เปลี่ยนยาง

เปลี่ยนยาง

โลกทุกวันนี้การค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องต่างๆทำได้ง่ายมากขึ้น เพียงแค่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่และมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ก็สามารถหาข้อมูลเรื่องราวต่าง ๆ ได้สะดวกเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส

แต่ในขณะที่ข้อมูลสามารถไหลมาหาเราได้ง่าย ๆ นั้น ก็ต้องตรวจสอบ, ไตร่ตรอง และคิดให้รอบคอบ ถึงความสมเหตุสมผลของข้อมูลนั้น ว่ามีความสมจริงหรือมีโอกาสที่จะเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด โดยอาจจะหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาเทียบเคียง หรือคิดเทียบข้อมูลที่ได้มาจากความเป็นไปได้จากเหตุผลอ้างอิง

คนใช้รถยนต์ในยุคก่อนเมื่อต้องการเปลี่ยนยางชุดใหม่ ก็นำรถไปที่ร้านจำหน่ายยาง แล้วก็เลือกยี่ห้อของยางที่ต้องการใช้ ส่วนขนาดของยางนั้นเจ้าของรถยนต์ส่วนมาก นิยมใช้ขนาดเดียวกันกับของเดิมที่ต้องถอดออกไป ไม่ต้องไปกังวลถึงประเภทของยาง ว่าเป็นยางสำหรับถนนขรุขระลูกรัง หรือเป็นยางสำหรับถนนลาดยางเรียบ แม้แต่ไม่ต้องเลือกระหว่างยางเรเดียลโครงสร้างเส้นใยโลหะ หรือยางธรรมดาโครงสร้างเส้นด้ายผ้าใบทั่วไป เพราะยางรถยนต์ในยุคก่อนมีความแตกต่างกันไม่มาก

เมื่อครั้งที่ผมเขียนบทความเกี่ยวกับรถยนต์ใหม่ ๆ มีคนจำนวนไม่น้อยรู้ว่าผมเคยขับรถบรรทุกสิบล้อมาก่อน จึงถามผมว่าทำไมคนขับรถบรรทุกจึงต้องใช้ค้อน เคาะไปที่หน้ายางเวลารถจอด ผมจึงได้อธิบายไปว่าการเคาะยางนั้น เป็นการตรวจสอบว่าแรงดันลมในยางยังอยู่ในระดับที่ถูกต้องหรือไม่ หรือแปลความหมายตรง ๆ ก็คือการเคาะยาง เป็นการตรวจสอบว่ายางรั่วหรือไม่

เพราะคนขับรถบรรทุกหรือเด็กท้ายรถที่มีประสบการณ์สูง เมื่อได้ฟังเสียงจากการที่เอาค้อนไปเคาะที่หน้ายาง แล้วฟังเสียงสูงเสียงต่ำที่ได้ยินจากการเคาะ จะรู้ได้ว่าแรงดันลมยางอยู่ที่ระดับประมาณเท่าใด ยิ่งส่วนมากจะเคาะเฉพาะยางที่อยู่คู่กันสองเส้นบนปลายเพลาเดียวกัน คือในยางหลังของรถยนต์บรรทุกหกล้อและรถยนต์บรรทุกสิบล้อ คนขับรถหรือเด็กท้ายรถที่เคาะยาง เขาจะเทียบเสียงจากยางที่อยู่คู่กัน ถ้ามีโทนเสียงเดียวกันก็เดาไว้ว่าแรงดันลมยางยังเป็นปรกติ แต่หากยางเส้นใดเส้นหนึ่งมีโทนเสียงต่ำกว่าเส้นที่อยู่คู่กัน ก็แสดงว่ายางเส้นนั้นมีแรงดันลมอ่อนกว่า หรืออาจจะมีการรั่วซึมของลมในยางเส้นนั้นเกิดขึ้น

แต่การเคาะยางอย่างที่เล่ามาคงมีคนทำน้อยลงในปัจจุบัน เพราะผู้ผลิตรถยนต์เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดแรงดันลมยาง แล้วส่งค่าแรงดันลมยางขึ้นมาปรากฏที่หน้าจอมาตรวัด เพื่อให้คนขับรู้ว่ามียางเส้นใดเส้นหนึ่ง เกิดแรงดันลมยางอ่อนกว่าที่สูบหรือตั้งค่าเอาไว้

