'รถมือสอง'พลิกเกมสู้ตลาด

'รถมือสอง'พลิกเกมสู้ตลาด

ผู้ประกอบการ "รถมือสอง" พลิกกลยุทธ์ ผนึกเครือข่ายลดต้นทุน- สร้างอำนาจต่อรอง"ไฟแนนซ์" หลังเข้มงวดสินเชื่อ

"อีโคคาร์ -รถคันแรก" ฉุดราคาร่วงหนักต่อเนื่อง 3 ปี ประเมินราคารถมือสองในตลาดเริ่มนิ่ง ขณะที่พ่อค้าเจนวายเข้าขับเคลื่อนตลาด คาดหลังกลางปีนี้ ธุรกิจเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ค่ายรถเชื่อปีนี้ตลาดโต 10% ได้ปัจจัยบวกสถานการณ์การเมืองนิ่ง รายได้ต่างจังหวัดเพิ่ม ลดแคมเปญแรง ชี้ไร้แรงกระตุ้น

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปี 2555-2557 โครงการอีโค คาร์ และโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ส่งผลต่อโครงสร้างราคารถมือสองอย่างมาก โดยทำให้ระดับราคารถมือสองทรุดต่ำลงต่อเนื่อง ผู้ค้ารายเล็กขาดทุนจากสต็อก ไปจนถึงการบอกเลิกกิจการ ขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่ความสามารถในการทำกำไรลดลง นอกจากนี้ยังทำให้วงจรอื่นๆ ของตลาดได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรถเช่า รถฟรีด ไฟแนนซ์ และตลาดประมูลรถ

นายเชาวลิต กาญจนนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ยอมรับว่า ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2555 เริ่มมีปริมาณรถยึดจากโครงการรถคันแรกเข้าสู่ตลาดมือสอง ราคาเริ่มผันผวนหนักโดยเฉพาะปี 2557 จนกระทั่งเริ่มมีพ่อค้าคนหนุ่มรุ่นใหม่ เข้ามาซื้อรถเก็บเข้าพอร์ต แทนพ่อค้าดั้งเดิม

ส่วนตัวเชื่อว่ามีส่วนช่วยให้ตลาดรถมือสองมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากปริมาณรถเข้าสู่ตลาด ถูกกระจายออกไป ลดแรงกดดันภาวะที่เต็นท์ไม่ซื้อรถยนต์

โดยเชื่อว่าตลาดรถมือสองเมื่อผ่านกลางปีนี้ไปแล้วน่าจะเริ่มนิ่ง เหตุผลหนึ่งเกิดจากไฟแนนซ์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่เคยเกิดขึ้น ถือเป็นการลดปริมาณรถใหม่ ที่จะเติมเข้าในตลาดมือสอง ทำให้สถานการณ์ราคาเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ

"ผู้ค้าเจนวาย"หนุนตลาดรถมือสอง

แหล่งข่าวจากผู้ประการการรถมือสอง กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า แนวโน้มที่เชื่อว่าตลาดรถมือสองจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติอีกครั้ง ส่วนหนึ่งมาจากการเข้ามาบริหารสมาคม ยุคที่สองของกรรมการ ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว กรรมการชุดใหม่ประกอบไปด้วยคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่มาจากผู้ค้ารายใหญ่จากต่างจังหวัด

"กรรมการบริหารชุดใหม่ ล้วนเป็นคนหนุ่ม มีฐานตลาดอยู่ในกรุงเทพฯ กลุ่มพ่อค้าคนหนุ่มไฟแรงเหล่านี้ นำแนวทางการบริหารเชิงกลยุทธ์เข้ามา เพื่อช่วยหาทางออกให้ธุรกิจโดย เน้นไปที่การสร้างเครือข่าย เชื่อมโยงกันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ สมาชิก ด้วยการลดต้นทุน ไม่แข่งกันเองในตลาด ยังเชื่อมโยงไปถึงความร่วมมือลดภาระทางการเงิน เช่น การผนึกกำลังต่อรองกับซัพพลายเออร์ การรวมกลุ่มเพื่อลดต้นทุนสินค้า และจัดหาเงินทุนสำหรับรถยนต์ใช้แล้ว"

