ศึกครั้งหน้า...รอจำนำข้าว!
"แต่ละฝ่าย ทราบดีว่าปมทุจริตจำนำข้าว คือจุดเปลี่ยนสำคัญของอำนาจ..ไม่แปลกที่ เพื่อไทยและกปปส. นัดจะชุมนุมใหญ่หลังสงกรานต์
เพราะเป็นช่วงที่ทั้งสองฝ่ายประเมินตรงกันว่า จะมีการตัดสินคดีจำนำข้าว จึงจำเป็นต้องระดมกำลังกดดัน"
นอกจากนั้น..คดีจำนำข้าว เป็นอีกปมที่ทหารบางกลุ่มยกมาถกเถียง เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรทำ"รัฐประหาร" เพราะเห็นว่าหากตัดสินใจดังกล่าว อาจจะทำให้กระบวนการยุติธรรมในการเอาผิดรัฐบาล"ยุติ"โดยอัตโนมัติ และกลับมาสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลแทน !
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าว ที่สร้างความเสียหายแล้วมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท แต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สั่งยุติโครงการเพื่อระงับความเสียหายตามอำนาจที่มีในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11(10) อีกทั้งยังยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไป ซึ่งถือเป็นการแสดงเจตนาของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
เพราะสังคมต่างเข้าใจดีว่า เมื่อมติ ป.ป.ช.ออกมาซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นหลังสงกรานต์ จะเกิดคำถามเรื่อง"ความชอบ"ในการดำรงตำแหน่งดังขึ้น
หากผลสรุปออกมาว่า นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบ ก็จะเกิดพลังรุกไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากกลุ่ม กปปส.และหากฝั่งรัฐบาลไม่ยอมรับคำตัดสิน กปปส.หวัง"ความชอบธรรม"ระดมพลังของคนในสังคม เกิดปรากฏการณ์ชุมนุมใหญ่ ขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนฝั่ง พรรคเพื่อไทย ยังคงยืนยันเป้าหมายเดิม ฟ้องสังคม"เลือกปฏิบัติ" เริ่มตั้งแต่เร่งรัดไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ใช้เวลาเพียง 21 วัน แม้ว่า ป.ป.ช.จะพยายามอธิบายว่าใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 1 ปี 10 เดือน รวมถึงความ"ชอบธรรม"ในขั้นตอนพิจารณาต่างๆ
"ความชอบธรรม"..เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่าย จะหยิบออกมาเคลื่อนไหว ขึ้นอยู่กับว่าฝ่าใดจะทำให้สังคมเชื่อได้มากกว่ากัน
แต่มี"ความเชื่อ"..ที่ตกผลึกก่อนหน้านี้แล้วว่า โครงการประชานิยม รับจำนำข้าวที่ทุ่มงบประมาณไปแล้วกว่า 8 แสนล้านบาทนั้นเสียหายไปแล้วเกือบ 50% หรือประมาณ 4 แสนล้านบาท สังคมดูเหมือนจะเชื่อไปพอสมควรแล้วว่า ถึงเวลา"ทบทวน"แต่ที่ผ่านมารัฐบาลกลับ"ดื้อ"ประกาศเดินหน้า
นั้นหมายความว่า ในอนาคตจะกระทบกับฐานะการคลังได้ หากรัฐบาลยังไม่ปรับปรุง ทบทวนโครงการ
ส่วนแรงปะทะทั้งสองฝ่าย จากปมคดีทุจริตจำนำข้าว นำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ ประเด็นน่าสนใจ...เพราะฝั่งหนึ่งพร้อมจะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อที่จะไม่มี"ความผิด"ติดตัว เนื่องจากบทเรียนของอดีตนายกรัฐมนตรี ยังหลอนอยู่ถึงปัจจุบัน
ฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับคดีกับอีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้ดำเนินคดี... เส้นทางที่ไม่บรรจบบทสุดท้ายระทึกยิ่ง"