Black Panther ซูเปอร์ฮีโรที่คนผิวสีรอคอย

Black Panther ซูเปอร์ฮีโรที่คนผิวสีรอคอย

ทำไม "แบล็ค แพทเทอร์" ถึงเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่คนผิวสีรอคอย ไปพบกันตอบกันได้

“ผมหวังว่าเราทั้งคู่จะคุ้นชินกับสปอตไลท์” ทีชัลลา เจ้าชายแห่งวากานด้า กล่าวระหว่างพบกับ นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ควิโดว์ ใน Captain America: Civil War ไม่กี่ฉากหลังจากนั้น ทีชัลลา ที่โกรธแค้นและเพิ่งกำพร้าหมาดๆ ก็ได้เปลี่ยนจากชุดสูทสีฟ้าไปเป็นชุดกันกระสุนเต็มตัว ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งในฐานะ แบล็คแพนเธอร์ ซูเปอร์ฮีโรคนใหม่ของมาร์เวล

Black Panther หนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องใหม่จากมาร์เวลทำลายสถิติกันตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย ด้วยยอดขายบัตรล่วงหน้าในวันแรกที่เอาชนะ Captain America: Civil War แถมยังเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มียอดขายบัตรล่วงหน้าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติ Batman v Superman: Dawn of Justice และที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือการที่หนังเรื่องนี้แซงหน้าเรื่องอื่นๆ ในเรื่องของการเข้าถึงวัฒนธรรมด้วย

“ผมรอ แบล็คแพนเธอร์ มาทั้งชีวิต” ดีเจเบนฮามีน บอก เขาเป็นผู้จัดรายการ FanBrosShow ที่เผยแพร่ทุกสัปดาห์ผ่านพอดแคสต์

 

black_panther_textless_poster_by_mrwonderworks-dbsf454

 

นับตั้งแต่ Malcolm X ของ สไปค์ ลี เมื่อปี 1992 ก็ไม่มีเรื่องไหนที่จะสร้างความหวังและความตื่นเต้นให้กับเหล่าผู้ชมเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ที่่มีตั้งแต่การนัดรวมกลุ่ม จนถึงแคมเปญรณรงค์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเด็กๆ ก็ดูหนังเรื่องนี้ได้ เมื่อเดือนธันวาคม มีวีดิโอของชายแอฟริกัน-อเมริกัน 2 คน ตื่นเต้นที่ได้เห็นโปสเตอร์พร้อมภาพนักแสดงผิวสีทั้งหมดของเรื่องนี้อย่างมาก และวิดีโอนี้ก็กลายเป็นไวรัล

สิ่งที่ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นในเวลานี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการผสมผสานกันระหว่างผู้กำกับชาวแอฟริกัน-อเมริกัน (ไรอัน คูเกลอร์ จาก Fruitvale Station และ Creed) กับนักแสดงระดับแม่เหล็ก (แชดวิค โบสแมน ไมเคิล บี จอร์แดน ลูพิต้า ยองโง แองเจลา บาสเซ็ตต์ และฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์) รวมถึงเพลงประกอบจากแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง เคนดริค ลามาร์ ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันในหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฮอลลีวู้ด แต่ความน่าตื่นเต้นคือ มันเต็มไปด้วยเรื่องราวต้นกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่ชาวแอฟริกัน

Black Panther เป็นผลงานสร้างสรรค์ของ สแตน ลี และแจ็ค เคอร์บี เป็นซูเปอร์ฮีโรผิวสีคนแรกในการ์ตูนกระแสหลัก เปิดตัวครั้งแรกใน Fantastic Four ตอนที่ 52 เมื่อปี 1973 เขามีช่วงเวลาทั้งขึ้นและลง เคอร์บี้ เป็นคนเขียนเรื่องราวของเขาเป็นส่วนใหญ่ ถูกยกเลิกไปในปี 1979 และกลับมาใหม่ในช่วงปี 1980 ตั้งแต่ปี 2005 - 2009 เขาเป็นตัวละครในซีรีส์เรื่องอื่นๆ ที่เขียนโดย เรจินัลด์ ฮัดลิน ผู้กำกับ Marshall ในปี 2016 ทาเนฮิชิ โคทส์ รับหน้าที่เขียนซีรีส์ใหม่ของการ์ตูนเรื่องนี้ ขณะที่ โจ โรเบิร์ต โคล และ คูเกลอร์ ได้ร่วมกันเขียนบทหนังเรื่องนี้ขึ้นมา

ในหลายๆ ทาง Black Panther ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระแสซูเปอร์ฮีโร่ผิวสีในปัจจุบัน อย่าง ลุค เคจ ของเน็ตฟลิกซ์ และ แบล็คไลท์นิง ของช่องซีดับเบิ้ลยู แต่ Black Panther มีฉากหลังเป็นประเทศวากานด้า ประเทศที่แต่งขึ้นมา มีความมั่งคั่ง ด้วยแร่ไวเบรเนียม มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นๆ ในโลก และไม่เคยเป็นอาณานิคมของใคร

“วากานด้า เป็นยูโทเปียในการต่อสู้ของเรากับการที่คนผิวขาวล่าอาณานิคมและการควบคุมที่ดินของคนผิวสี” เดียร์ดรี ฮอลล์แมน ผู้ก่อตั้งเทศกาลหนังการ์ตูนสำหรับคนผิวสีที่ศูนย์ชอมเบิร์กเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมผิวสี ในฮาร์เล็ม นิวยอร์ก “สำหรับความคิดจิตใจของคนผิวสีแล้ว นั่นเป็นทุกอย่าง มันเป็นความจริงที่ถ่ายทอดผ่านภาพหนัง ที่ทำให้เราได้สำรวจตัวเอง และความคิดที่ว่ามีชุมชนที่ต่อต้านการรุกราน การล่าอาณานิคม สร้างพลังขึ้นได้มาก แม้ว่าจะเป็นชุมชนในหนังก็ตาม”           

สำหรับ เฟรเดอริค โจเซฟ ที่ปรึกษาด้านการตลาดผู้สร้างแฮชแท็ก #BlackPantherChallenge ซึ่งเป็นแคมเปญหนึ่งในเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อซื้อบัตรให้เด็กๆ ได้ดูหนังเรื่องในโรงภาพยนตร์ สิ่งที่จะได้เห็นในวากานด้าเป็นความหมายใหม่ของช่วงเวลาปัจจุบันของเรา เมื่อเทียบกับการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้คำถ้อยคำดูหมิ่นเฮติและชาวแอฟริกัน โจเซฟ กล่าวว่า “คุณมี วากานด้า เป็นดินแดนแห่งอนาคตของชาวแอฟริกัน ซึ่งชนชาติแอฟริกันสามารถเป็น หรืออาจเคยเป็น และจะเป็นดินแดนที่ไม่ตกเป็นอาณานิคมของใคร”

จนถึงตอนนี้ แคมเปญของ โจเซฟ ได้รับเงินบริจาคแล้วมากกว่า 40,000 ดอลลาร์ เพื่อใช้ในการพาเด็กๆ จากชมรมเด็กชายและเด็กหญิงแห่งฮาร์เล็ม (Boys & Girls Club of Harlem) ไปดูหนังเรื่องนี้

 

cb-2

สำหรับเจ้าชายทีชัลลา ตัวตนของ แบล็คแพนเธอร์ ก็ถูกวาดขึ้นมาเช่นกัน โจนาธาน เกรย์ ผู้เขียน Illustrating the Race: Representing Blackness in American Comics ได้อธิบายว่า “ตอนนี้เราก็มีแฟนตาซีสำหรับเด็กชายผิวสีแล้ว เขารวยยิ่งกว่า บิล เกตส์ ฉลาดว่า อีลอน มัสค์ ดูดีกว่า เดนเซล วอชิงตัน เขาเป็นผู้ปกครองของชนชาติที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หนังเรื่องนี้เป็นการเติมเต็มความหวัง เมื่อคุณมองเห็น บรูซ เวย์น มหาเศรษฐีพันล้านแล้วสงสัยว่าเวอร์ชันของคนผิวสีอยู่ไหน - ทีชัลลา ไงล่ะ”

ในแง่นี้ Black Panther เป็นเหมือนการทำลายภาพจำด้านเชื้อชาติด้วย ไม่เพียงแต่เป็นความโหยหาถึงสิ่งที่ควรเกิดขึ้น แต่ยังเป็นการรำลึกถึงสิ่งที่เคยมี

“ผมไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่หนังเรื่องนี้จะปรากฏตัวออกมาในจังหวะที่การเมืองของเราดูไม่มีหนทางที่สามารถหลีกหนีได้” เกรย์ เพิ่มเติมว่า Black Panther ควรได้รับการทำความเข้าใจในแง่มุมทางการเมืองซึ่งการเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมืองและมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับเชื้อชาติได้ถูกทำลายลงไป

สำหรับ มาร์ค เบอร์นาร์ดีน ผู้เขียนการ์ตูนเรื่อง Genius และผู้จัดรายการ Fatman on Batman ทางพอดแคสต์ กับผู้กำกับ เควิน สมิธ บอกว่า “หนังเรื่องนี้เป็นตัวแทนของช่วงเวลาที่เราไม่จำเป็นต้องเช็คข่าวในมือถือทุกวัน หวังว่าโลกจะไม่ลุกเป็นไฟอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ชีวิตของคนผิวสีไม่ถูกลดคุณค่าให้รู้สึกแย่แบบที่เรารู้สึกกันในตอนนี้”

การไปดูหนังเรื่องนี้ได้ถูกตีความเป็นการประท้วงเล็กๆ ในโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย แทนที่ ลาดอว์น เจมส์ วิลเลียมส์ จะบินไปนิวยอร์กเพื่อดูหนังเรื่องนี้กับเพื่อนของเธอจากมหาวิทยาลัยโฮวาร์ด เธอกลับวางแผนที่จะจัดฉาย Black Panther ให้คนในชุมชน ทั้งเธอ สามี ลูกสาววัย 9 ขวบ และลูกชายวัย 7 ขวบจะดูหนังเรื่องนี้พร้อมกับครอบครัวแอฟริกัน-อเมริกันอีกมากกว่า 90 ครอบครัวในพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว

“เราสามารถถอดหน้ากากออกได้” เธอบอก “มันละเอียดอ่อน แต่มีหลายสิ่งแน่นอนที่เราจะได้จากหนังและภาษาที่มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้ ฉันอยากให้นี่เป็นสิ่งที่เราจะทำร่วมกัน ครอบครัวของฉัน ยุคสมัยของฉัน และชุมชนของฉัน”