สำเร็จได้ ถ้าใจปรารถนา

สำเร็จได้ ถ้าใจปรารถนา

คนที่จะประสบความสำเร็จและมีผลิตภาพในตัวเองที่สูง จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Passion “แรงปรารถนาในใจ” เป็นแรงขับสำคัญ

จากการเสวนาธรรมกับเพื่อนและรุ่นพี่หลายคนที่เริ่มเบนเข็มชีวิต ลดละเลิกอบายมุขและสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงหยุดการไล่ล่าตามกิเลสและความต้องการไม่จบสิ้น ทำให้ผมซึ่งเป็นคนที่ไม่เคร่งครัดหรือไม่ถนัดเอาเสียเลยกับพิธีกรรมและพิธีการต่างๆทางศาสนา อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนไกลวัดเหมือนคนไทยหลายๆคน แม้ว่าจะเคยบวชเรียนมาแล้วก็ตาม เพื่อนและรุ่นพี่บางท่านแนะนำว่าควรให้ความสำคัญที่วิถีปฎิบัติ และการเจริญสติแบบทุกขณะจิต คือที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดหรือสถานปฎิบัติธรรม ทำให้ผมคิดตามว่าคงเหมือนการออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องเข้าฟิตเนสหรือไปในสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนที่ชื่นชอบออกกำลังกายเสมอไป เพียงแค่เรามีใจและรักษาวินัยที่จะทำมัน แค่มีสถานที่เหมาะๆและเวลาพอควรก็เริ่มได้เลย

จึงเชื่อว่าศาสนา เป็นเรื่องของคุณค่าและความหมาย เพราะถ้าเราเข้าไปลึกๆถึงแก่นแท้ เราจะก้าวพ้นสิ่งที่เป็นรูปแบบ แต่ถ้าเรายังหลงมัวเมาและชื่นชมอยู่กับพิธีกรรมและความเชื่อแบบงมงาย แสดงว่าเรายังติดยึดกับวัตถุและรูปกายภายนอก จึงถือได้ว่ายังไม่ได้เข้าถึงแก่นแท้ของสิ่งที่อยู่ภายใน อาจกล่าวว่าเรามุ่งที่จะเรียนหนังสือ แต่ไม่ได้มุ่งที่จะเรียนรู้ และไม่มีความสำเร็จใดจะเกิดขึ้นจากการพูดหรือภาวนา ความสำเร็จล้วนเกิดขึ้นจากการกระทำอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ และไม่ย่อท้อ แม้ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรคก็ตาม

เช่นเดียวกันคนที่จะประสบความสำเร็จและมีผลิตภาพในตัวเองที่สูงนั้น จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Passion “แรงปรารถนาในใจ” หรือ “ความทะยานอยาก (ในสิ่งที่ดี)” เป็นแรงขับดันสำคัญที่นำพาเราไปสู่อีกจุดหนึ่งซึ่งดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในชีวิต หรือในทางธุรกิจ Michael A. Podolinsky ผู้แต่งหนังสือ Productivity: Winning in Life กล่าวว่า Passion มักมาจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน 5 สิ่งนี้ เรียกว่าระบบสนับสนุน หรือ “The 5 Fs” ประกอบด้วย

Faith ความเชื่อ เมื่อไรก็ตามที่เรามีความเชื่ออะไรบางอย่าง ที่ไม่งมงายแบบไร้เหตุผล สิ่งนั้นมันจะกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และมีอิทธิพลต่อเราในทางกระตุ้นให้เราทำบางอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ สิ่งที่แต่ละคนยึดถืออาจจะเป็นเงินตรา ธรรมชาติ บุคคล หรือวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อใดๆก็ตาม มันทำให้เกิด Passion

Family ครอบครัว เราจะเห็นได้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน พร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะให้ลูกได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย สมอง และทางใจ ถ้าเป้าหมายคือการเลี้ยงลูกให้เติบโตจนมีการศึกษาที่ดีและได้ทำงานที่มีเกียรติ สามารถเลี้ยงชีพตนเองได้แล้ว แรงปรารถนาที่จะให้คนในครอบครัวพบกับความสุขนี้ ก็จะขับดันให้เรามุ่งมั่นตั้งใจทำมัน

