“9 ศาสตรา” ต้องดูเพราะหนังดี...ไม่ใช่ต้องดูเพราะเป็นหนังไทย

“9 ศาสตรา” ต้องดูเพราะหนังดี...ไม่ใช่ต้องดูเพราะเป็นหนังไทย

"9 ศาสตรา" หนังแอนิเมชั่นฝีมือคนไทยที่ใช้เวลาบ่มเพาะมานานกว่า 4 ปี และทุนก่อสร้าง 200 ล้านบาท เข้าฉายแล้ววันนี้ท่ามกลางกระแสบอกต่อกันปากต่อปากว่าดีจนขนลุก

บอกตามตรงว่าเข้าไปดู 9 ศาสตรา โดยมีอคติอยู่ในใจนิด ๆ ว่าจะเป็นหนังที่ยัดเยียดความเป็นไทยใส่ปากตัวละครมากไปจนทำให้รู้สึกว่าเชยแล้วดูไม่สนุกเหมือนหนังไทยหลายเรื่องที่ผ่านมารึเปล่า

            แต่ปรากฏว่าผิดคาด...เพราะนอกจากจะไม่ยัดเยียดแล้ว....9 ศาสตรา...ยังทำให้เกิดความรู้สึกว่าความเป็นไทยนี่มันช่างเท่ ช่างคูล จนสามารถยืดอกอวดคนทั้งโลกได้เลย รวมไปถึงตัวหนังเองที่ก็ทำให้เราประกาศได้อย่างเต็มภาคภูมิเช่นกันว่า “หนังแอนิเมชั่นไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก”

                                                                  โปสเตอร์_9_ศาสตรา

            9 ศาสตรา เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เกิดจากความรักความทุ่มเทของคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่อยากเห็นหนังที่มีคอนเทนต์แบบไทย ๆ ก้าวไกลในตลาดโลกกับเขาบ้าง แล้วสำหรับเรื่องนี้ คอนเทนต์ที่ผู้สร้างเลือกเอาไว้ก็คือการนำเสนอ “ศิลปะแม่ไม้มวยไทย” ออกไปอย่างสากล

            เนื้อเรื่องของ “9 ศาสตรา” พูดถึงการผจญภัยของ “อ๊อด” เด็กหนุ่มผู้ถูกชะตาลิขิตให้มากอบกู้อาณาจักร รามเทพนคร ให้รอดพ้นอำนาจของ “เทหะยักษา” เจ้าแห่งยักษ์ผู้เข้ามายึดครอง ก่อความทุกข์เข็ญให้กับประชาชน อ๊อด ได้เรียนมวยไทยที่หายสาบสูญไปจากครูมวยอันดับหนึ่งของแผ่นดิน เพื่อเตรียมตัวรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการนำสุดยอดศาตราวุธ “9 ศาสตรา” ไปมอบให้องค์ชายรัชทายาท เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร แล้วตามขนบของหนังผจญภัยแบบนี้ก็คือ ระหว่างทาง อ๊อดได้พบกับเพื่อนพ้องอย่าง “เสี่ยวหลาน” โจรสลัดอากาศสาวงามชาวจีน “วาตะ” ลิงทโมนจอมแก่น “อสูรสีชาด” ยักษ์สีแดงร่างใหญ่ใจดี ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายในการเดินทางไปรามเทพนครที่แตกต่างกัน

 

17(2)

 

หลายคนอาจมองว่าบทหนังดูจะเป็นสูตรสำเร็จไปหน่อยไหม แต่เพราะความเรียบง่ายของโครงเรื่องนี่แหละที่ทำให้ผู้สร้างสามารถสอดแทรกรายละเอียดที่ดีงามหลายอย่างลงไปในเส้นเรื่อง ทำให้หนังมีความน่าสนใจขึ้นมากโข ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอภาพชีวิตแบบไทย ๆ บนเกาะนกแอ่นที่อ๊อดเติบโตมาได้อย่างงดงาม จนมีความรู้สึกราวกับเป็นเกาะสวรรค์ คติความเชื่ออย่างการนับถือพระสงฆ์ การนั่งสมาธิ และการสักยันต์ที่ทำให้อ๊อดดูเท่ขึ้นแบบคูณร้อย ความนอบน้อมถ่อมตน ไม่อาฆาตจองเวรแบบชาวพุทธที่มีอยู่ในตัวอ๊อด แต่พอถึงคราวบู๊แล้วกลับสู้ยิบตาจนทำให้ประโยคที่ว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ผุดขึ้นมาในใจ

ทั้งหมดที่พูดมานี้ถูกใส่เข้าไปแบบพอเหมาะพอดี ไม่ยัดเยียด แต่ทำให้เรารู้สึกถึงมันได้เองจากการดูหนัง (รู้สึกว่ารอยสัก และการเป็นมวยไทยนี่มันช่างเท่, รู้สึกว่าวิถีแบบไทยมันสงบงาม, รู้สึกว่าคนไทยใจดีมีเมตตา)

 

S__10682420

 

S__10682421

 

S__10682424

             อีกเรื่องที่ต้องชมคือการออกแบบคิวบู๊ได้ดีงามราวกับเป็นหนังแอ็คชั่นที่ใช้คนแสดงจริง ไม่ใช่หนังแอนิเมชั่น ซีนต่าง ๆ ที่ออกแบบมาช่วยเสริมให้มวยไทยดูเท่จนเชื่อว่าต้องมีคนคิดไปฝึกแน่ ๆ หลังจากที่ดูหนังจบ

 

S__10682423

          นอกจากนี้ก็มีการออกแบบตัวละครที่มีความลึก และน่าจะทำให้คนดูจดจำ หลงรัก เห็นใจ และอาจจะกลายมาเป็นแฟนคลับตัวละครแต่ละตัวได้ โดยพระเอกอย่าง “อ๊อด” นี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะบทส่งเหลือเกิน ในขณะที่ผิวขาว ๆ และทรวดทรงองค์เอวของ “เสี่ยวหลาน” คงทำให้ชายไทยหันมาเพ้อสาว 3D กันแบบที่เคยเพ้อตัวการ์ตูนในแอนิเมชั่นญี่ปุ่นบ้างหละ อีกตัวก็คือ “พรานทมิฬ” ที่น่าจะมีคนชอบในความเก่ง และเท่ไม่น้อย  

 

9Satra-Character-Ott-Full

 

            9 ศาสตรา เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างกว่า 200 ล้านบาท และใช้เวลาปลุกปั้นกันอยู่นานถึง 4 ปีกว่าจะสำเร็จ (เฉพาะขั้นตอนการเขียนบทอย่างเดียวก็ใช้เวลา 2 ปีครึ่งแล้ว) กำกับโดย ณัฐ ยศวัฒนานนท์ และ กันย์ พันธุ์สุวรรณ อำนวยการสร้างโดย ภูศณัฏฐ์ การุณวงศ์วัฒน์, อภิเษก วงศ์วสุ และ บริษัท เอ็กซ์ฟอร์แมท ฟิล์มส์ จัดจำหน่ายในประเทศไทยโดย บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

            9 ศาสตรา หนังดีที่ควรค่าแก่การไปดูจริง ๆ ไม่ใช่หนังที่สร้างแบบดูถูกคนดูแล้วเอาคำว่า “ช่วยกันสนับสนุนหนังไทยหน่อย” มาร้องขอความเห็นใจ