ตลาดหุ้นเจนวาย

ตลาดหุ้นเจนวาย

ถึงแม้ Gen Y จะยังไม่ได้ยึดครองเศรษฐกิจไว้ทั้งหมด เพราะ Gen Y ที่แก่ที่สุดก็ยังมีอายุแค่ 37 เท่านั้น

แต่ ณ เวลานี้ ก็ถือได้ว่าเข้าสู่ยุคที่ Gen Y ครองโลกแล้ว ในแง่ที่ พวกเขาเป็นจุดศูนย์กลางของสังคมมนุษย์ในเวลานี้แล้ว

แนวคิดแบบ Gen Y เน้นคิดบวก มองโลกในแง่ดี ซึ่งเราจะพบเห็นแนวคิดนี้ได้ทั่วไปตามสื่อในยุคปัจจุบัน พวกเขามองเห็น "โอกาส" ในขณะที่คนรุ่นก่อนๆ มักจะมองเห็น "ความเสี่ยง" ก่อน และการที่มองว่าอะไรก็เป็นไปได้ ยังทำให้ Gen Y มีแนวโน้มจะชอบ "ทางลัด" มากกว่าด้วย (ก็ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปได้ แล้วเราจะเลือกวิธีที่ช้ากว่าไปทำไม) รายการเรียลตี้โชว์ ที่ทำให้คนธรรมดาดังชั่วข้ามคืนได้ เป็นรายการประสบความสำเร็จมากเพราะมันสอดรับกับแนวคิดแบบเจนวายได้เป็นอย่างดี

ฮีโร่ของพวกเบบี้บูมอาจเป็นเด็กวัดเส้าหลิน ที่ยอมหาบน้ำขึ้นเขาอยู่ 10 ปี จนชนะใจอาจารย์ อาจารย์จึงยอมถ่ายทอดวิทยายุทธขั้นสุดยอดให้ แต่ฮีโร่ของเจนวาย นั้นต้องเป็นนักเล่นหุ้นหรือนักอสังหาริมทรัพย์ ที่ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่เขากลับเลือกที่จะไปเสี่ยง แล้วเมื่อโอกาสมาถึง เขาก็กลายเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืนได้ด้วยการปิดดีลแค่ดีลเดียวในขณะที่เพื่อนๆ ของเขาก็ยังเป็นลูกจ้างต่อไป เป็นต้น แนวคิดเรื่อง financial freedom, early retirement, etc. เป็นแนวคิดที่มาแรงมากในยุคนี้

ไม่เพียงแต่นักลงทุนในตลาดหุ้นจะเป็นเจนวายกันมากขึ้นเท่านั้น แต่ผมสังเกตว่า แม้แต่ตัวตลาดหุ้นเองก็ optimize ตัวเอง ให้สอดรับกับความต้องการของเจนวายมากขึ้นด้วย มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ยุคของกรีนสแปนแล้ว เพราะกรีนสแปนใช้ "อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเกิน" เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดีตลอดเวลา โดยให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพต่ำกว่า และถ้ามีฟองสบู่เกิดขึ้นเพราะดอกเบี้ยที่ต่ำเกินไปนั้น กรีนสแปนก็พร้อมจะใช้ดอกเบี้ยที่ต่ำลงไปอีก และหลังจากยุคของกรีนสแปน ตลาดหุ้นก็เสพติดกับการกระตุ้น นโยบายการเงินของเฟดยิ่งไปในทิศทางที่ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้นอีก

ผมมองว่าตลาดทุนยุคนี้เองก็เป็นตลาดทุนเจนวายด้วยเหมือนกัน เพราะการใช้นโยบายการเงินแบบนี้เอื้อต่อการบรรลุเป้าหมายของเจนวายพอดี เพราะถ้าหากเราอยากรวยเร็วๆ นั้น เราก็ย่อมอยากให้ตลาดหุ้นวิ่งตลอดเวลา ถึงจะมีโอกาสสำเร็จสูง ถ้าให้เลือกเจนวายอยากได้ตลาดที่วิ่งตลอดเวลามากกว่าตลาดที่มีเสถียรภาพสูงแต่กี่ปีกี่ปีหุ้นก็ไม่วิ่งเลย เลยกลายมาเป็นคาแรกเตอร์ของตลาดหุ้นในยุคปัจจุบันที่ happy กันทั้งผู้กำหนดนโยบายและนักลงทุน

โดยส่วนตัว ผมค่อนข้างคิดแบบ Gen X อยู่มาก ผมแค่เชื่อเรื่องการออมเงินไว้ในตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้เชื่อเรื่อง financial freedom, early retirement หรือใช้ตลาดหุ้นเปลี่ยนชีวิตเราแบบชั่วข้ามคืนเท่าไรนัก และถ้าเลือกได้ก็ยังอยากเห็นนโยบายการเงินแบบปกติมากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าทุกวันนี้ Gen X ไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของโลกแล้ว โลกและตลาดหุ้นมันหมุนไปตาม Gen Y ตลาดหุ้นแบบนี้มักลงได้ลึกมากอย่างเหลือเชื่ออยู่บ่อยๆ แต่พอลงไปมากๆ แล้วก็จะถูกปั้มหัวใจขึ้นมาใหม่ได้อีกราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นด้วยนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นไปเรื่อยๆ

คนทุกๆ รุ่นมักจะถูกคนรุ่นก่อนหน้าตำหนิในหลายๆ เรื่อง แต่คนรุ่นก่อนคนรุ่นก่อนหน้าก็มักจะตำหนิรุ่นถัดมาไปเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะว่า คนแต่ละรุ่นล้วนซึมซับเอาประสบการณ์ในวัยเด็กของตัวเองมาตั้งเป็นบรรทัดฐาน แต่โลกของเราเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ สิ่งที่ดีที่สุดในแต่ละยุคสมัยจึงมักเปลี่ยนแปลงได้ด้วย แทนที่คน Gen อื่นๆ จะมัวแต่ตัดพ้อว่าทำไมตลาดหุ้นถึงไม่เป็นไปในแบบที่ควรจะเป็นในแบบที่เราคิด เราควรคิดว่า เราจะต้องใช้กลยุทธ์อย่างไร เพื่อให้เราอยู่รอดและบรรลุเป้าหมายของเราได้ในตลาดหุ้นเจนวายมากกว่า เราเป็นแค่จุดเล็กๆ จุดหนึ่งในตลาดหุ้นเท่านั้น คำว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ยังเป็นคำแนะนำที่ใช้การได้ดีอยู่เสมอ