'70mai Dash Cam M500' กล้องติดรถ กะทัดรัด คมชัด เสถียร ภาพ เสียง การเชื่อมต่อ
กล้องติดรถยนต์กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนในทุกวันนี้ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์มีความสะดวกสบาย ช่วยให้มั่นใจในเรื่องของระบบการรักษาความปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และภาพที่ได้จากกล้องติดรถยนต์ มีส่วนช่วยในหลาย ๆ ด้าน
ความสำคัญของกล้องติดรถยนต์ นอกจากจะรู้ว่าใครผิดใครถูกแล้ว หลายครั้งก็ยังช่วงคลี่คลายปัญหา ที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับรถที่ติดกล้องด้วยซ้ำไป
และมีหลายครัังเช่นกันที่ช่วยให้สามารถาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ เพราะจำนนต่อหลักฐานจากภาพถ่ายและบันทึกเหตุฉุกเฉินจริงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบันกล้องติดรถยนต์มีหลายยี่ห้อนับไม่ถ้วนที่อยู่ในท้องตลาด มีทั้งประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป การใช้งานจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนว่าต้องการคุณภาพระดับไหน ต้องการใช้งานในรูปแบบใด รวมถึงงบประมาณที่มีของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกสินค้ารุ่นไหน ยี่ห้อไหนก็ควรจะมีองค์ประกอบสำคัญที่ต้องนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็น
● คุณภาพของภาพที่ความละเอียด ต้องมีความคมชัดสูงเพราะหากภาพขาดความคมชัด บางครั้งก็จะทำให้เอาไปใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่
● บันทึกภาพได้ต่อเนื่องและมีความเสถียร ภาพต้องนิ่งไม่สั่นขณะบันทึก
● มุมกล้อง ควรกว้างเพียงพอ เพื่อให้เห็นเหตุการณ์มุมที่กว้างขึ้นได้มากที่สุด และยังช่วยลดจุดบอดต่าง ๆ ได้อีก
● การติดตั้งต้องใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
● ความทนทาน ต่อการบันทึกภาพต่อเนื่อง และมีอายุการใช้งานยาวนาน
ตามที่กล่าวมานั้นคือเหตุผลหลัก ๆ ในการเลือกกล้องสักตัวมาใช้งาน
และวันนี้ผมมีกล้อง 1 ตัวที่ได้นำมาลองใช้งานจริง ๆ มาเล่าสู่กันฟัง นั่นก็คือ “70mai Dash Cam M500”
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงสำหรับรุ่นนี้ก็คือ การออกแบบที่ “โดนใจ”
เพราะเป็นกล้องที่มีความเรียบง่าย แต่ดูสวยงาม ตัวกล้องทำจากวัสดุ PC+ABS มีขนาดกะทัดรัด สามารถเลือกตำแหน่งติดตั้งที่ไม่เกะกะสายตา ไม่บดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็นของผู้ขับขี่ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ขับขี่ต้องจัดการให้มีสิ่งรบกวนสายตาให้น้อยที่สุด
