ลดอีก 140,000-200,000 บีวายดี หั่นราคา ATTO3 - DOLPHIN ส่งท้าย EV 3.0

ลดอีก 140,000-200,000 บีวายดี หั่นราคา ATTO3 - DOLPHIN ส่งท้าย EV 3.0

เรเว่ อัดแคมเปญ ส่งท้ายมาตรการส่งเสริมการใช้งาน อีวี ระยะเร่งด่วน (EV 3.0) ลดราคา ดอลฟิน (Dolphin) และ แอทโต 3 (Atto3) 140,000-200,000 บาท

สำหรับมาตรการส่งเสริมการใช้งาน อีวี ระยะเร่งด่วน หรือ อีวี 3.0 (EV 3.0) เริ่มต้นใช้สิทธิปี 2565-2566  และจะต้องผลิตในประเทศชดเชยการนำเข้าภายในปี 2567-2568 

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดเผยว่า อีวี 3.0 หมดระยะเวลาโครงการวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จะส่งผลให้ภาพรวมราคาจำหน่ายกลับไปอยู่ในระดับปกติ หรือ สูงกว่าในราคาปัจจุบัน 

ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อรถ 

"มาตรการ EV 3.0 มีการสนับสนุนอยู่ที่คันละ 150,000 บาท สำหรับรถยนต์รุ่น BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 ซึ่งเมื่อหมดมาตรการดังกล่าว ทางเรเว่คาดการณ์ว่าราคารถยนต์ไฟฟ้าจะปรับขึ้น โดยสอดคล้องกับโครงสร้างราคาที่เปลี่ยนแปลงไป"

และเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด เรเว่จัดแคมเปญพิเศษเฉพาะรถที่อยู่ในมาตรการ EV 3.0 ประกอบด้วย 

BYD DOLPHIN Standard 

  • 449,900 บาท 
  • 459,900 บาท รวมโฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง 

BYD DOLPHIN Extended 

  • 569,900 บาท
  • 579,900 บาท รวมโฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง

 

 

ลดอีก 140,000-200,000 บีวายดี หั่นราคา ATTO3 - DOLPHIN ส่งท้าย EV 3.0

BYD ATTO 3 Premium 

  • 629,900 บาท 
  • 639,900 บาท รวม โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง

BYD ATTO 3 Extended 

  • 699,900 บาท 
  • 709,900 บาท รวมโฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง

สำหรับการประกาศราคาครั้งนี้ เท่ากับว่า บีวายดี ดอลฟิน ลดลง 140,000 บาท ส่วนแอทโต3 ลด 200,000 บาท 

 เรเว่ระบุว่าแคมเปญนี้จำกัดเฉพาะรถยนต์ที่อยู่ภายใต้โครงการ EV 3.0 โดยมีจำนวนจำกัด

โดยแคมเปญมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม - 10 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด 

อย่างไรก็ตาม เรเว่ระบุว่าหากในช่วงระยะเวลาของแคมเปญนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 มีแคมเปญอื่นที่ดีกว่า บริษัทจะชดเชยส่วนต่างให้แก่ลูกค้าที่ซื้อรถตามแคมเปญนี้

สำหรับบีวายดี เป็นแบรนด์ที่มียอดจำหน่ายอีวีสูงสุด ใช้สิทธิในโครงการ อีวี 3.0 สูงสุด นั่นหมายความว่ามีภาระในการที่จะต้องผลิตรถในประเทศชดเชยสูงสุดเช่นกัน

โดยคาดว่า บีวายดี ใช้สิทธิจากโครงนี้กว่า 30,000 คัน ซึ่งที่ผ่านมาได้ทยอยผลิตรถในโรงงานจังหวัดระยอง ที่เริ่มเดินเครื่องอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2564

อย่างไรก็ตาม การเร่งผลิตให้ทันข้อกำหนด อีวี 3.0 ซึ่งไม่เฉพาะ บีวายดี รายเดียว ทำให้คาดว่าตลาดจะรองรับไม่เพียงพอ เพราะอีวีไม่ได้เติบโตตามที่คาดหวัง แม้ว่าล่าสุดช่วง 9 เดือน ปีนี้ ยอดขายจะเติบโตกว่า 50% อยู่ที่ 8.1 หมื่นคันก็ตาม

รวมถึงการมีแบรนด์ทำตลาดหลายแบรนด์ ยิ่งเป็นการแย่งชิงตลาดกัน 

ทางออกหนึ่งคือ การส่งออก ซึ่งภาครัฐตัดสินเปิดทางให้ก่อนหน้านี้ในรูปแบบมีแต้มต่อ คือ กำหนดให้คิดเป็นจำนวน 1.5 เท่า ของยอดส่งออกจริง ขณะที่การขายในประเทศ คิด 1 เท่า

ซึ่งแนวทางนี้ บีวายดี ก็เข้าร่วมใช้สิทธิเช่นกัน โดยเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งออก ดอลฟิน ล็อตแรก 959 คัน ไปยังยุโรป และตั้งเป้าว่าถึงสิ้นปีจะส่งออกได้ 10,000 คัน 
 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์