แหล่งข่าว กล่าวว่าช่วงนี้สมาคมฯพยายามสร้างอำนาจต่อรอง กับซัพพลายเออร์ในตลาดเพื่อซื้อรถเข้าพอร์ต โดยเฉพาะตอนซื้อรถในตลาดประมูล ซึ่งเป็นตลาดค้าส่ง สมาชิกฯที่รวมตัวกันจะไม่แย่งซื้อ ตัดราคากัน การรวมตัวทำให้สามารถต่อรองกับผู้ให้บริการทางด้านการเงิน และบริษัทไฟแนนซ์ได้มากขึ้น ที่ผ่านมารถมือสองได้รับผลกระทบจากการที่ไฟแนนซ์เข้มงวด เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าสูงกว่ารถใหม่ป้ายแดง

ตลาดทรุด ธุรกิจ"จัดระเบียบ"

แหล่งข่าวจากวงการค้ารถมือสอง ระบุว่า ภาวะตลาดผันผวนทำให้ผู้ค้ารถมือสองปรับตัวเพื่อความอยู่รอด หากพิจารณาขนาดของผู้ค้ารถมือสอง ขนาดS ,Mและ L พบว่าผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบน้อยคือผู้ค้าขนาดแอล ที่มีรถ 100 คันขึ้นไป เนื่องจากสายป่านยาว และมีฐานลูกค้าในมือ

กลุ่มที่สอง ได้แก่ กลุ่มขนาดกลางหรือ M ที่มีรถในพอร์ตไม่เกิน 50-100 คัน ได้รับผลกระทบบ้าง จึงต้องการพยายามลดพอร์ตที่มีต้นทุนเก่า และชะลอซื้อรถส่วนกลุ่มที่ 3 กลุ่มขนาดเล็ก หรือ S เป็นกลุ่มพ่อค้าที่มีรถ 20-30 คัน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องเลิกกิจการ

พบสัญญาณราคาเริ่มคงที่

จากการสำรวจในตลาดรถมือสองในช่วงต้นไตรมาส 4 ปี 2557 พบว่า เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ราคารถมือสองเริ่ม "คงที่"นายไซมอน มอแรน รองประธาน แมนไฮมม์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า ตลาดรถมือสองเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากระบบเทคโนโลยีและแหล่งข้อมูล ที่เป็นหนึ่งเดียวของแมนไฮมม์ เอเชีย ช่วยให้มองตลาดได้อย่างระมัดระวัง โดยบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถมือสองเริ่มเห็นกิจกรรมการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้น

แหล่งข่าวระบุว่า ปริมาณซื้อขายและจำนวนรถยนต์มือสอง ลดลงกว่า 30 % คาดว่าตลาดยังคงผันผวนไปจนถึงไตรมาส 3 ปี 2558 แม้ว่าขณะนี้ จะมองเห็นสัญญาณการคงที่ของราคา แต่เชื่อว่ารถล็อตใหญ่จากไฟแนนซ์ จะเข้ามาขายทอดตลาดอีกจำนวนมาก ทำให้มีภาวะสต็อกล้นเกิน (โอเวอร์สต็อก) จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคา

เน็ตเวิร์คใหม่"แฟรนไชส์รถมือสอง"

ความท้าทายไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้ นอกจากกลุ่มบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มือสองจะรวมกันเข้าจัดซื้อรถ ในช่วงปีที่ผ่านมายังเห็นตัวแทนจำหน่ายของแฟรนไชส์รถมือสองระดับโลก เข้าสู่ตลาดเมืองไทย ในนาม "กัลลิเวอร์" ถือเป็นการเริ่มธุรกิจมือสอง แบบโมเดิร์นเทรดเป็นครั้งแรกของตลาด

สำหรับปี 2557 ตลาดรถยนต์ไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ผลพวงจากโครงการรถคันแรกที่ยังคงก่อให้เกิดปัญ และกำลังซื้อถูกดึงไปใช้ล่วงหน้า ปัญหาคืนรถ หนี้เสีย และสต็อก คาดยอดรวมทั้งปีจะอยู่ที่ 8.5-8.8 แสนคัน ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ทำได้กว่า 1.4 ล้านคัน โดยข้อมูลทางการล่าสุดช่วงม.ค.-พ.ย.ทำได้ทั้งสิ้น 7.92 แสนคัน ลดลง34%