เพราะบรรดาค่ายผู้ผลิตรถยนต์ เราก็มักจะได้ยินอยู่เสมอเมื่อมีการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ คุณสมบัติหนึ่งที่มีความสำคัญของการออกแบบคือ ทัศนวิสัย ในการมองเห็น การออกแบบส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นเสาเอ (A Pillar) กระจกมองหลัง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่คอนโซลหน้า ฯลฯ ล้วนสำคัญทั้งหมด
ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นกล้องติดหน้ารถยนต์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่อยู่นอกเหนือการออกแบบของวิศวกรยานยนต์ ก็ไม่ควรจะไปบดบังมุมมองของการขับขี่
สำหรับกล้องตัวนี้ผมเลือกติดในตำแหน่งข้างหลังกระจกมองหลังให้บังได้สนิท ไม่เห็นตัวกล้องเลย หากไม่เห็นสายไฟที่ห้อยลงมา ให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีกล้องอยู่
แต่ว่าสายไฟที่เห็น เพราะว่านี่เป็นการนำมาลองใช้งาน ไม่ได้ติดตั้งถาวร แต่ถ้าเป็นเจ้าของรถที่ติดตั้งถาวรในเซ็ทของ 70mai Dash Cam M500 ที่ให้มาเขามีไม้แซะเปิดร่องมาให้ 1 ชิ้น สำหรับแซะร่องตรงขอบกระจกเพื่อซ่อนสายให้เรียบร้อย ไม่เกะกะสายตา
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นสายไฟที่มากับตัวเครื่องที่ว่าทำไมยาวเหลือเกิน ก็เพราะเขาเผื่อให้ลากอ้อม ซ่อนสายนั่นเอง
สายไฟนี้ด้านหนึ่งเป็นหัวเสียบ USB เอาไว้เชื่อมต่อกับหัวชาร์จที่ให้มาในเซ็ทเช่นกัน เป็นแบบ 2 พอร์ตที่เสียบเข้ากับจุดจ่ายไฟ 12 โวลต์ของรถ ส่วนด้านที่เสียบเข้ากับตัวกล้อง ยกระดับไปอีกขั้นเป็น ไทป์ซี (Type-C)
ส่วนการติดตั้งกล้องในเซ็ทจะให้สติกเกอร์สุญญากาศให้ 2 แผ่น เพื่อติดกับกระจกหน้ารถก่อน จากนั้นจึงค่อยนำแท่นยึดติดกล้องที่ติดกับสติกเกอร์กาว ติดลงไปบนสติกเกอร์สุญญากาศดังกล่าว เผื่อวันหนึ่งวันใดหากต้องการเอาออก จะทำให้ไม่เกิดความเสียหายกับฟิล์มติดหน้ารถ
พูดถึงแท่นยึดกล้องที่ขาสามารถปรับมุมได้ มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ดูแน่นหนาดีมาก ติดตั้งได้ง่าย ๆ ด้วยการเสียบกล้องเข้าไปจะได้ยินเสียง “คลิก” เบาๆ และปรับองศาให้เหมาะสม มุมกล้องก็จะอยู่ในองศาเดิมตลอดเวลา ไม่ว่ารถจะสั่น จะตกหลุมตกร่อง เบรกหนัก ออกตัวแรง ก็ตาม ตำแหน่งของกล้องติดรถยนต์ และมุมภาพ จะไม่เปลี่ยนแปลง
ตรงนี้เป็นเรื่องดีครับ เพราะนอกจากไม่ต้องคอยปรับให้เมื่อยมือแล้ว ภาพวิดีโอที่ได้ยังนิ่ง ไม่สั่นไหว หากต้องจ้องมองภาพนาน ๆ และไม่รู้สึกมึนหัว
ตัวกล้องติดรถยนต์อย่างที่บอกว่ามีความเรียบง่าย สิ่งที่เห็นบนกล้องคือ เลนส์ ช่องUSB-C รูไมค์เล็ก ๆ ปุ่มควบคุมที่มีอยู่ปุ่มเดียว และช่องระบายความร้อน 2 แถวยาวๆ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งทีดี เพราะรู้กันดีว่าตำแหน่งที่กล้องติดตั้งอยู่นั้นต้องเผชิญกับความร้อน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่รถขับเคลื่อน หรือจอดอยู่กับที่ก็ตาม
วิธีการเปิดตั้งง่ายมากด้วยเสียงพูดและคำสั่งจากการกดปุ่ม หรือจะเชื่อมต่อ Wi-Fi ผ่านมือถือก็ได้ โดยมีคำสั่งดังนี้
- กดปุ่ม 1 ครั้ง = เปิดกล้อง / เปิด หรือ ปิด Hotspot
- กดปุ่ม 2 ครั้ง = เก็บบันทึกเหตุการณ์ในเวลานั้น
- กดปุ่ม 3 ครั้ง = ฟอร์เมตการ์ด
- กดปุ่ม 5 ครั้ง = คืนการตั้งค่าจากโรงงาน
- กดปุ่มค้างไว้ 3 วินาที = ปิดกล้อง
แต่จริง ๆ แล้วการเริ่มต้นใช้งานง่ายกว่านั้น เพราะเมื่อสตาร์ทรถแล้ว กล้องที่รับพลังงานไฟฟ้าเข้าไปก็จะเริ่มต้นการทำงานอัตโนมัติ
และแน่นอนความเรียบง่าย และมีขนาดกะทัดรัด ทำให้กล้องตัวนี้ไม่มีมอนิเตอร์ในตัว แต่ไม่มีปัญหาเพราะว่ามีแอปพลิเคชั่น ให้ดาวน์โหลดลงมือถือ และเมื่อเชื่อมต่อ มือถือกับกล้องที่ทำได้ง่าย ๆ แล้ว สามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ หรือ เซ็ทเครื่องจากมือถือได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นการดูภาพแบบ real time
มีฟีเจอร์เฝ้าระวังขณะรถจอดอยู่ (24-Hour Parking Surveillance) ตรวจกับการกระแทกและการชนด้วย G-Sensor โดยกล้องจะบันทึกภาพในช่วงทุกๆ 30 นาที บีบอัดเป็นฟุตเทจในระยะ 1 นาที เพื่อประหยัดพื้นที่หน่วยความจำ โดยความยาววิดีโอ 1 นาที เท่ากับ Time-lapse ระยะเวลา 30 นาที โดยจำเป็นต้องใช้ร่วมกับ Hardwire Kit (ชุดสายไฟสำหรับเชื่อมต่อกล้องเพื่อใช้งาน Parking Mode) ซึ่งมีจำหน่ายแยกต่างหาก
คุณสมบัติเด่น ๆ อีกอย่างของกล้องตัวนี้คือ คำสั่งเสียง ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกของผู้ขับขี่ เพราะไม่ต้องเอื้อมมือไปกดปุ่มที่กล้อง หรือ เปิดใช้แอปพลิเคชั่นในมือถือ เพียงแค่สั่งการด้วยเสียงออกไป ก็สามารถถ่ายภาพบนท้องถนนได้ง่ายดาย โดยที่มือยังอยู่กับพวงมาลัย สายตายังมองไปยังถนน
ระบบจะรับคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่ยากครับ การประมวลผลถือว่ารวดเร็ว เพราะสำเนียงภาษาอังกฤษแบบพอไปได้ของผม ก็ยังคุยกับกล้องรู้เรื่อง
ซึ่งคำสั่งด้วยเสียง ควบคุมหลายฟังก์ชั่น เช่น การถ่ายภาพบันทึกไว้ในอัลบั้ม การบันทึกวิดีโอฉุกเฉิน เปิด-ปิด การบันทึกเสียง ซึ่งโดยปกติแล้วกล้องจะไม่บันทึก เพื่อเป็นการรักษาสิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้าช่วงไหนอยากให้บันทึกก็แค่พูดขึ้นว่า “Enable sound recording” แค่นั้น ถ้าจะปิดเปลี่ยนคำขึ้นต้นเป็น Disable นอกจากนี้ก็ยังสั่งเปิด-ปิด Dash Cam Wi-Fi ได้
