ปรับตัวเองสู่การค้า..ระดับโลกแล้วหรือยัง

ปรับตัวเองสู่การค้า..ระดับโลกแล้วหรือยัง

การพัฒนาธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และออนไลน์ของไทย ยังล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านในละแวกเอเชียอย่างมาก

สัปดาห์ก่อนๆ ผมมีโอกาสไปงานเกี่ยวกับบริษัทเปิดใหม่ (Startup) ที่ประเทศอินโดนีเซีย ชื่องาน "Startup Asia Jakrata " และที่สิงคโปร์ ชื่องาน "Echelon 2012" ทั้งสองงานเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ทางด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ (Mobile Application) หรือเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต 

 

มีผู้ประกอบการใหม่ ที่เพิ่งเริ่มสร้างธุรกิจ และนักลงทุน (Investor) ทั้งในรูปแบบนักลงทุนขนาดเล็ก (Angle Fund) หรือนักลงทุนขนาดใหญ่ (Venture Capital) แต่ละงานมีคนมาร่วมมากกว่า 500 คน และเป็นงานที่คนมาจากหลากประเทศทั่วเอเชีย เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กัมพูชา แต่จุดที่น่าสนใจงานนี้ มีคนไทยไปน้อยมาก หรือบางงานอย่างที่ประเทศอินโดนีเซีย ไม่มีคนไทยไปเลย มีกลุ่มของผมเพียงกลุ่มเดียว ฟังดูแล้วค่อนข้างน่าตกใจเลยทีเดียว

 

ลักษณะของงานเป็นสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการนำผู้ที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง รวมถึงการพูดคุยกับนักลงทุนรายใหญ่ๆ ว่าเขามีวิธีการ และหลักการอย่างไรในการให้เงินทุนกับเหล่าบรรดาบริษัทเกิดใหม่

 

ไฮไลต์เด็ดของงาน คือ การเปิดให้เจ้าของธุรกิจหน้าใหม่ ขึ้นไปนำเสนอแผนธุรกิจ (Pitching) กับบรรดานักลงทุนจากต่างประเทศ 5-6 รายบนเวที และเปิดให้ผู้ประกอบการใหม่ ไปร่วมออกบูธแสดงสินค้าและบริการ ซึ่งก็จะมีนักลงทุนจากต่างประเทศมาร่วมชมพูดคุยและหาโอกาสร่วมทุน ขยายธุรกิจ ลักษณะงานจะคล้ายๆ กัน ทั้งที่อินโดนีเซีย และสิงคโปร์

 

จุดที่น่าประทับใจ และตื่นเต้นมากสำหรับคนไทย คือ มีบริษัทไทยที่เปิดให้บริการเว็บไซต์ www.Builk.com มีโอกาสขึ้นไปนำเสนอแผนธุรกิจ และชนะเลิศ ได้รับรางวัลจากงานนี้ไปครอง ทั้งๆ เป็นเพียงบริษัทไทยเพียงบริษัทเดียวที่ขึ้นไปนำเสนอผลงานบนเวที เราชนะหลายประเทศ ทั้งที่บางประเทศมีหลายบริษัทขึ้นไปแข่งขัน ถือเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจสำหรับคนไทยจริงๆ

 

สิ่งที่ผมมองเห็นจากการไปทั้งสองงานนี้ ทำให้เห็นได้ชัดว่า การพัฒนาธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และออนไลน์ของไทย ยังล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านในละแวกเอเชียอย่างมาก 

 

จริงอยู่แม้ว่า เราจะมีผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีออนไลน์ หรือซอฟต์แวร์เกิดขึ้นมามาก ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหรือเอกชนก็ดี ทั้งๆ ที่ดูไปแล้วดูดีมากในประเทศเราเอง แต่เมื่อมองออกไปในภูมิภาคเอเชีย เรายังเป็นรอง หรือแทบจะเป็นอันดับท้ายในสายตาผมของธุรกิจด้านนี้อย่างมาก ปัจจัยเกิดจากหลายอย่างๆ ได้แก่

 

1. เจ้าของธุรกิจของไทยยังเน้นการพัฒนารองรับตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียว ทั้งๆ ที่ประเทศอื่นเริ่มมองถึงการเปิดตลาดไปต่างประเทศแล้ว 2. นักลงทุนของไทย ยังไม่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีออนไลน์มีน้อยมาก ทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนี้เป็นไปได้ช้ามาก 3. เรามีสื่อที่พูดถึงเรื่องพวกนี้น้อยเกินไป ทำให้เจ้าของธุรกิจรู้เรื่อง หรือมองเห็นโอกาสของขยายธุรกิจน้อย ไปต่างประเทศได้น้อยมาก

 

4. ภาษา คือ กำแพงสำคัญที่ทำให้หลายธุรกิจขยายตัวเองออกไปนอกประเทศไม่ได้ 5. เมื่อทั้งหมดประกอบเข้าด้วยกัน มันทำให้ "วิสัยทัศน์ (Vision)" ของนักธุรกิจของไทยมองไม่ไกลเหมือนกับของต่างประเทศ

 

ดังนั้น นักธุรกิจของไทยควรปรับตัวเองให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ที่กำลังเข้ามากระทบกับตัวคุณด้วยการ 1. เปิดหูเปิดตา รับรู้ข่าวสารจากนอกประเทศบ้าง รับข่าวสารจากเว็บไซต์ต่างประเทศในอุตสาหกรรมที่เราทำอยู่ ซึ่งจะทำให้มุมมองการทำธุรกิจของคุณเปลี่ยนไป

 

2. ภาษาอังกฤษ คือ สิ่งจำเป็น ถ้ายังมาอ้างว่ายาก ก็หยุดคิดขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้เลย 3. การเปิดโอกาสหาแหล่งเงินทุนใหม่ๆ นอกเหนือจากธนาคาร หรือสถาบันต่างๆ หากในประเทศเราไม่สน ก็ควรออกไปหานอกประเทศซึ่งมีอยู่มาก

 

4. หากคุณมีเงิน เป็นนักลงทุน ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อย่างเดียวไม่สนุก หรือหันมาลงทุนในธุรกิจใหม่ของไทยดีกว่า เพราะเราจะเติบโตไปด้วยกัน ดีกว่าให้ธุรกิจไทย 

 

5.เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายจากเฉพาะ "คนในประเทศ" เป็น "ตลาดต่างประเทศ" ได้แล้ว 6. ลงมือทำ ในสิ่งที่ทั้งหมดที่คุณได้วางไว้ อย่าปล่อยให้แพลนของคุณ "นิ่ง"

 

ผมว่าจุดที่สำคัญทั้งหมด ที่ผมต้องการให้คนอ่านมาถึงตรงนี้ คือ คุณต้อง "รู้สึกตัว" และเตรียมตัวได้แล้วถึงการมาของการแข่งขันระดับประเทศ การมาของเออีซี ซึ่งจะทำให้การทำธุรกิจของคุณเปลี่ยนไป ผู้ที่ปรับเปลี่ยนตัวเองได้เท่านั้นถึงจะอยู่รอด แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ "คุณต้องอยู่รอด" และ "ธุรกิจของไทยต้องอยู่รอดเช่นเดียวกัน" ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากตัวคุณเองครับ...