ซูซูกิ เซเลริโอ กระทัดรัด ทะมัดทะแมง

29 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ซูซูกิ จะเปิดรถรุ่นใหม่ "เซเลริโอ" (Celerio) รถอีโค คาร์ รุ่น 2 ของซูซูกิ ต่อจาก สวิฟท์
ซูซูกิปูพรมอีโค คาร์ ตัวใหม่มาตั้งแต่งานมหกรรมยานยนต์ปลายปีที่แล้ว ด้วยการนำรถต้นแบบ เอ-วินด์ มาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก โดยมีผู้บริหารจากญี่ปุ่นเดินทางมาให้รายละเอียดโดยตรง ก่อนที่จะเดินสายผลิตจริงออกมาเป็น เซเลริโอ
เป้าหมายของเซเลริโอ นอกจากจะขายในบ้านเราแล้ว ก็จะส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลกอีกด้วย เริ่มจากยุโรปช่วงเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้
ส่วนบ้านเรา การที่ซูซูกิจะเปิดตัววันพฤหัสนี้ ดังนั้นการเจอะเจอกับผู้บริหารเมื่อสัปดาห์ก่อนจึงยังไม่เปิดเผยราคาจำหน่าย เพราะต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็แย้มๆมาว่าจะมีเซอร์ไพรส์ ไม่ใช่อย่างเดียว แต่จะมีทั้งเรื่องของราคา เรื่องของกลยุทธ์การตลาด โดยเฉพาะเงื่อนไขทางการเงิน
ส่วนการที่ได้เจอกับผู้บริหาร ก็เพราะว่าซูซูกิ จัดกิจกรรมทดสอบกันก่อนการเปิดตัว ที่เชียงใหม่
เซเลริโอ เป็นรถที่มีขนาดเล็กว่าสวิฟท์ เป็นการขยายฐานลงล่างไปยังกลุ่มลูกค้า นิวเอนทรี มากขึ้น ซึ่งซูซูกิเชื่อว่ายังมีอยู่อีกมาก
ตัวถังสั้นกว่า สวิฟท์ประมาณ 25 ซม. ความกว้างน้อยกว่า 9.5 ซม.แต่สูงกว่า 3 ซม. ซึ่งก็คงเป็นเรื่องของการออกแบบ เพื่อให้ห้องโดยสารรถดูโปร่งมากขึ้น จากพื้นที่บริเวณศีรษะที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ค่ายรถต่างๆก็นำมาใช้กัน ไม่เฉพาะรถขนาดเล็กเท่านั้น ซึ่งจากการลองจริงเข้าไปนั่งแล้วก็รู้สึกว่าใช้ได้นะครับ นั่งได้สบายไม่อึดอัด แต่มุมมองจากภายนอกจะทำให้ดูเหมือนเป็นรถทรงสูงสักหน่อย
น้ำหนักตัวโดยรวมก็น้อยกว่าสวิฟท์พอสมควร เช่น ตัวท็อปของแต่ละรุ่นนั้น สวิฟท์อยู่ที่ 975 กก. ขณะที่เซเลริโอ 835 กก.
เครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที ใช้เชื้อเพลิงได้สูงสุดคือ อี 20
เกียร์มีทั้งแบบธรรมดา 5 สปีด ในตัวล่างสุด และเกียร์ ซีวีที ในอีก 2 รุ่นที่เหลือ
ยางใช้ขนาดเท่ากัน คือ 165/65 R14 แต่ล้อต่างกัน รุ่นล่างสุด เกียร์ธรรมดา หรือ จีเอ เป็นล้อกระทะ ขยับมา จีแอล เกียร์ซีวีที ล้อกระทะแต่มีฝาครอบให้ และตัวท็อปสุด จีแอลเอ็กซ์ เป็นล้ออัลลอย ช่วงล่างหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริงด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ระบบเบรก หน้าดิสค์ หลังดรัม โดย 2 รุ่น ซีวีที มีระบบเอบีเอสมาให้
ทุกรุ่นจะมีระบบข้อมูลการขับขี่เช่นอัตราสิ้นเปลือง ระยะทางที่สามารถใช้งานได้ หรือ MID มาให้ และที่ผมชอบคือไฟเลี้ยวแบบ 2 จังหวะ คือจังหวะแรกการแตะเบาๆ ไม่ต้องดันจนสุด มันจะกะพริบ 3 ครั้ง
