'MG 5' รถเล็ก ไซส์ใหญ่ เด่นที่ช่วงล่าง
เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยกับการเปิดตัว “เอ็มจี 5” (MG5) ที่โดดเข้าร่วมวงเก๋งเล็ก ในระดับราคาที่แข่งกับ “อีโค คาร์” ทั้งที่จริงแล้ว เครื่องยนต์ของเอ็มจี 5 นั้นอยู่ในกลุ่ม “ซับ คอมแพคท์” และตัวถังต้องบอกว่าขนาดของมัน เป็นรถ “คอมแพคท์ คาร์”
เอ็มจี 5 มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก เริ่มที่ตัวเริ่มต้น ราคาเบาๆ
- รุ่น C 5.59 แสนบาท
- รุ่น D 5.99 แสนบาท
- รุ่น X 6.89 แสนบาท
เป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และใส่ออปชั่นเข้ามามากมายทีเดียว เรียกว่าเป็นจุดขายสำคัญ รวมกับขนาดตัวถังที่กว้างขวางกว่ารถในกลุ่มแข่งขัน
ครับ ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย ทั้งเบาะหน้า เบาะหลัง โดยเบาะออกแบบมาดูสวยงาม และกระชับลำตัว เบาะด้านหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ แต่เสียดายว่าน่าจะออกแบบให้พับแยกส่วนได้
เพิ่มความโปร่งโล่งด้วยหลังคาซันรูฟในรุ่น X ขณะที่การออกแบบต่างๆ ภายในก็ดูดีเช่นกัน ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ควบคุมง่าย แป้นคันเร่ง แป้นเบรก อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ถนัดเท้า
นอกจากความได้เปรียบของขนาดตัวถังแล้ว เรื่องของออปชั่นก็เป็นสิ่งที่เอ็มจีเพิ่มเติมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยปรับน้ำหนักได้ หรือว่าเบรกที่ติดตั้งดิสค์เบรกทั้ง 4 ล้อ ขณะที่คู่แข่งเป็นดิสต์เบรกหน้า ด้านหลังเป็นดรัมเบรก
หรือว่าระบบปฏิบัติ i-SMART ที่มีระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ซึ่งใช้มากับหลายรุ่นแล้วก่อนหน้านี้ แต่กับเอ็มจี 5 เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่เข้ามาคือ กุญแจดิจิตอล (Digital Key) ที่เจ้าของรถสามารถส่งผ่านมายังโทรศัพท์มือถือ ที่มีแอพพลิเคชั่น i-Smart ทำให้สามารถควบคุมรถตามขอบข่ายที่เจ้าของส่งมา เช่น จะให้แค่เปิด-ปิด รถเพื่อหยิบของ หรือว่าให้สตาร์ท-ดับ เครื่องยนต์ได้ เพื่อการขับขี่ใช้งาน และกำหนดระยะเวลาได้ด้วย
การลองขับครั้งนี้ ผมจึงยังไม่เห็นหน้าตาของกุญแจเอ็มจี 5 เพราะทางเอ็มจี เขาส่งโค้ดแบบนี้แหละมาให้ผมแทน ซึ่งก็สะดวกดีครับ ใช้งานไม่ยากจากมือถึอของเราเอง
ส่วนออปชั่นเด่นๆ กับรุ่น X ที่ผมลองขับครั้งนี้ ก็เช่น ไฟหน้าและไฟท้ายแอลอีดี ระบบเปิดปิดอัตโนมัติ ปลายท่อไอเสียคู่เพื่อความสวยงาม สปอร์ต (ท่อจริงข้างเดียว) และล้ออัลลอย 16 นิ้ว
ภายในวัสดุหลายส่วนเป็นแบบผิวสัมผัสนุ่ม (Soft touch) เบาะหุ้มหนัง ฝั่งผู้ขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปรับด้วยมือ ได้ 4 ทิศทาง
หน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ทีเดียว 10 นิ้ว เชื่อมต่อ โทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ช่องเชื่อมต่อยูเอสบี 3 ตำแหน่งระบบปรับอากาศดิจิทัล ช่องแอร์สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ มาตรวัดดิจิทัล ที่แสดงผลหลากหลายให้เลือกเอา มีแม้กระทั่งวัดแรงจี
ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (EBA) ระบบ ออโต้ เบรกโฮลด์ หรือการป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง และไม่ต้องปลดเกียร์ว่าง หรือใส่เกียร์ P
ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ ซึ่งแสดงภาพได้ชัดเจน ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน เป็นต้น
สำหรับการลองขับครั้งนี้ เป็นการลองในพื้นที่ปิด อาจจะยังตอบคำถามในบางเรื่องไม่ได้ แต่ขณะที่บางเรื่องก็สามารถเรียนรู้จากมันได้เยอะทีเดียว
เพราะเป็นการลองในศูนย์ “เอ็มจี ไดรฟ์วิง เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์” ถนนศรีนครินทร์ ที่เอ็มจีสร้างขึ้นไว้รองรับลูกค้า หรือตัวแทนจำหน่ายที่ต้องการมาลองรถ
แทรคที่ช่วงทางตรงไม่มากนัก ดังนั้นเรื่องของการทำความเร็ว หรือ อัตราเร่ง คงยังบอกได้ไม่เต็มที่นัก แต่ก็พอจะจับอารมณ์ได้บ้างว่า อัตราเร่งในช่วงออกตัวพอใช้ได้ ไม่ได้จี๊ดจ๊าดนัก อัตราเร่งช่วงกลางๆ ก็พอได้เช่นกัน โดยดูจากช่วงการขับสลาลอม ในจังหวะผ่อนและเติมคันเร่ง รวมถึงช่วงเติมคันเร่งออกจากโค้งที่มีอยู่หลายโค้งในแทรค
แต่ว่าจะได้รู้แน่ชัด คงต้องรอหบังจากนี้กับการขับขี่บนถนนจริงๆ อีกครั้ง
- เครื่องยนต์ ……………. เบนซิน 1,498 ซีซี
- กำลังสูงสุด……………. 114 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด………….. 150 นิวตันเมตร/4,500 รอบต่อนาที
- เกียร์…………….……... ซีวีที 8 สปีด
- ช่วงล่างหน้า…………… อิสระ แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
- ช่วงล่างหลัง…………… ทอร์ชั่นบีม
- เบรกหน้า/หลัง…………ดิสค์เบรก
- ยาวxกว้างxสูง………… 4,675 x 1,842 x 1,473 มม.