ค่ายรถใหม่หวังปีนี้ตลาดโต10%

นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าหากตลาดปีที่ผ่านมาทำได้ระดับ 9 แสนคัน ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากมองถึงปัจจัยลบหลายที่เกิดขึ้น

ส่วนปีนี้เชื่อว่าจะขยายตัวเพิ่มได้ประมาณ 10% เนื่องจากปัจจัยลบหลายอย่างหายไป การเมืองที่นิ่งขึ้น มีการลงทุนภาครัฐเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ กำลังซื้อต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จะช่วยผลักดันตลาดให้เติบโตเนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อรถยนต์ส่วนใหญคือ 60% อยู่ในกรุงเทพ“ช่วงนี้เศรษฐกิจต่างจังหวัดดีขึ้น มีการลงทุนเกิดขึ้น ดีลเลอร์เราบอกว่าที่ดินขยับราคาขึ้น มีกำลังซื้อสูงมาก รวมถึงการค้าชายแดนที่โตอย่างรวดเร็ว จากการตื่นตัวรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี เหล่านี้ช่วยผลักดันให้ตลาดต่างจังหวัดขยายตัว”

ยันแคมเปญแรง ไม่ได้ผล

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ตลาดน่าจะขยายตัวได้ แต่ไม่สูงนัก ประมาณ 10% เพราะมีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น ทั้งการลงทุนภาครัฐ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค

การจัดแคมเปญส่งเสริมการขายแบบรุนแรงเหมือนที่ผ่านมาจะลดลง เนื่องจากได้ผลไม่มากนัก แคมเปญที่แรงขึ้นสวนทางกับยอดขายที่ลดลง ทำให้ค่ายรถมีภาระค่าใช้จ่าย ไม่สามารถที่จะใช้ต่อเนื่อง

ส่วนแนวทางที่ใช้และได้ผล คือการสร้างความเคลื่อนไหวให้กับตัวสินค้าทั้งการเปิดตัวรถใหม่ หรือปรับโฉม เชื่อว่าการพัฒนาการบริการหลังการขาย หรือการจัดกิจกรรมเชิงสังคม หรือ ซีอาร์เอ็ม กับลูกค้าจะช่วยได้มากในการสร้างความมั่นใจ

หวังรถใหม่ดันยอดขายปีนี้

นายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แคมเปญที่ผ่านมา ทำให้ได้แค่การพยุงตลาดไม่ให้ถดถอยเท่านั้น แต่ไม่สามารถฟื้นยอดขายได้ สิ่งที่จะช่วยได้คือ การใช้สินค้าเป็นตัวกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ หรือการปรับสินค้าเก่าให้มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการลูกค้า จากข้อมูลล่าสุด (กลาง ธ.ค.2557) พบเอ็กซ์เทรลสร้างยอดจองได้แล้วกว่า 1,300 คัน

นายสมภพ ปฏิภาณธาดา ผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กระแสการตอบรับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี เกินความคาดหมาย โดยมียอดจองทั่วประเทศ 7,000 คัน (ถึงกลาง ธ.ค. 2557) เป็นการตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่เคยใช้รถยนต์นั่งในกลุ่มคอมแพคท์

นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่มาสด้าตัดสินใจให้ไทยเป็นประเทศที่เผยโฉม มาสด้า 2 ดีเซล ซีดาน พบว่าในช่วง 12 วัน หลังเผยโฉม (11 ธ.ค.) มียอดจองแล้วกว่า 2,000 คัน

" เรามั่นใจว่าการมาของมาสด้า 2 ใหม่ จะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์กลุ่มบี-เซ็กเมนต์ ให้ฟื้นตัวขึ้นแน่นอน"

ทั้งนี้มองว่าการตลาดที่สำคัญในปีนี้คือการใช้ตัวสินค้า และการนำเสนอเทคโนโลยี เพื่อกระตุ้นความสนใจผู้บริโภค ขณะที่การใช้แคมเปญแรงจะลดลงจากปีที่แล้ว