนามาจากข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ดังนั้น คนดัทช์จึงเรียนรู้ที่จะพัฒนาและใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเมื่อถูกประยุทธ์ให้กลายเป็นการเล่นบนสนามฟุตบอล หัวใจของปรัชญา Total Football จึงถูกพัฒนาให้ขยายต่อยอดบนหลักที่ว่าผู้เล่นแต่ละควรจะต้องเรียนรู้ เข้าใจและมีความสามารถในตำแหน่งหน้าที่อื่นๆ ของเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนและไหลลื่นในแต่ละสถานการณ์ (บนสนามลูกหนัง)

ด้วยเหตุนี้ ตลอดช่วงเวลา 2 ทศวรรษ (ระหว่างปี 1988-2008) สไตล์การเล่นบนหลัก Total Football ได้ถูกถ่ายทอดและฝังรากลึกให้กลายเป็นปรัชญาของบาร์เซโลน่าจากฝีมือและสมองของโยฮัน ครัยฟ์ สู่ฝีมือและสมองของหลุยส์ ฟานกัลป์และแฟรงค์ ไรท์การ์ด ก่อนที่เป๊ป กวาร์ดีโอลาจะพัฒนายกระดับให้บาร์เซโลน่ากลายเป็นสุดยอดสโมสรฟุตบอลที่เกรียงไกรที่สุดในตำนานแห่งประวัติศาสตร์ลูกหนังก็ว่าได้

ปัจจัยสำคัญหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จของบาร์เซโลน่าภายใต้เป๊ป กวาร์ดีโอลาก็คือการพัฒนาอัพเกรดปรัชญา Total Football แล้วสร้างสรรค์ปรัชญา Tiki-taka ขึ้นมาใหม่ โดยปรับเปลี่ยนหลักความคิดที่เน้นการสวิทช์ปรับเปลี่ยนตำแหน่งของนักฟุตบอลบนสนามมามุ่งเน้นการครองบอลเป็นหลัก

หลังจากนั้นทีมชาติสเปนก็นำปรัชญา Tiki-taka มาประยุกต์ปรับใช้จนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลยุโรปสองสมัยติดต่อกันในปี 2008 และ 2012 และที่สำคัญที่สุดก็คือการคว้าแชมป์โลกปี 2010 ในชัยชนะที่มีเหนือทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เจ้าของปรัชญา Total Football

เป็นที่น่าเสียดายว่า ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเมื่อปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ แทนที่โลกลูกหนังจะได้ชมแมทช์คลาสสิคที่สุดนัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก คาดหวังว่าจะเป็นแมทช์ประลองสุดยอดวิชาลูกหนังระหว่างปรัชญา Total Football และ ปรัชญา Tiki-taka แต่ในทางตรงกันข้าม เรากลับได้เห็นแมทช์ที่อักลี่ไร้ความสวยงาม เป็นแมทช์ที่มีใบแดงและใบเหลือง (14) ปลิวว่อนมากที่สุดในประวัติศาสตร์นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก

และเป็นที่น่าเสียดายว่า ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟานกัลจะเปิดศึกแมทช์แรกของฟุตบอลโลกปี 2014 กับสเปนในวันศุกร์ที่ 13 โดยละทิ้งปรัชญา Total Football เพราะตระหนักดีว่า การเล่นในสไตล์ Total Football ยากที่จะเอาชนะสไตล์ Tiki-taka ของสเปนได้

เพราะไม่ว่าจะใช้ปรัชญาหรือสไตล์ไหน และไม่ว่าจะอักลี่หรือสวยงาม สุดท้ายแล้ว ผลสกอร์บนสนามและชัยชนะคือสิ่งที่ความหมายและหอมหวนที่สุด