Geely EX 2 ช่วงล่างแน่น ขับสนุก ภายใน ใหญ่กว่าที่คิด กำลังพอตัว

รถรุ่นที่ 2 ของ จีลี่ ในตลาดประเทศไทย “Geely EX 2” เตรียมเข้าสู่ศึกอีวี ที่เข้มข้นในงานมหกรรมยานยนต์ปลายเดือนนี้ ไปดูกันว่าน่าใช้แค่ไหน และขับแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
จีลี่ อีเอ็กซ์ 2 (Geely EX 2) เป็นรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงในจีน โดยจีลี่ ระบุว่า ยอดขายเป็นอันดับ 1 และการเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยครั้งนี้ ถือว่าเป็นประเทศแรกสำหรับรถพวงมาลัยขวา
ในบ้านเราถ้ามองหาคู่แข่งตรง ๆ ก็น่าจะเป็น บีวายดี ดอลฟิน หรือว่า ไอออน ยูที ซึ่งหากดูสเปคบางอย่างก็ดุเหมือนว่า EX2 จะเสียเปรียบ เช่น ขนาดตัวถัง โดยเฉพาะความยาวที่สั้นกว่าประมาณ 14-15 ซม. แต่ความกว้างไม่เสียเปรียบ โดยกว้างกว่า ดอลฟิน และกว้างเท่ากับ ยูที
โดยมิติตัวถัง EX 2 ยาว 4,135 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,580 มม. ระยะฐานล้อ2,650 มม. ความกว้างช่วงล้อหน้า/หลัง 1,555/1,575 มม.
แต่หากดูการออกแบบอื่น ๆ ถือว่า จีลี่ จัดการได้ดี เช่น ความยาวช่วงล้อที่ค่อนข้างยาวเมื่อเทียบกับความยาวตัวถังโดยรวม รวมถึงการจัดการในส่วนต่าง ๆ ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารมันไม่แคบนะครับ
ผมลองเข้าไปนั่งที่เบาะหลังซึ่งก็เห็นว่ายังมีพื้นที่วางเท้าเหลือ ๆ ขยับเท้้าไปมาได้ สอดปลายเท้าเข้าไปใต้เบาะนั่งด้านหน้าได้ ขณะที่ช่วงห่างระหว่างเข่ากับเบาะหน้าก็มีพอควร เรียกว่านั่งได้ไม่อึดอัด
และสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 มีช่องแอร์ให้ด้วย ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับบ้านเรา ที่สภาพอากาศส่วนใหญ่จะร้อน แอร์แบบโซนเดียว มักจะมีปัญหาในการกระจายความเย็น
ซึ่ง EX 2 มีจำหน่าย 2 รุ่นย่อย คันที่ผมลองขับเป็นรุ่นท็อป “MAX” แต่ว่ารุ่นเริ่มต้น “PRO” ก็มีช่องแอร์ด้านหลังมาให้เช่นกัน
ส่วนพื้นที่เก็บของเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของ EX 2 Ffpนอกจากพื้นที่เก็บของปกติด้านท้าย และพิ่มได้ด้วยการพับเบาะนั่งแถวที่ 2 หากไม่มีผู้โดยสารแล้ว ยังมีช่องเก็บด้านหน้า หรือ Frunk ขนาดความจุ 70 ลิตร ถือว่ามีประโยชน์สำหรับรถในตลาดนี้
มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 11 วินาที ความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม.
ไม่จี๊ดจ๊าดนักถ้าพูดถึงการออกตัว แต่การใช้งานจริงมันก็ไม่จำเป็นนัก เพราะคงไม่มีคนมากนักหรอกที่จะออกแบบกระชากกระชั้น ใช้ 0-100 ให้เต็มที่
แต่สำหรับจังหวะการขับขี่ที่ต้องปรับเปลี่ยนความเร็วไปมา การไล่ความเร็ว การเร่งแซง EX 2 ทำได้ดีนะครับ การเรียกความเร็วมาได้ต่อเนื่อง ไล่ไปจนถึงความเร็วสูงสุดใช้เวลาไม่นาน
ซึ่งจริง ๆ แล้วควาเร็วสูงสุดของรถ เกินกว่าสเปคไปแตะ ๆ 140 กม./ชม.
