'GWM' เสริมตลาดแบรนด์ที่ 5 ในไทย ‘WEY G9’ แบรนด์รัก ซีอีโอ

GWM เปิดตัว WEY พรีเมียมแบรนด์ แรงบันดาลใจจากซีอีโอ “แจ๊ค เวย์” ประเดิม WEY G9 เอ็มพีวี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด วิ่งไฟฟ้า 170 กม. พร้อมเปิดราคางาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025
WEY (เวย์) เริ่มเข้าสู่ตลาดยานยนต์ในปี 2018 หลังจากที่ ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง GWM “แจ๊ค เวย์” (Jack Wey) มีความรู้สึกว่าทำไมจีนที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ แต่เมื่อคนจีนจะซื้อรถในตลาดพรีเมียมกลับต้องไปหาซื้อรถจากต่างประเทศ
จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ เวย์ คิดพัฒนารถพรีเมียมขึ้น พร้อมกับการเดิมพันด้วยการใช้นามสกุลตัวเองเป็นชื่อแบรนด์ พร้อมกับการประกาศชัดเจนว่า
“จะปกป้องแบรนด์เวย์ เหมือนกับการปกป้องครอบครัวตัวเอง”
ถึงตรงนี้น่าสนใจครับว่า การเปิดตลาดในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดปราบเซียน และการแข่งขันที่สูง รวมถึงปัจจุบัน เอ็มพีวี ขนาดใหญ่ทำตลาด เวย์ จะวางตลาดอย่างไร วางราคาอย่างไร เพราะการจะเอาเวย์ลงไปเล่นกันในสงครามราคา ก็อาจจะไม่สะดวกใจนัก
ย้อนกลับมาที่ แจ๊ค เวย์ จริง ๆ แล้ว ซีอีโอ ท่านนี้ก็เคยได้แรงบันใจในการพัฒนารถประเภทอื่น ๆ มาแล้วก่อนหน้านี้ และแรงบันดาลใจก็ไม่ใช่ที่ไหน ที่เมืองไทยบ้านเรานี่เอง
เมื่อครั้งที่เดินทางมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และเห็นว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยรถปิกอัพ ที่มีทั้งความหลากหลาย และใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชนบท ในเมือง หรือเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร มีทั้งใช้งานเชิงพาณิชย์ และใช้งานในชีวิตประจำวัน
และนั่นเป็นที่มาของการเกิดขึ้นของแบรนด์ POER ซึ่งก็เตรียมเปิดตลาดในไทยเช่นกัน
สำหรับ WEY G9 นั้น GWM (Thailand) ค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดที่ดี จากการเป็นรถที่ออกแบบด้วยแนวคิดให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) และจุดเด่นหลักคือ ความพรีเมียม ความสะดวกสบาย เทคโนโลยีการขับเคลื่อน และระบบปฏิบัติการ Coffee OS 3.3
WEY G9 เป็นรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทำงานร่วมกันเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่แบบ Permanent-Magnet Synchronous ร่วมกับเกียร์ DHT
- กำลังสูงสุด 325 kW หรือ 442 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 642 นิวตัน–เมตร
แบตเตอรี่ Lithium Ternary ความจุ 44.28 kWh รองรับการขับด้วยไฟฟ้าล้วน (EV Mode) ได้สูงสุด 170 กิโลเมตร (NEDC) นั่นหมายถึงว่าหากไม่ได้เดินทางไกลมากในแต่ละวัน ก็สามารถใช้งานเป็นรถพลังงานไฟฟ้าหรือว่า อีวี ได้
แบตเตอรีรองรับการชาร์จ
- DC Fast Charging 60 kW
- AC Slow Charging สูงสุด 6.6 kW
ขณะที่ถังน้ำมันมีความจุ 58 ลิตร โดยการทำงานของระบบไฮบริด จีดับเบิลยูเอ็ม ยืนยันว่าสามารถเดินทางได้ระยะไกลสูงสุดมากกว่า 1,000 กิโลเมตร
