เชื่อสภาพคล่องไตรมาส2 ดันตลาดรถพ้นจุดตกต่ำ

เชื่อสภาพคล่องไตรมาส2 ดันตลาดรถพ้นจุดตกต่ำ

ค่ายรถประเมินตลาดไตรมาสแรกยังซึม คาดไตรมาสสองกระเตื้อง เหตุเริ่มเห็นสัญญาณบวก ดันตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ฟื้น

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดรถยนต์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ว่า จะเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องด้วยปัจจัยบวกต่างๆ เช่น นโยบายทางการเงินของรัฐบาล การลดดอกเบี้ยนโยบาย จะช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือน ทำให้เกิดสภาพคล่องมากขึ้น การใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้น การส่งออกที่น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น


ขณะที่ปัญหาใหญ่ของตลาดรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมาคือ ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อ อย่างไรก็ตามความเข้มงวดนั้นขึ้นกับลักษณะของลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจเช่าซื้อ โดยค่ายรถก็จะต้องพยายามหาทางแก้ไข เช่น การเข้าหากลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม การทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายกับลูกค้ามากที่สุด รวมทั้งการมอบข้อเสนอแคมเปญที่ช่วยให้เกิดความเหมาะสมและสะดวกในการออกรถ


อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดจะฟื้นตัวได้ นอกจากองค์ประกอบด้านเศรษฐกิจ หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบันตัวสินค้าก็มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคมีทางเลือกมากทั้งด้านผลิตภัณฑ์และข้อเสนอต่างๆ โดยจะให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อรถยนต์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานและความคุ้มค่าเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะผ่านเข้าสู่จุดที่เริ่มของการฟื้นตัว


นายธีร์ ยังกล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดปัจจุบัน รถในกลุ่มซับคอมแพ็คคาร์หรือรถซิตี้คาร์เป็นกลุ่มใหญ่ที่แนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากเป็นรถที่ตอบสนองความต้องการในการใช้งาน โดยรถซิตี้คาร์ในปัจจุบันถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง และการประหยัดน้ำมัน รวมถึงราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้คนส่วนมากและความเหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจ
ขณะที่รถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และรถสปอร์ตอเนกประสงค์ขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ เอสยูวี เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยก่อนหน้านี้ เป็นตลาดที่ความต้องการมีเสถียรภาพ


ส่วนรถปิกอัพทั้งในกลุ่มที่ใช้ในเชิงพาณิชย์และใช้เป็นรถส่วนตัว จะมีการแข่งขันกันสูงมากเนื่องจากคู่แข่งขันในตลาดมีเป็นจำนวนมาก ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย


ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ช่วงไตรมาสแรกยังไม่ดีนัก แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวบ้าง เช่น ในส่วนของซูซูกิ ที่พบว่าตั้งแต่ต้นปียอดขายปรับตัวดีขึ้น และยังพบว่าปัจจุบันความต้องการซื้อของผู้บริโภคยังมีอยู่สูง แต่มีปัจจัยลบคือกำลังซื้อยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร จากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังตกต่ำ รวมถึงความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่ทำให้สัดส่วนผู้ไม่ผ่านอนุมัติสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาในภาพรวมสูงถึงประมาณ 40%


นายวัลลภกล่าวว่า สิ่งที่สะท้อนกำลังซื้ออย่างหนึ่งของกลุ่มเกษตรกร เช่น ปิกอัพ 1 ตัน ซึ่งเกษตรกรใช้มาก ชะลอตัว ขณะที่รถอย่างซูซูกิ เอพีวี ซึ่งเป็นรถสำหรับบรรทุกเช่นกัน แต่ตลาดไม่ใช่เกษตรกร เป็นกลุ่มผู้ที่มีอาชีพค้าขาย ปรากฏว่าตลาดยังเดินได้ด้วยดี


เขายังกล่าวว่า กำลังซื้อที่ถดถอยเป็นสาเหตุทำให้ยอดขายรถยนต์ลดน้อยลง แต่ไม่ใช่ความต้องการซื้อหายไปจากตลาด ดังนั้นเชื่อว่าหากมีสินค้าที่สามารถตอบสนองได้ มีข้อเสนอที่ดีตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ก็เชื่อว่าจะทำให้ตลาดฟื้นตัวได้เช่นกัน


สำหรับภาพรวมตลาดในปีนี้ เชื่อว่าจะทำได้ไม่ถึง 9 แสนคัน แต่ก็เป็นตัวเลขที่ไม่สร้างความแปลกใจ หรือความกังวลให้กับตลาด และเชื่อว่าทุกค่ายก็คงประเมินใกล้เคียงกัน และยืนยันว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดในภาวะปกติก่อนที่จะมีโครงการรถคันแรก ซึ่งตลาดอยู่ในระดับ 7 แสนคัน ก่อนจะขึ้นมาสู่หลักล้านจากการมีตัวเลขของรถคันแรกเข้าไปรวมด้วย


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เชื่อว่าตลาดรถยนต์ไตรมาส 2 จะปรับตัวดีขึ้น หลังจากภาครัฐเร่งการลงทุน รวมถึงภาคเอกชนที่เริ่มลงทุนมากขึ้นเช่นกัน เห็นได้จากยอดขายปิกอัพ และรถบรรทุกเริ่มปรับตัวดีขึ้น บ่งบอกถึงความต้องการรถสำหรับการใช้งานที่ขยายตัวและจะช่วยขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นในอนาคต