รุ่นที่ผมทดสอบเป็นตัวท็อปสุด ซึ่งตัวนี้มีอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมมาให้ก็คือ ถุงลมคู่หน้า โดยเมื่อเข้าไปนั่งแล้ว ก็อย่างที่บอกครับนั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัด ขนาดของเบาะก็เหมือนกับรถทั่วๆไป แม้ว่าจะส่วนพิงหลังและศีรษะจะเป็นแบบชิ้นเดียวก็ตาม เพียงแต่รู้สึกใกล้ชิดกับคนด้านข้างเพิ่มขึ้นเท่านั้น จากการที่ช่องว่างแคบลง
การออกแบบภายใน และคุณภาพวัสดุต่างๆ ถือว่าสอบผ่านครับ คอนโซลหน้าก็ออกแบบได้ร่วมสมัย ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆใช้งานได้สะดวก ตำแหน่งเบาะ พวงมาลัย กระจก ปรับให้เหมาะกับการขับขี่ไม่ยาก แต่มีจุดหนึ่งที่อยากได้ แต่ไม่มีคือ ที่พักเท้าซ้ายครับ
เส้นทางการขับคือในตัวเมืองเชียงใหม่ เลาะคูเมืองไปเรื่อยๆ เพื่อลองการใช้งานในเมือง ก่อนจะออกนอกเมืองไปจอมทอง ซึ่งจะได้ลองเส้นทางแบบไฮเวย์ และทดสอบช่วงล่างกับทางคดโค้งที่ทีมงานเลือกมาให้เป็นทางย่อย เสียดายว่าซูซูกิ น่าจะจัดเส้นทางขึ้นลงเขาให้สักหน่อย เพราะเชื่อว่าต่อให้เป็นรถเล็กอย่างไรก็ตาม ผมจะต้องได้รับคำถามจากทั้งผู้อ่าน คนรู้จัก หรือว่าผู้ฟังรายการ ออโต้คลินิกที่นั่งจัดกัน 5 วันทำการครับ
แต่เส้นทางที่ทดสอบก็มีแบบขึ้นเนินลงเนินอยู่บ้างครับ ตามหลักภูมิศาสตร์ของเชียงใหม่ ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหา
กำลังเครื่องยนต์ 68 แรงม้า ตอบสนองการทดสอบระยะทางเกือบๆ 200 กม.ได้ดี เกินคาดครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำความเร็ว ซึ่งผมลองกดๆ เท่าที่สภาพแวดล้อมอำนวยได้ประมาณ 140 กม./ชม. แต่มีเพื่อนๆ ที่ใช้เกียร์ธรรมดาอัดไปได้ราวๆ 160 นั่นหละครับ
แต่ต้องย้ำอีกครั้งว่าการใช้ความเร็วสูงๆ เพราะต้องการรู้ความสามารถของเครื่องยนต์ แต่ไม่แนะนำให้ใช้งานจริง ส่วนความเร็วใช้งานจริงในระดับเดียวกับรถทั่วๆไปที่ใหญ่กว่า คือประมาณ 120 เซเลริโอ ก็ทำได้แบบที่เรียกว่าสบายๆ ครับ
อัตราเร่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยที่คันเกียร์มีปุ่มสปอร์ตให้กดเพื่อเรียกกำลัง แต่ถ้าจะให้วิธีการคิกดาวน์ผมว่าก็ได้ผลดีเช่นกัน
ช่วงล่างทำหน้าที่ของมันได้ดี ที่ความเร็วสูงรถยังนิ่ง ที่ทางโค้งมันก็ลัดเลาะไปได้ไม่ยากเย็น ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายไม่น้อยทีเดียว ทำให้การประนีประนอมกับโค้งเกิดขึ้นในช่วงแรกๆเท่านั้น
พวงมาลัยน้ำหนักดี ความแม่นยำดี แม้จะมีช่วงขาดๆอยู่บ้าง แต่ก็แค่เล็กน้อย และไม่มีปัญหากับการควบคุมรถ และอีกสิ่งที่ทำได้เกินกว่าที่คาดหมายก็คือ การเก็บเสียง ห้องโดยสารค่อนข้างเงียบ
กับราคาที่แม้จะยังไม่รู้แน่ชัด แต่ที่แน่คือต่ำกว่าอีโค คาร์ ตัวอื่น กับอารมณ์การขับขี่ที่ได้ก็ถือว่าไม่สามารถมองข้ามได้ครับ




