ทำไม "ระบบวิเคราะห์" คือกุญแจสำคัญ เร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเร็วขึ้น

ทำไม "ระบบวิเคราะห์" คือกุญแจสำคัญ เร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเร็วขึ้น

ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ไว ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ทำได้ไม่ยากด้วย "ระบบวิเคราะห์" บทความนี้จะพาไปไขความรู้สู่แนวทางการเพิ่มคุณค่าให้แก่ธุรกิจ พร้อมขั้นตอนการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกจากการใช้ระบบวิเคราะห์เพื่อเร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเร็วขึ้น

ถ้าจะถามว่าผู้นำธุรกิจได้เรียนรู้อะไรจากช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา คำตอบก็น่าจะเป็นเรื่องความยืดหยุ่นและความคล่องตัวซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในยุค "New normal" เราได้เห็นแล้วว่าอดีตไม่สามารถนำมาใช้คาดการณ์อนาคตได้อย่างน่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว และธุรกิจที่ปรับตัวได้รวดเร็วก็จะสามารถดิสรัปตลาดจนกลายเป็นผู้นำได้

การที่ธุรกิจมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดความยืดหยุ่นซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเติบโตในช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลง และทั้งหมดนั้นก็มาจากข้อมูลนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมากที่สุดเข้าสู่กระบวนการทางธุรกิจที่ใช้ระบบวิเคราะห์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า จากข้อมูลของ McKinsey ผู้นำด้านระบบวิเคราะห์และ AI ถือไพ่เหนือกว่าผู้ที่ล้าหลังถึง 3.4 เท่า ผู้นำต้องรู้ว่าองค์ประกอบใดจะก่อให้เกิดกลยุทธ์อันแข็งแกร่งที่จำเป็นสำหรับอนาคตมากที่สุดเพื่อเร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จด้วยการใช้ระบบวิเคราะห์ 

ใช้ทั้ง 4 มิติช่วยสร้างความคล่องตัวให้สูงขึ้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

มิติทั้งสี่ที่ส่งเสริมให้เกิดความคล่องตัวด้วยการใช้ระบบวิเคราะห์นั้นประกอบไปด้วย บุคคล กระบวนการ เครื่องมือ และข้อมูล ข้อมูลจึงถือเป็นกุญแจสำคัญ เมื่อองค์กรนำพลังของข้อมูลมาประยุกต์ใช้ ทุกคนก็พร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทำงานร่วมกัน และเติบโต แต่การแปลงข้อมูลให้เป็นสินทรัพย์มูลค่าสูงที่เอื้อให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและความคล่องตัวสูงขึ้นนั้นต้องการมากกว่าข้อมูล และมากกว่าแค่ความพยายามที่จะประยุกต์ใช้ไอที

เพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ธุรกิจ ผู้นำธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำเป็นต้องประยุกต์ใช้ไอทีทั่วทั้งสี่มิติ โดยผู้นำธุรกิจจึงถือว่าอยู่ในตำแหน่งพิเศษ เพราะต้องดูแลทั้งมิติด้าน "คน" และ "กระบวนการ" เพื่อผลักดันกลยุทธ์ขององค์กรให้ไปสู่ผลลัพธ์ที่ช่วยพลิกโฉมธุรกิจได้

ระบบวิเคราะห์เปรียบเสมือนโรงกลั่นที่กลั่นข้อมูลให้เป็นคุณค่าทางธุรกิจ 

หากเปรียบข้อมูลเป็นน้ำมันแหล่งใหม่ กระบวนการวิเคราะห์ก็คือโรงกลั่นที่ให้เชื้อเพลิงสำหรับการเติบโตและการยกระดับประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายทั้งหมดของโรงกลั่นนั้นจะมีมูลค่าเท่ากับความสำเร็จของธุรกิจ การใช้ระบบวิเคราะห์ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งแสดงผลลัพธ์ทั้งค่า KPI ค่า OKR หรือตัวชี้วัดผลที่ใกล้เคียงกันกัน จะยิ่งทำให้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่า ชุดข้อมูล เครื่องมือ และชุดทักษะใดที่จะเอื้อให้เกิดข้อมูลเชิงลึกชุดใหม่ ความยืดหยุ่น และความคล่องตัวมากที่สุด

โรงกลั่นควรใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ แมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอัตโนมัติในปริมาณมากได้ และจะทำให้เกิดวงจรอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง McKinsey ตั้งข้อสังเกต ว่า ผู้นำที่ใช้ระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งและโมเดลการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพจะช่วย "เพิ่มมูลค่าที่ได้จากการปฏิบัติการของ AI ได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์"

ประการสำคัญที่เร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องเทคโนโลยีเท่านั้น 

การเป็นผู้นำด้านระบบวิเคราะห์ และ AI จะช่วยสร้างคุณค่าให้เห็นอย่างประจักษ์ชัด จากข้อมูลของ McKinsey ผู้นำถือไพ่เหนือกว่าคนที่ล้าหลังอยู่ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ในด้านการสร้างรายได้จากการดำเนินงานในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ทว่า จากการสำรวจของ NewVantage Partners พบว่า กลุ่มธุรกิจ 92% ที่ตอบแบบสำรวจกำลังใช้จ่ายด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลมากขึ้น มีเพียง 12% เท่านั้นที่รายงานว่าใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งมีแนวโน้มลดลงจาก 14% ในปีก่อนหน้า