Fitness สุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ใครก็ตามที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง จะสามารถนำความทะยานอยากไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะมีผลิตภาพสูงกว่าคนอื่นๆถึงร้อยละ 30 ทีเดียว อย่าลืมว่าถ้าร่างกายไม่พร้อมหรือถึงขั้นเจ็บป่วย ไม่มีทางเลยที่คนคนนั้นจะผลิตงานออกมาได้ดี

Finances การเงิน แม้ว่าบางคนจะปฏิเสธว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ และฉันสามารถจะทำอะไรก็ได้แม้ว่าจะมีเงินเพียงน้อยนิด แต่หลายครั้งเงินก็ช่วยทำให้ฝันที่เราปรารถนาเกิดขึ้นและเป็นจริงได้ง่ายในหลายกรณี เพียงแค่อย่าไปหลุ่มหลงในเงิน ให้อำนาจเงินมาเปลี่ยนแปลงเรา แต่รู้จักที่จะใช้เงินทำสิ่งต่างๆในทางสร้างสรรค์

Friends เพื่อนและคนรอบข้าง ถ้าเราต้องอยู่คนเดียว เรียนหนังสือคนเดียว ทำงานคนเดียว สภาพที่ว่าคงไม่น่าจะทำให้เรามีความสุข และสนุกกับการทำงานหรือใช้ชีวิตให้ดีขึ้นได้ การเป็นคนที่มีคุณค่าในสายตาของคนรอบข้าง ก็เหมือนทุกคนเป็นพลังที่ส่งให้เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้สิ่งที่เรามุ่งหวังประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

ทุกคนมีฝันตลอดเวลา “เราจะไปอยู่ที่ไหน และจะเป็นอะไร” นั่นคือคำถามที่สะท้อนถึงจุดหมายที่คนค้นหา คำถามที่มักจะโดนถามกันเป็นประจำตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก “โตขึ้นจะเป็นอะไร” เมื่อโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น “จะเรียนต่อหรือสอบเข้าคณะอะไร” เมื่อจบการศึกษา “จะทำงานอะไร ทำงานที่ไหน” หรือแม้แต่เมื่อถึงวัยชราก็อาจจะเกิดคำถามขึ้นมาว่า “เกษียณแล้วจะทำอะไร” หรือ “จะใช้ชีวิตวัยเกษียณแบบไหน”

ในหนังสือเล่มนี้นอกจากจะเขียนจากประสบการณ์ของคนที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาพัฒนาตนเอง และสร้างเสริมศักยภาพให้เป็นคนที่มีความก้าวหน้าจนได้รับคำชื่นชมมากมายแล้ว ยังได้ให้ปรัชญา แนวคิด และวิธีการที่เป็นรูปธรรมมาก ภายในเล่มจะมีแบบทดสอบ คำถามให้เราได้หยุดคิดทบทวนถึงตัวเอง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาตนเอง เมื่อได้อ่านและทำตามด้วยการสร้างแรงปรารถนาในใจหรือความทะยานอยากในตัวเรา จากสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือร่วมกันจากระบบสนับสนุนทั้งห้า (The 5 Fs) และพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นถึงระดับใช้การได้ ผ่านการฝึกฝนที่ดี มีการให้กำลังใจที่เหมาะสม และสภาพแวดล้อมที่เอื้อ จะทำให้เรามีศักยภาพและความสามารถที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้นเราจะมีสติ มีความสุข และสนุกกับการพัฒนาตนเอง แค่เราเปิดโอกาสให้ตัวเองได้มีส่วนร่วมทั้งการคิดและการลงมือปฎิบัติ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและประสิทธิผลในงานที่รับผิดชอบ และส่งผลต่อผลิตภาพ (Productivity) ของตัวเราและองค์กรในที่สุด ความสำเร็จจะไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าเราได้ลองทำมัน