ปัจจุบันรถยนต์หลายรุ่นติดตั้งฟังก์ชันเกี่ยวกับความปลอดภัยในการขับขี่ แต่ถ้ารถใครไม่มีกล้องตัวนี้ที่มีระบบ ADAS ใส่มาให้ด้วย สามารถปิดได้ตามที่ต้องการ
เมื่อเปิดใช้มันจะคอยเตือนเป็นเสียงในกรณีที่พบคนเดินเท้า ไม่ว่าจะเดินอยู่ข้างรถ หรือเดินข้ามถนน ระบบจะทำงานที่ความเร็วรถไม่เกิน 50 กม./ชม. ด้วยการทำงานของ GPS ในตัว ทำให้รู้ความเร็วของรถ รวมถึงทิศทางและตำแหน่งของรถแบบ real time
นอกจากนี้ก็ยังเตือนว่ามีคนเดินถนนให้ระมัดระวัง แต่ตรงนี้นิดหนึ่งครับ คือ บางทีระบบก็แยกไม่ออกระหว่างคนเดิน กับคนที่อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นถ้าช่วงไหนที่มีมอเตอร์ไซค์เยอะ ๆ ก็อาจจะเตือนบ่อยครั้ง
และถ้าใครต้องการรู้สถานะแรงดันลมยาง กล้องตัวนี้มีระบบเชื่อมโยงกับตัวตรวจจับแรงดันลมยางภายนอกที่ผู้ใช้รถยนต์สามารถหามาเสริมได้
ในส่วนคุณภาพวิดีโอที่ได้ เลนส์ที่ให้ภาพกว้าง 170 องศา ทำให้เห็นสิ่งแวดล้อมด้านหน้าได้มาก แต่แน่นอนบริเวณขอบ ๆ ของภาพจะเป็นแนวโค้ง เบี้ยว ๆ ไปบ้าง แต่ไม่มีผลอะไรกับภาพรวมครับ
ภาพที่ได้ชัดเจนทีเดียว มองเห็นสิ่งแวดล้อมได้ชัด และที่สำคัญคือ อ่านทะเบียนรถคันอื่นได้ชัด
และจุดเด่นอีกอย่างคือ เมื่อขับขี่ในเวลากลางคืน มองเห็นภาพได้คมชัดเช่นกัน รวมถึงป้ายทะเบียน ซึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับเทคโนโลยี และเซ็นเซอร์รับแสงที่สามารถเกลี่ยแสงได้เป็นธรรมชาติ
ซึ่งจุดนี้เป็นปัญหาที่สำคัญและพบบ่อยที่เจอกับกล้องในหลาย ๆ รุ่น คือ การถ่ายภาพตอนกลางคืนเกี่ยวข้องกับแสง ซึ่งหลายๆ ส่วน มีความสว่างของแสงพอดี แต่การเร่งแสงเพื่อให้ได้แสงพอดีนั้น ทำให้ป้ายทะเบียนที่เป็นพื้นสีขาว ถูกเร่งแสงไปด้วย จนกลายเป็นแสงโอเวอร์หรือแสงจ้า อ่านรายละเอียดได้ไม่ชัดเจน
จุดเด่นอีกอย่างคือกล้องมี eMMC ที่เก็บข้อมูลในตัว ไม่ต้องไปหาเมมโมรีการ์ด มาใส่ โดยมี 3 ขนาดความจุคือ
● 32 GB ราคา 3,290บาท
● 64 GB ราคา 3,590บาท
● 128 GB ราคา 4,690บาท
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ร้าน 70mai official store ใน Shopee หรืออยากไปเลือกดูสินค้าด้วยตัวเองก็มีร้านค้า COM7 3 สาขา คือ BaNANA สาขาเซ็นทรัลพระรามเก้า, BaNANA สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และ Bb BEYOND D-BOX สาขา Mega Bangna
หรือใครอยากจะสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้ ที่ร้าน 70mai official store ลิงค์สั่งซื้อสินค้า https://bit.ly/3GT9Z2J
ทั้งหมดนี้คือภาพคร่าวๆ ของการลองใช้งาน “70mai Dash Cam M500” ที่จัดเป็นหนึ่งในกล้องติดหน้ารถที่น่าใช้ เพราะมีคุณสมบัติหลักๆ ที่ควรจะมีคือ ใช้งานง่าย ไม่เกะกะรบกวนสมาธิ ภาพคมชัด และมีความเสถียรครับ