บางคนอาจจะบอกว่าท็อป สปีดน้อยไปไหน่อย แต่เอาจริง ๆ แล้ว มันก็อยู่ในระดับความเร็วที่ใช้งานจริงได้สบาย ๆ
โหมดการขับขี่มีให้เลือกทั้ง อีโค, คอมฟอร์ต และสปอร์ต
ผมชอบสปอร์ต มันทำให้น้ำหนักคันเร่งนุ่มขึ้น และการตอบสนองมอเตอร์ไฟฟ้ากระฉับกระเฉงขึ้น แต่ว่าไม่ก้าวร้าวกระโชกโฮกฮาก ทำให้ใส่โหมดนี้ได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องมาเกร็งเท้ากับคันเร่งเพื่อให้สมูทที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ร่วมทาง ไม่ได้ขับคนเดียว
ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังมัลติลิงค์ เซ็ทได้ดีครับ มีความนุ่มนวล ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ไม่ว่าจะเป็นรอยต่อถนน ถนนซีเมนต์ที่ฉาบไม่เรียบ หรือทางชำรุดบางช่วงได้ดี
และเมื่อขับที่ความเร็วสูง รถนิ่ง การขับในทางโค้งการเกาะถนนดีกว่าที่คาดครับ นิ่ง การโยนตัวก็ไม่มากน่าจะถูกใจผู้โดยสาร
เป็นรถเล็กที่ขับได้สนุกเลยครับ เปลี่ยนช่องทางไปมาได้นิ่ง ทางโค้งต่อเนื่อง เข้า-ออก ได้รวดเร็ว สนุกได้กับการขับขี่
แต่จะดียิ่งขึ้นถ้าเซ็ทพวงมาลัยไฟฟ้าให้มีน้ำหนักมากกว่านี้อีกสักนิด และถ้าปรับใกล้-ไกลได้ด้วยก็จะดี
ส่วนยางใช้ขนาด 205/60 R16
สำหรับแบตเตอรี ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 39.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รองรับขับขี่สูงสุด 395 กม. (NEDC) หรือ 325 กม. ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จ AC 6.6 กิโลวัตต์ DC 70 กิโลวัตต์ ชาร์จาก 30-80% ใช้เวลา 25 นาที
ก็น่าจะเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือถ้าเดินทางท่องเที่ยวก็ไม่ไกลนัก จากกรุงเทพฯ ปลายทางอย่างพัทยา หัวหิน กาญจนบุรี เขาใหญ่ นครนายกก็ได้อยู่ ถ้าไม่ต้องการชาร์จระหว่างทาง รอชาร์จเมื่อถึงปลายทางเลยทีเดียว
สำหรับออปชั่นหลัก ๆ ใส่มาไม่น้อย โดยเฉพาะตัวท็อป
ในส่วนออปชั่นภายนอก ทั้ง 2 รุ่น เช่น ไฟหน้า ไฟสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน ไฟท้าย ไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นแบบแอลอีดี
ไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติพร้อมระบบหน่วงเวลา กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ส่วนรุ่น MAX เพิ่มระบบเปิด-ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ
ภายใน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ม่านบังแดดพร้อมกระจกเงาทั้ง 2 ตำแหน่ง ไฟอ่านหนังสือทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบแอลอีดี ช่องเก็บสัมภาระใต้เบาะหลัง แผ่นกั้นพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ
เบาะผู้ขับขี่สามารถปรับได้ 6 ทิศทาง โดยรุ่น MAX ปรับด้วยไฟฟ้า ขณะที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะหลังพับแยก 60:40
ระบบปรับอากาศดิจิทัล พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง จอแสดงข้อมูลแอลซีดีขนาด 8.8 นิ้ว จอกลางขนาด14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านแอปฯ CarbitLink ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ รองรับแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้
โดยรุ่น MAX เพิ่มระบบรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เนต 4G ช่องต่อยูเอสบีด้านหลัง ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ไฟสร้างบรรยากาศ 256 เฉดสี
รุ่น MAX ยังมีมีกล้องรอบทิศทาง พร้อมโหมดแสดงภาพตัวรถแบบโปร่งแสง และยังมีเรดาร์ด้านหน้า ทำให้สามารถใช้งานระบบความปลอดภัยอย่าง ADAS ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบเตือนการชนก่อนเปิดประตู ระบบตรวจสอบป้ายจราจร ระบบเตือนรถคันหน้าเคลื่อนที่
ระบบเตือนการชนด้านหลัง ระรบบเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนแลนและขณะถอย
ส่วนระบบความปลอดภัยทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งถุงลม 6 ตำแหน่ง เบรกมือไฟฟ้า ระบบออโต้ เบรก โฮลด์ ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง เบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก เสริมแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน ระบบเตือนคนรอบข้างเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ เป็นต้น
โดยรวม ๆ ถือว่าให้ออปชั่นมาไม่น้อย ขณะที่ใครที่ให้ความสำคัญกับการขับขี่ ผมว่า EX 2 ถือเป็น อีวี ขนาดเล้กที่ขับดีอีกคันหนึ่ง เดินทางไกล ๆ อยู่กับรถนาน ๆ ไม่เหนื่อย
ทีนี้ก็เหลือที่การวางราคาว่าจะอยู่เท่าไร และผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งล่าสุดคู่แข่งหลักอย่าง ดอลฟิน นั้นลงไปอยู่ที่เริ่มต้น 449,900บาท
และไม่รู้ว่าช่วงงานมหกรรมยานยนต์ หรือ ปลายปีจะขยับกันอีกหรือไม่