---------------------------------------------------
แต่สิ่งที่ได้รับรู้จากแทรคในครั้งนี้ คือเรื่องความคล่องตัวกับการขับขี่ที่ต้องซอกแซกไปมา การควบคุมรถ และการยึดเกาะถนน
ซึ่งต้องบอกว่า เอ็มจี 5 ทำออกมาได้ทีเดียวครับ เริ่มตั้งแต่จุดแรกกับการลองเปลี่ยนเลนกะทันหัน 2 จังหวะ คือ โยกหลบ แล้วโยกกลับมาเลนเดิม โดยไม่ต้องใช้เบรก รถทรงตัว จัดระเบียบได้ง่าย และที่เห็นอีกอย่างกับจุดนี้คือ การโยนตัวของตัวถังมีน้อย ช่วยให้ประเมินอาการของรถได้ง่ายขึ้น
กับเส้นทางสลาลอมหรือการขับขี่ซอกแซกไปมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นรถที่คุมง่าย และคล่องตัว สามารถเข้า-ออก ผ่านกรวยต่างๆ ได้ไม่ยาก แน่นอนก็มาจากเรื่องของช่วงล่าง และการโยนตัวที่น้อย นั่นเอง
กับหลายๆ โค้งในแทรค ผมลองส่งรถเข้าไปด้วยความเร็วไม่น้อย จนได้ยินเสียงยางที่เริ่มทะเลาะกับผิวถนน แต่การทรงตัวของรถยังทำได้ดี จุดนี้ถือเป็นจุดเด่นที่ผมยกให้ เอ็มจี 5 ครับ เพราะการเข้า-ออกโค้งทำได้รวดเร็ว
และเมื่อเติมความเร็วมากขึ้นจนรถออกอาการทั้งอันเดอร์สเตียร์ และโอเวอร์สเตียร์ จุดเด่นที่รับรู้ได้คือ มันแก้อาการค่อนข้างง่ายครับ แก้แบบสบายๆ ไม่เครียด แค่คืนองศาพวงมาลัยเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ยิ่งถ้ารู้จังหวะดีแล้วต้องบอกว่ามันเป็นรถที่ขับสนุกในเส้นทางแบบนี้เลยครับ จึงไม่ต้องแลกใจที่ผมจะวนไปวนมา กี่รอบก็ไม่ได้จำ จนรู็สึกว่าชักจะเหนื่อย จึงยอมลงจากรถ
นี่ถ้าหากว่าได้พวงมาลัยที่น้ำหนักมากกว่านี้อีกสักหน่อย จะยิ่งสนุกมากขึ้น แต่โดยรวมก็ถือว่าน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ซึ่งเอ็มจี 5 มีความโดดเด่นจากรถในตลาดนี้อีกอย่างหนึ่งคือ พวงมาลัยกำหนดน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือ คอมฟอร์ท สำหรับการขับขี่ในเมือง หรือขึ้น-ลง เข้าออกที่จอดรถ เบามือเบาแรง ขับสบาย หรือจะเลือกอย่างกลาง คือ นอร์มอล แต่ถ้าต้องการขับขี่เร็ว หรือ ลุยป่าลุยเขาลุยโค้ง ก็เลือกแบบ สปอร์ต
แต่ที่น่าจะใส่มาด้วยคือ การปรับพวงมาลัย เข้า-ออก ทำม่ได้ปรับได้แค่สูง-ต่ำ เท่านั้น
โดยรวมกับการขับขี่ในแทรค ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของเส้นทาง แต่ไม่จำกัดในเรื่องของเวลา ทำให้ได้คำตอบที่ชัดว่า จุดเด่นคือการทรงตัว การยึดเกาะถนน ช่วยให้ขับได้สนุก และไม่เครียดกับเส้นทางแบบนี้ครับ