สัปดาห์ที่แล้วเพื่อนหญิงของผมคนหนึ่ง ที่เรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก โทรศัพท์มาปรึกษาว่าเอารถเข้าไปตรวจสอบตามระยะทาง แล้วช่างบอกว่ายางที่ใช้อยู่มีอายุถึงกำหนดต้องเปลี่ยนแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนยางอาจจะระเบิดขณะใช้งานได้ แต่เมื่อถามถึงราคายางที่จะต้องเปลี่ยนทั้ง ๔ เส้น ปรากฏว่ามีราคารวมกันราว ๓ หมื่นบาท เธอจึงถามผมว่าสามารถเปลี่ยนยางที่ไม่เหมือนกันกับยางที่ติดรถมาได้หรือไม่

คำตอบที่ผมได้ตอบให้เพื่อนผมไปนั้น ผมคิดว่าหากเอามาเผยแพร่ให้คนใช้รถท่านอื่น ๆ รับรู้ ก็อาจจะเกิดประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง ผมจึงขออธิบายดังต่อไปนี้ว่า ยางรถยนต์นั้นมีอายุที่ต้องเปลี่ยนขึ้นอยู่กับ ๓ เงื่อนไขด้วยกัน 

หนึ่งคือเรื่องของอายุของยาง ซึ่งแยกออกได้เป็นอายุนับตั้งแต่วันที่ผลิต หรือบางคนก็นับตั้งแต่ยางสัมผัสพื้นถนน อายุการใช้งานของยาง ส่วนใหญ่จะกำหนดกันเอาไว้ที่ ๓ ปีหรือ ๕ ปี 

สองคือเรื่องของอายุที่นับระยะทางการใช้งาน ซึ่งมีการกำหนดกันตั้งแต่ ๕ หมื่น กม. หรือบางรายอาจจะถึงขั้น แสน กม.

และสามคือสภาพทางกายภาพของยางเส้นนั้น ๆ เช่น อาจจะมีการรั่วและต้องปะมาบ่อยครั้ง หรือเคยมีแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ หรือโครงสร้างยางเสียหาย

การยึดถือเอาอายุการใช้งานและอายุตามระยะทางที่ใช้ผ่านมานั้น สามารถยืดหยุ่นได้สภาพการใช้งานจริงของผู้ขับรถแต่ละคน เช่น ผู้ขับรถยนต์คันนั้น ๆ เป็นคนที่ขับรถไม่ได้ใช้ความเร็วสูง ใช้ความเร็วไม่เกิน ๑๐๐ กม./ชม. หรือบางครั้งอาจจะเกินกว่านั้นก็ไม่มาก และไม่ได้ใช้รถเดินทางไกลระยะทางยาวต่อเนื่อง ไม่ได้ใช้บนถนนที่เป็นทางคดโค้งไปมา หรือเป็นทางขึ้นเขาลงเขา หรือไม่ได้ใช้รถที่ต้องบรรทุกน้ำหนักมาก ๆ เป็นประจำ จากกรณีตัวอย่างที่ยกมานี้ ก็อาจจะใช้ยางต่อไปได้จนถึงระยะทาง ๘ หมื่น กม.  หรือเป็นเวลา ๕  หรือ ๖ ปีนับตั้งแต่เริ่มใช้ยาง

แต่หากเป็นคนที่ต้องใช้รถด้วยความเร็วสูงเป็นประจำ หรือใช้รถบนทางที่มีความคดโค้งไปมามาก ๆ แก้มยางต้องบิดตัวหรือโย้ตัวตามแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ขณะเข้าโค้ง หรือต้องบรรทุกน้ำหนักมาก ๆ เป็นประจำ กรณีเช่นนี้ก็ไม่ควรใช้ยางเกิน ๓ หรือ ๔ หมื่น กม. หรือไม่ควรใช้ยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้วเกินกว่า ๓ หรือ ๔ ปีเป็นอย่างมาก

ยางที่มีแผลฉีกขาดขนาดใหญ่บริเวณหน้ายาง ยางที่มีแผลรั่วจนต้องทำการปะ บริเวณแก้มยางหรือบริเวณไหล่ยาง ยางที่แก้มยางมีรอยครูดกับขอบทางเท้าจนตัวอักษรที่แก้มยางหายไป ยางที่เคยกระแทกกับขอบถนนหรือตกหลุมอย่างแรง จนโครงสร้างภายในยางมีรอยยับหรือฉีก ยางที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นควรรีบเปลี่ยนเส้นใหม่โดยเร็ว และไม่ควรนำมาใช้แม้กระทั่งเป็นยางอะไหล่

การเปลี่ยนยางนั้นสามารถเลือกใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ แต่ต้องเป็นยี่ห้อมาตรฐานสากลซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และต้องได้รับการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป 

ทั้งนี้ยางที่จำหน่ายในประเทศไทยทุกเส้น กฎหมายประเทศไทยระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องได้รับตรารับรอง สมอ. อย่างถูกต้องด้วยครับ