Mercedes-Benz CLA 250 อีวี สเปคล้ำ ราคาลุ้นได้ เดาไม่เกิน 2.4 ล้าน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำเสนอรถใหม่ งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป หลายรุ่น รวมถึง 3 รุ่นเด่น อย่าง G 450d Edition Stronger Than The 1980s, GLA 200 Night Edition และ CLA 250+ with EQ Technology
G 450d Edition Stronger Than The 1980s เป็น จี-คลาส รุ่นพิเศษผลิตออกมาเพียง 460 คัน และไทยได้โควต้า 3 คัน 3 สี
GLA 200 Night Edition เป็นรุ่นแต่งพิเศษเพิ่มความสปอร์ต ดุดัน
ขณะที่อีกรุ่น คือ CLA 250+ with EQ Technology เป็นรถพลังงานไฟฟ้า (EV) รุ่นใหม่ล่าสุด และถือเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของอีวี เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเป็นรุ่นแรกในแพลทฟอร์มใหม่ล่าสุด MMA หรือ Mercedes-Benz Modular Architecture ที่สามารถใช้ร่วมกันได้หลายพลังงานอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นอีวี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือว่าเครื่องยนต์ (ICE) ก็ตาม
ป็นการเปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่แยกแพลตฟอร์มกันระหว่าง EV กับ ICE หรือ EVA2 ในตระกูล EQ เช่น EQS, EQE หรือ EQC
ไม่เพียงแค่แพลตฟอร์มใหม่ แต่ CLA ยังมาพร้อมกับศักยภาพในการใช้งานของอีวีที่ขับขี่ได้ไกลสุดถึง 790 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งน่าจะมีส่วนไม่น้อยในการดึงดูดลูกค้าที่ต้องการใช้อีวีแต่ยังลังเลกับความไม่สะดวกในการใช้งาน ไม่ราบรื่นในการเดินทาง
CLA เปิดตัวในรูปแบบ World Premiere ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยชูคอนเซปต์ “CLASS OF ITS OWN.” เป็นการสะท้อนถึงการเป็นยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัวที่พร้อมเข้ามาสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ยุคใหม่ในเซกเมนต์ Entry Luxury
CLA เป็นรถที่สร้างขึ้นแบบ “Electric-first” ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) ส่งกำลังผ่านเกียร์ 2 สปีด
- กำลังสูงสุด 272 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 6.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- แบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh
- ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กิโลเมตร (WLTP)
- รองรับการชาร์จ DC Charge สูงสุด 320 kW และหากชาร์จ 10 นาที สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 325 กิโลเมตร
CLA ออกแบบโดยใช้แนวคิด “Sensual Purity” ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ที่สะท้อนความเป็น Iconic Luxury หรือความหรูหราและเรียบง่าย แต่แสดงถึงความโดดเด่นที่และเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น
- กระจังหน้า Starpanel แสดงผลในรูปแบบแอนิเมชัน
- ไฟหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมระบบ Daytime Running Light
- ไฟท้ายแบบ Digital Jewelry
ส่วนการออกแบบภายใน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระบุว่า การออกแบบ CLA ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนหินญี่ปุ่น หรือ “Zen Garden” ซึ่งเป็นศิลปะแห่งการลดทอนและคงไว้เฉพาะสิ่งที่เป็นแก่นแท้ เช่น การใช้วัสดุกระจกบนจอกลาง MBUX Superscreen วัสดุโลหะบนคอนโซลกลาง และวัสดุหนังบนแผงบุนุ่มบริเวณข้างประตู
ขณะที่ด้านความสะดวกในการใช้งาน CLA ถือเป็นรถยนต์คันแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ออกแบบให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า (Frunk) ความจุ 101 ลิตร
CLA ยังได้ชื่อว่าเป็นรถที่ล้ำสมัยที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ “MB.OS” ที่มีศักยภาพเทียบชั้น supercomputer โดยทำงานผสานกับหน้าจอ MBUX Superscreen ที่เชื่อมต่อกัน 3 หน้าจอ คือจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว จอกลางขนาด 14 นิ้ว และจอฝั่งผู้โดยสารขนาด 14 นิ้ว
มาพร้อมการแสดงผลแบบ real-time 3D (Unity Engine) และผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่สามารถสื่อสารโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีการร่วมมือกับ Google และ Microsoft ทำให้สามารถรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันระดับโลกมากมาย อาทิ ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom ฯลฯ
ทำงานได้ละเอียด หลากหลาย เช่น สามารถดูยูทูบได้ แต่ก็ไม่ลืมเรื่องความปลอดภัย หากพบว่าผู้ขับเหลือบตาไปมอง ระบบจะตัดภาพ เหลือไว้แต่เสียงเท่านั้น
หรือแผนที่นำทางที่ทำงานร่วมกับระบบต่าง ๆ จะประสานงานกับการทำงานของรถ เช่น ประมวลความจุของแบตเตอรีที่เหลืออยู่กับระยะทางปลายทางว่าเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอจะแจ้งให้ผู้ขับทราบ พร้อมทั้งจัดการหาสถานีชาร์จที่สามารถระบุได้เลยว่าตู้ไหน หรือ หัวชาร์จที่ยังว่างอยู่เป็นต้น
หรือเกี่ยวกับความปลอดภัยในการขับขี่ การประมวลผลเส้นทางจากแผนที่ทำให้รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าเป็นอย่างไร มีความโค้งมากน้อย ทางชันทางลาด เพื่อสั่งการให้ระบบช่วยเหลือของรถทำงาน เช่น ช่วยเบรก เป็นต้น
สเปคมาเต็ม ๆ เห็นแล้วก็น่าใช้ ทีนี้ก็เหลือรอลุ้นราคาว่าจะอยู่ที่เท่าไร แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2.4 ล้านบาท