โหมดการขับขี่และระบบส่งกำลังออกแบบมารองรับทุกสภาพถนนและทุกสไตล์การใช้งาน โดยมีรูปแบบการทำงานรวม 9 รูปแบบ เช่น
- เครื่องยนต์ทำงานอย่างเดียว
- มอเตอร์ทำงานอย่างเดียว
- ทำงานร่วมกัน (HEV) ซึ่งก็แยกเป็นทำงาน ซีรีส์ ไฮบริด และพาราเลล ไฮบริด
และก็แยกออกเป็นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า หรือ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งทั้งทำงานอัตโนมัติ
ส่วนโหมดการขับขี่ที่ผู้ขับเลือกได้เอง ประกอบด้วย Eco, Normal, Sport, Snow และ AWD Mode
สำหรับระบบขับเคลื่อน มีชื่อว่า Hi4 Technology หรือ Hybrid Intelligent 4WD ซึ่งนอกจาก 9 โหมดการทำงาน แล้ว เรื่องของการฟื้นพลังงานหรือการชาร์จกลับก็จะมาจากทั้งเพลาหน้าและหลัง
นอกจากนี้ยังมีระบบ iTVC (Intelligent Torque Vectoring Control) ที่สามารถเปลี่ยนแรงบิดของล้อหน้าและหลังตามสถานการณ์การขับขี่ได้ภายในเวลาเพียง 0.01 วินาที ช่วยลดการลื่นไถลและเพิ่มการยึดเกาะบนพื้นผิวลื่น เช่น น้ำ ทราย หรือกรวด
ส่วนระบบปฏิบัติการ Coffee OS 3.3 ทำงานร่วมกับ AI เพื่อเชื่อมต่อทุกฟังก์ชันในรถ แสดงภาพและสถานะรถแบบ 3 มิติเรียลไทม์ สั่งงานอุปกรณ์ผ่านหน้าจอ เช่น เปิด-ปิด ฝากระโปรงท้าย
รองรับคำสั่งเสียงได้รวม 21 ภาษา และสำเนียงท้องถิ่น เช่น ภาษาอังกฤษสำเนียงไทย พร้อมระบบนำทาง Petal Maps Global Navigation ที่สามารถแสดงภาพแผนที่แบบ 3 มิติและสภาพจราจรแบบเรียลไทม์
อีกหนึ่งจุดขาย คือ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะเบาะนั่งแถวที่ 2 ที่เป็นแบบ Zero Gravity ที่ควบคุมได้ด้วยปุ่มเดียว ออกแบบองศาเบาะ ทั้งส่วนของพนักพิง ส่วนรองนั่ง และรองขาให้อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกสบายที่สุด ซึ่งจากการลองนั่ง ก็นั่งได้สบายจริง รวมถึงผิวสัมผัสจากหนัก NAPPA
โดย GWM ระบุว่า Zero-Gravity ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายเหมือนนั่งอยู่ในอวกาศที่ปราศจากแรงโน้มถ่วง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีการบินและอวกาศของ NASA
โดยการปรับองศาเบาะให้อยู่ใน “Golden Angle” ซึ่งเป็นมุมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสรีระมนุษย์ ประกอบด้วย มุมลำตัว 127° และมุมต้นขา-น่องที่ 132°
และยังจัดตำแหน่งหัวใจและหัวเข่าให้อยู่ในระนาบที่ใกล้เคียงกันที่สุด เพื่อช่วยกระจายแรงกดทั่วเบาะอย่างสมดุล โดยร่างกายของผู้โดยสารไม่ได้สัมผัสกับชิ้นส่วนหรือพื้นของรถ ลดแรงกดทับความเมื่อยล้า
เบาะแถวที่ 2 ยังมีระบบเบาะนวดไฟฟ้า 10 จุด 6 รูปแบบ และระบบเบาะระบายอากาศ
ขณะที่เบาะแถวที่ 1 เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งและ Welcome Seat ระบบดันหลังไฟฟ้าและระบบนวดไฟฟ้า 10 จุด ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มีระบบระบายอากาศ
เบาะแถวที่ 3 พับได้แบบ 4:6 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระเมื่อจำเป็น
อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายในรถ เช่น ตู้เย็น (Car Refrigerator) ความจุ 12.5 เปิดได้ทั้งด้านหน้า (Front Armrest) และด้านหลังแบบลิ้นชัก รองรับทั้งโหมดทำความเย็น 0–15°C และโหมดอุ่น 35–50°C