แต่ทำไมถึงลดลง? แม้ว่าการถกเถียงเกี่ยวกับ AI และ ML ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เรื่องเทคโนโลยีและทักษะทางเทคนิคที่จำเป็น แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่เท่านั้น ผู้นำธุรกิจก็ควรจะต้องเป็นผู้นำ จากข้อมูลของ NewVantage ความท้าทายในการประยกุต์ใช้ระบบวิเคราะห์เพื่อความสำเร็จทางธุรกิจ "ไม่ได้เกิดขึ้นจากอุปสรรคทางเทคโนโลยี มีเพียงกลุ่มผู้บริหาร 7.5% เท่านั้นที่คิดว่าเทคโนโลยีว่าเป็นความท้าทาย แต่ผู้ตอบแบบสอบถาม 93% ระบุว่าประเด็นเรื่องคนและกระบวนการต่างหากที่เป็นอุปสรรค"

การเร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จด้วยการใช้ระบบวิเคราะห์จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากระดับผู้บริหาร การกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกัน และต้องเปิดรับให้ระบบวิเคราะห์ AI และ ML เป็นกลยุทธ์สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรมในอนาคตด้วย ผู้นำธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำเป็นต้องช่วยกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ และต้องระบุ Use Case ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของตนเองให้มากที่สุด พร้อมทั้งยังต้องสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นมากที่สุดในธุรกิจของตนเองด้วย ดังนั้นธุรกิจแต่ละประเภทจึงไม่สามารถใช้กลยุทธ์แบบเดียวกันได้ 

ลองพิจารณาจาก Use Case ที่เกิดขึ้นจริงสักสองสามกรณี ในอุตสาหกรรมการผลิต บริษัท Hemlock Semiconductor ได้พลิกโฉมธุรกิจของตนด้วยการใช้ระบบวิเคราะห์ ขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นเพื่อก่อให้เกิดรายได้ และสามารถลดรายจ่ายได้หลายล้านดอลลาร์ด้วยการใช้การบริหารจัดการคุณภาพและการลดการใช้พลังงาน

นอกจากนี้ หากลองพิจารณาถึงธุรกิจการเกษตรแล้ว เราเห็นว่า Bayer Crop Science ใช้ระบบวิเคราะห์เพื่อเปลี่ยนข้อมูลภาพที่ได้จากโดรน ข้อมูลที่เกิดขึ้น และการสตรีมข้อมูลให้เป็นแนวทางการทำเกษตรกรรมที่แม่นยำ  ผลลัพธ์ที่ได้ยังรวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน (ปริมาณงานเพิ่มขึ้น 20% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง) ตลอดจนนวัตกรรมสำหรับการดิสรัปชันของตลาด (พืชสายพันธุ์ใหม่สำหรับการทำการเกษตรที่แม่นยำ)

ขั้นตอนต่อไปที่ควรทำ

วิธีการต่อไปนี้เป็นการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกจากการใช้ระบบวิเคราะห์และเร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

  1. ถ้าจะเป็นผู้นำต้องทำให้มากกว่าแค่นั่งโต๊ะบริหาร หากบริษัทของคุณยังไม่มีศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านระบบวิเคราะห์ (Analytics Center of Excellence) หรือฝ่ายที่มีลักษณะคล้ายกันพร้อมด้วยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจซึ่งมีบทบาทความเป็นผู้นำ อาจจะต้องลองกลับไปคิดดูเสียใหม่ เพราะความสำเร็จของการใช้ระบบวิเคราะห์ขึ้นอยู่กับมิติด้าน "คน" และ "กระบวนการ" ที่ต้องใช้การเรียนรู้แบบต่อเนื่องในรูปแบบวงจรปิด หรือที่เรียกว่า Closed-loop Continuous Learning นั่นเอง 
  2. ปรับผลลัพธ์การวิเคราะห์ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ผู้นำธุรกิจควรจะหรือต้องสามารถกำหนดวิสัยทัศน์ ซึ่งถือเป็น Use Case อันทรงคุณค่าที่สุดและเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด ตัวชี้วัดเฉพาะอาจรวมถึงผลลัพธ์ทั้งหมดและอัตรา ROI จาก AI รวมถึงการดิสรัปชันของตลาดและความสามารถด้านนวัตกรรมตลอดจนผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพเฉพาะด้าน
  3. CEO ของคุณต้องพร้อมทุกสถานการณ์ McKinsey ตั้งข้อสังเกตว่า "ซีอีโอมีบทบาทสำคัญในสามด้านหลัก ได้แก่ การตั้งเป้าหมาย การสนับสนุนให้เกิดเป้าหมายและความรับผิดชอบร่วมกัน และการลงทุนในคนและระบบที่มีความสามารถพิเศษ" ดังนั้น CEO จึงจำเป็นต้องสนับสนุนคุณค่าของระบบวิเคราะห์ โอกาสในความสำเร็จจะยิ่งสูงขึ้นด้วยการที่ CEO ต้องเปิดใจและมีภาวะความเป็นผู้นำ หากปราศจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ความสำเร็จก็มิอาจเกิดขึ้นได้

การใช้ "ระบบวิเคราะห์" เพื่อเร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จนับเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาและความอดทน และด้วยความเป็นผู้นำของคุณในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจในการเดินทางครั้งนี้ ความสำเร็จขององค์กรก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว