Honda CR-V ปรับไลน์อัพ ขับไว้ใจได้เหมือนเดิม นิ่ง ลุยโค้ง สนุก

ฮอนด้า ซีอาร์-วี (Honda CR-V) ขยับตัวดันตลาดช่วงปลายปี ด้วนการไมเนอร์เชนจ์ พร้อมปรับเปลี่ยนไลน์อัปใหม่ ระดับราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
การปรับไลน์อัปของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี (Honda CR-V) ครั้งนี้ ร่วมถึงการยกเลิกการทำตลาดรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ หันมาเน้นตลาดไฮบริด หรือ e:HEV อย่างเดียวพร้อมกับการเพิ่มทางเลือกกับรุ่นย่อยใหม่ ทั้งรุ่น E, HuNT และ RS ขับเคลื่อนล้อหน้า จากเดิมมีเฉพาะขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น
ทั้งนี้รุ่น E เดิมมีอยู่ในรุ่น เทอร์โบ แต่ในฝั่ง e:HEV ถือว่าเป็นรุ่นใหม่
โดยการปรับเปลี่ยนของ Honda CR-V เจเนอเรชั่นที่ 6 เพิ่มฟังก์ชั่น เช่น เช่นระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information - BSI) ในทุกรุ่นย่อย ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM) ทุกรุ่นย่อย
สวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่ปรับได้ 4 รูปแบบ ในทุกรุ่นย่อย โดยเพิ่มโหมดการขับขี่แบบ Individual เสริมกับโหมดเดิมคือสปอร์ตปกติ และแบบประหยัด
เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศ ตั้งแต่รุ่น e:HEV ES ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ตั้งแต่รุ่น e:HEV ES ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT พร้อมเทคโนโลยี Digital Key เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
เพิ่มเซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย เพิ่มขนาดมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT เป็นขนาด 10.2 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย แอปและบริการของ Google ติดตั้งมาในตัวทุกรุ่นย่อย
ซึ่งข้อดีก็คือช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน ปล่อยมือจากพวงมาลัย เมื่อจะใช้ก็พูดว่า “Ok Google” หรือกดปุ่มเสียงบนพวงมาลัยเพื่อเริ่มต้นใช้งาน จะขอเส้นทางและข้อมูลในพื้นที่ หาคำตอบเกี่ยวกับธุรกิจ ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว
รวมถึงเวลาทำการ ข้อมูลสภาพการจราจร และเส้นทางจาก Google Maps เพิ่มจุดหยุดพักระหว่างทาง เปิดคำแนะนำแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวไปยังจุดหมายใหม่ การเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ และคำแนะนำช่องทาง
ติดต่อสื่อสารด้วยการโทรและการส่ง SMS Google หรือระบบความบันเทิงด้วยการเข้าถึงสื่อแบบแฮนด์ฟรี ฟังเพลงโปรด พอดแคสต์ สถานีวิทยุ หนังสือ และสามารถข้ามเพลงหรือกรอไปข้างหน้า และปรับระดับเสียงได้ด้วย ค้นหานักร้อย หาเพลงฟังให้เข้ากับอารมณ์
ระบบยังช่วยควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถแบบแฮนด์ฟรี เช่น ควบคุมอุณหภูมิ ระบบละลายฝ้า ตรวจสอบว่ารถมีน้ำมันพอไปถึงจุดหมายหรือไม่ และอื่น ๆ การจัดการสิ่งต่าง ๆ และขอข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมในแต่ละวัน
ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศล่าสุด กิจกรรมที่กำลังจะมาถึง และการช่วยเชื่อมต่อกับแอปโปรดและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้นปรับลุคทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงโลโก้ H Mark ในโทนสีโมโนโครมเงินและดำ
สำหรับรุ่น RS และ e:HEV RS 4WD ที่อยู่กับผมวันนี้ ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ดูสปอร์ตขึ้น เช่น กันชนหน้าและหลังจากเดิมสีเดียวกับตัวรถเปลี่ยนเป็นสีดำเงา เพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ต เ่ช่นเดียวกับขอบซุ้มล้อ ชายกันกระแทกด้านข้าง และมือจับเปิดประตูด้านนอกที่ เดิมสีเดียวกับตัวรถมาเป็นสีดำเงาเหมือนกัน
ภายในห้องโดยสาร ชุดตกแต่งภายในเปลี่ยนเป็นอะลูมิเนียมรมดำ ลาย Hairline และสีดำ เปลี่ยนด้านพวงมาลัยเป็นสีดำเงา เบาะหนังแท้ผสมวัสดุสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้านสีแดง พร้อมโลโก้ RS บนเบาะคู่หน้า
รุ่น e:HEV ES เปลี่ยนชุดตกแต่งภายในสีเงินอะลูมิเนียม ลาย Hairline และสีดำแบบสปอร์ต
รุ่น e:HEV Eล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เปลี่ยนสีใหม่ เป็นสีดำ Berlina Black
ซีอาร์-วี มีสีตัวถัง 6 สี ได้แก่
- สีเทาเออร์เบิน (มุก) เป็นสีใหม่มีในเฉพาะรุ่น e:HEV RS และ e:HEV RS 4WD)
- สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) มีในทุกรุ่นย่อย ยกเว้น e:HEV HuNT
- สีขาวแพลทินัม (มุก) ทุกรุ่นย่อย ยกเว้น e:HEV HuNT)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) ทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่น e:HEV HuNT
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)สีดำคริสตัล (มุก)
ฮอนด้า ซีอาร์-วี เจเนอเรชั่นที่ 6 ไมเนอร์เชนจ์รอบนี้ฮอนด้าปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางส่วน รวมถึงเพิ่มออปชั่นแต่ปรับราคาลดลง ขณะที่รุ่นท็อป RS 4WD เป็นรุ่นเดียวที่ไม่ปรับขึ้นไม่ปรับลง แต่ปรับรายละเอียดและเพิ่มออปชั่นบางส่วนเข้าไป
ราคา ฮอนด้า ซีอาร์-วี (เดิม )
1.5 เทอร์โบ
- E 1,419,000 บาท
- ES 4WD 1,599,000 บาท
- EL 4WD 1,649,000 บาท
e:HEV
- e:HEV ES 1,589,000 บาท
- e:HEV RS 4WD 1,729,000 บาท
รุ่น ไมเนอร์เชนจ์
e:HEV
- e:HEV E 1,399,000 บาท
- e:HEV ES 1,549,000 บาท
- e:HEV HuNT 1,599,000 บาท
- e:HEV RS 1,659,000 บาท
- e:HEV RS 4WD 1,729,000 บาท
ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งแยกกันระหว่างมอเตอร์ขับเคลื่อน กับ มอเตอร์ที่มีหน้าที่ชาร์จไฟ
กำลังรวมกันสูงสุด 207 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า 335 นิวตันเมตร ส่วนแรงบิดเครื่องยนต์ 183 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ E-CVT ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง มัลติลิงค์ อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง
ไฮบริดของฮอนด้านั้นถือว่าอยู่ในกลุ่มผู้นำในตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะ หรือว่าอัตราสิ้นเปลือง โดยเคลมสูงสุดไว้ท่ี่ 18.5 กม./ลิตร สำหรับรุ่น RS ขับเคลื่อน 4 ล้อ
แต่วันนี้ ซีอาร์-วี RS 4WD ที่อยู่กับผม งานหนักหน่อยครับ เพราะเป็นการลองขับเส้นทาง น่าน-บ่อเกลือ-สะปัน ซึ่งจากตัวเมืองน่านไป เป็นขาขึ้นเกือบตลอดทาง แถมยังต้องปีนเส้นทางนอกถนน ดำฝุ่น ขึ้นไปยังห้วยหมีอีก
ดังนั้นอัตราสิ้นเปลืองเกือบ ๆ 12 กม./ลิตร ผมว่าใช้ได้ครับ
เพราะรถนั้นต้องการกำลังในการฉุดลากขึ้นเนินแทบจะตลอดเวลา แถมยังต้องขับแบบเปลี่ยนความเร็วแทบจะตลอดเช่นกัน เพราะเส้นนี้เต็มไปด้วยทางโค้ง ต้องลดความเร็ว เร่งความเร็ว สลับกันไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจกันว่า จังหวะแบบนี้เป็นตัวกินพลังงาน
สังเกตจากการขับที่ได้ยินเสียงเค้นของเเครื่องยนต์อยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าเป็นช่วงทางราบย่านตัวเมือง หรือจังหวะลงเนินจะไม่ได้ยินเสียงแบบนี้
แต่กำลังของไฮบริดไปได้สบาย ๆ ครับ กับเส้นทางนี้ ไล่ความเร็วขึ้นไปสูง ๆ ได้ไม่ยาก และผ่านความท้าทายที่สำคัญคือจังหวะเร่งแซง เพราะหลายช่วงของเส้นทางนี้มีระยะกับเวลาในการแซงไม่มาก เพราะมีโค้งสลับไปมาตลอดทาง
ดังนั้นพอมีจังหวะเล็กน้อยก็กดคันเร่งให้รถพุ่งไปข้างหน้าก่อนกลับเข้าสู่ช่องทางเดิมได้แบบไม่ต้องลุ้นก่อนที่รถจะวิ่งสวนมา หรือเข้าสู่จุดที่เป็นจุดอับมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า
เรียกว่าต้องคิดเร็วทำเร็ว เป็นการคิดเร็วทำเร็วทั้งคนและรถครับ ถ้าคนคิดเร็ว แต่รถคิดช้า แบบนั้นเรียกว่า คนคิดผิดครับ
ครับถ้ากำลังรถไม่ดี การเดินทางต้องใช้เวลานานกว่านี้อีกมาก คงต้องเกาะตามหลังรถคันอื่นไปเรื่อย ๆ
จุดเด่นอีกอย่าง ของซีอาร์-วี ก็คือ ช่วงล่างที่เซ็ทมาดี รถนิ่ง คุมได้ง่าย และชัดเจนเมื่อต้องขับเส้นทางภูเขาแบบนี้ รถแม่นกับโค้ง และด้วยความเป็นเอสยูวีตัวถังสูง แต่ว่าจังหวะการโยนตัวมีบ้าง แต่น้อย ทำให้ไม่รบกวนสมาธิผู้ขับ เรียกว่าขับแบบอารมณ์สปอร์ตได้เลย
พวงมาลัยผมชอบครับ น้ำหนักดี กระชับ ช่วยในการควบคุมได้เยอะทีเดียว
ส่วนการปีนไต่ขึ้นทางนอกถนน มีทั้งดิน หินลอย การจัดการส่งกำลังแต่ละล้อถือว่าแม่นยำและรวดเร็ว เพราะไม่รู้สึกว่ามีจังหวะที่ล้อหนึ่งล้อใดปั่นฟรี จนทำให้รถมีอาการลื่นไถล หรือเป็นปัญหากับการปีนไต่ทางชันลื่น ๆ
แม้ปัจจุบัน ซีอาร์-วี อายุอานามไม่น้อย แถมยังมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น มีพลังงานให้เลือกที่หลากหลายมากขึ้น แต่ซีอาร์-วี ก็ยังถือเป็นรถที่ยืนระยะได้ดี ซึ่งก็คงมาจากหลายปัจจัย แต่ผมว่าเรื่องของการขับขี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าครับ