ไฟสร้างบรรยากาศ 64 สี หน้าจอ HUD และจอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ รวมถึงจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่พับเก็บไว้ที่เพดานหลังคา
WEY G9 มีความยาวตัวถัง 5,050 มิลลิเมตร กว้าง 1,985 มิลลิเมตร สูง 1,900 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,085 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 155 มิลลิเมตร
ออกแบบโดยอิงกับธรรมชาติ เช่น กระจังหน้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธารน้ำตก ซึ่งจีนนั้นมีน้ำตกชื่อดังหลายแห่ง รวมถึงครองตำแหน่งน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย หรือ ไฟท้ายแนวตั้งที่ได้แรงบันดาลใจจากต้นไผ่จีน
ทั้งนี้ ครั้งหนึ่งจีนเคยได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนหลังม่านไม้ไผ่
ประตูแถวหลังแบบบานเลื่อนไฟฟ้า พร้อมบันได 2 ระดับ พร้อมมือจับที่เสาบี ช่วยให้การก้าวขึ้นลงสะดวกขึ้น รวมถึงผู้สูงอายุ ประตูท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี
ส่วนฟังก์ขั่นหลัก ๆ เช่น
พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) แปรผันตามความเร็ว ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมโหมดช่วยผ่อนแรงพวงมาลัย 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดเบา โหมดสบาย และโหมดสปอร์ต ดิสก์เบรกสี่ล้อพร้อมครีบระบายความร้อน
ไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด–ปิด และปรับไฟสูง–ต่ำอัตโนมัติ ฟังก์ชัน Follow Me Home ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (DRL) ไฟท้าย LED ไฟเบรกดวงที่สาม LED
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Michelin ขนาด 245/50 R18
กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบไร้โครงเหล็ก พร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ทที่ปัดน้ำฝนด้านหลังแบบซ่อนกลมกลืนกับตัวรถ หลังคาซันรูฟด้านหน้า และหลังคากระจกด้านหลัง
ระบบไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบ 64 สี กระจกไฟฟ้าทั้ง 4 บานพร้อมระบบ One-Touch
ระบบไล่ฝ้าด้านหน้าอัตโนมัติ เบรกมือไฟฟ้า (EPB) และฟังก์ชัน Quick Start
หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว ลำโพง Amor 21 หน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังขนาด 17.3 นิ้ว
รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับ Bluetooth, วิทยุ FM/AM, เพลงออนไลน์ และวิทยุออนไลน์
ระบบแสดงตำแหน่งล้อตรงกลางบนหน้าจอ (Wheel Center Position) ช่องจ่ายไฟ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ (Dashcam) ระบบแสดงสภาวะการจราจรแบบเรียลไทม์ พร้อมนำทางออนไลน์แบบไฮบริด และแผนที่แบบ 3 มิติ
ภายในรถติดตั้งไมโครโฟน 6 ตำแหน่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสั่งงานด้วยเสียงและการสื่อสารภายในตัวรถ
WEY G9 มีสีตัวถังให้เลือกรวม 4 สี
- Nebula Black
- Superior Gold
- Aurora White
- Wisdom Grey
ส่วนราคา รอลุ้นกันวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 ครับ







